ตอนที่ 2 ดาบปะทะหมัด
รอบนี้จะเน้นการต่อสู้ระหว่างตัวละครเป็นหลักละ
ฉากต่อสู้นี่ยากจริง ๆ แฮะ (;´Д`A
ราวกับว่าเธอมองไม่เห็นใครอีกนอกจากผู้ชายคนนั้น
ฮิยูกิปล่อยมือของโจอี้โดยไม่รู้ตัว แล้วเดินเซเข้าไปหาเขา
“คนอื่น ๆ ก็มาด้วย…?”
ความอบอุ่นจากมือที่เคยจับไว้
การสูญเสียสิ่งนั้นทำให้หน้าอกของโจอี้เจ็บจี๊ดขึ้นมานิดๆ
ที่ปลายสายตาเขา ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นมนุษย์หมาป่าก็ยิ้มกว้างขึ้นอีก
—ไม่สิ นั่นมันสายตาของพวกโจรไม่ก็ปีศาจที่กำลังเล่นกับเหยื่อชัด ๆ!
“แย่แล้ว! ฮิยูกิ! ถอยออกมาจากหมอนั่นเดี๋ยวนี้!”
โจอี้ชักดาบออกมาพร้อมตะโกนเตือนอย่างฉับพลัน
แต่ฮิยูกิกลับหันมามองเขาด้วยสีหน้างุนงง ตามไม่ทันกับเรื่องตรงหน้า
“แหม่ จริง ๆ ก็มีเรื่องอยากคุยกับฮิยูกิตันอยู่เยอะเลยนะ แต่ก่อนอื่น—”
ชายคนนั้น -อนิมารุ- แสยะยิ้มโชว์เขี้ยวแหลมที่มุมปาก
“–จัดกันซักหมัดเซ่ะะ!”
ชายคนนั้นพุ่งเข้ามาในชั่วพริบตา งัดหมัดหนึ่งขึ้นมาจากข้างล่าง ฉีกกระชากอากาศด้วยแรงกระแทก –นั่นคือสกิลสายหมัด [หมัดกัมปนาท] –มันพุ่งเข้าไประเบิดใส่อกของฮิยูกิ –แต่ว่า
ด้วยคำเตือนของโจอี้ก่อนหน้านัั้น ทำให้เธอหลบหมัดนั้นได้ด้วยสัญชาติญาณ หมัดนั้นเฉียดใบหน้าของเธอไป และแรงปะทุนั่นก็พุ่งไปทำลายหลังคาบ้านใกล้ๆจนกระเด็น
–ความเงียบงันเข้าครอบคลุมชั่วขณะหนึ่ง
แล้วเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นจากทั่วทุกมุมของถนน ผู้คนรอบข้างต่างพากันวิ่งหนีตายด้วยความอลหม่าน
“เสียด๊ายเสียดาย ไม่ได้โนบราหรอกหรอ”
แม้จะหลบมาได้อย่างเฉียดฉิว แต่คลื่นกระแทกที่มากพอก็ทำให้ชุดเดรสบริเวณอกด้านซ้ายของฮิยูกิขาดออกจนเห็นบราสีแดงข้างใน อนิมารุที่เห็นแบบนั้นก็จิ๊ปากอย่างเสียดายโดยไม่สนใจความโกลาหลรอบข้างราวกับไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
ได้เห็นภาพเช่นนี้ของอนิมารุ ฮิยูกิที่ตกใจและสับสนไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าต้องทำอย่างไร
“งั้นต่อไปก็บราสินะะ!”
อนิมารุแลบลิ้นเลียปาก และก้าวเท้าออกไป ทว่า
“ย๊ากก” โจอี้ก็เงื้อดาบฟันเข้าใส่แผ่นหลังเปิด
“ไอ้เด็กเปรตนี่อะไรเนี่ย?”
เขาแค่หันหลังกลับแล้วใช้กำปั้นขวารับแรงเอาไว้ และผลักกลับไป –สกิลสายหมัดที่เรียกว่า ฮัคเคย์ (กระแทกสวน) – เพียงแค่นั้น ดาบเล่มใหม่เอี่ยมของโจอี้ก็แตกกระจาย และแรงสะท้อนก็ยังมากพอที่จะส่งร่างของเขากระเด็นออกไปราวกับลูกบอล ร่างของเขาร่วงกระแทกกับพื้น พังร้านแผงลอยข้างทางตามไปด้วย
“โจอี้?!”
เมื่อได้เห็นการอาละวาดรุนแรงเช่นนั้น ฮิยูกิถึงได้สติขึ้นมาว่า คนตรงหน้า –อนิมารุ– เป็นศัตรู
เธอเรียกดาบเล่มโปรดออกมาจากอินเวทอรี่ [กิลส์ เดอ เรยส์]
ด้วยสภาพในตอนนี้ที่แทบจะเรียกได้ว่าไร้การป้องกันใดใด -มีแค่ชุดเดรสหน้าร้อน– ฮิยูกิรู้สึกไม่มั่นใจเอาเสียเลย แต่กับชายคนนี้ อนิมารุ คงไม่มีทั้งช่องว่างและเวลาให้เรียกอุปกรณ์อื่นออกมาได้อีกแล้ว
จะปล่อยให้เวลาเสี้ยววินาทีที่โจอี้ยอมเสี่ยงชีวิตสร้างเอาไว้ต้องสูญเปล่าไม่ได้
เมื่อตัดสินใจได้เช่นนั้นแล้ว เธอก็เป็นฝ่ายขยับก่อน
ฮิยูกิพุ่งตัวออกไป เอนร่างกายไปข้างหน้า เธอกวาดฟันงัดขึ้นโดยเล็งเป้าที่ลำตัวของอนิมารุ แต่ก็ไม่ทัน เขาหลบได้ อนิมารุล่าถอยในทันใด ก่อนจะปล่อยหมัดรัวเป็นชุด –สกิลสายหมัด แวนิชชิ่ง (หมัดต่อเนื่อง)– สกัดให้เธอไม่สามารถโจมตีต่อเนื่องได้อีก
ทว่าเมื่อเว้นระยะห่างไปแล้ว อนิมารุก็พุ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้ง หมัดขวาพุ่งตรงเข้ามาพร้อมแรงกระแทก เป้าหมายคือบริเวณอกด้านซ้ายที่มีแค่บราปกปิดเอาไว้ ฮิยูกิเอี้ยวตัวหลบอย่างจวนเจียนไปทางซ้ายของอีกฝ่าย และตวัดดาบโต้กลับ
ปลายดาบถูกหยุดไว้
เกราะมือซ้ายของอนิมารุป้องกันเอาไว้ได้
เป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เกิดภาพวะสมดุล แต่หากมัวแต่รีรอ อีกฝ่ายจะตามมาด้วยลูกเตะในทันที
การต่อสู้ประชิดตัวเป็นสนามของอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ และเป็นสถานการ์ณที่เสียเปรียบอย่างยิ่ง
ฮิยูกิจึงตัดสินใจถอยออกมา อนิมารุก็เช่นกัน
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมาบริเวณหน้าอก เมื่อลดสายตาลงมอง ก็เห็นรอยกรีดตื้นๆที่มีเลือดซึมออกมาสามเส้นที่ด้านข้างบรา
แม้เธอจะหลบหมัดได้ แต่ก็อ่านทางปลายแหลมกรงเล็บไม่ทัน
“มีของดีเหมือนกันนี่หน่า ฮิยูกิตัน นึกว่าจะได้เห็นแฮปปี้เม่าท์เท่นแล้วเชียว แต่ก็ยังอุตส่าหลบได้ฉิวเฉียดเลยน้า ในเกมE.H.O นะ เธอไม่เคยร่วมPvPซักครั้ง แต่ถ้าลงแข่งละก็ ผมว่าก็น่าจะติด Top 20 ได้สบายๆละน้า”
เขาว่าพลางแลบลิ้นยาว –เลียปลายเล็บที่เปื้อนเลือดของฮิยูกิ
“ต่อให้คนที่ติด TOP3 ตลอดกาลเป็นคนพูดเอง เราก็ไม่ได้รู้สึกดีใจอะไรหรอกนะ”
ฮิยูกิโต้กลับอย่างไม่สบอารมณ์ เธอว่าพลางใช้มือซ้ายรักษาบาดแผล
อย่างน้อยๆ สิ่งที่ยืนยันได้จากการปะทะกันชั่วพริบตานั่นก็คือ ชายตรงหน้าคนนี้ใช้สกิลที่มีผู้เล่น E.H.O เท่านั้นที่จะใช้ได้ อีกทั้งยังสวมใส่อุปกรณ์ที่เป็นของเฉพาะตัวของอนิมารุ สนับมือ กันโช และสนับเท้า บาคุยะ ที่สามารถรับมืออุปกรณ์ระดับเดียวกับ กิลส์ เดอ เรยส์ ได้
นั่นแปลว่าเขาไม่ใช่ภาพลวงตา หรือดอปเปลเกงเกอร์อย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินคำของฮิยูกิ บราเดอร์มารุก็ยิ้มแห้งๆ
“TOP 3 งั้นเหรอ… แปลว่าไม่ใช่อันดับหนึ่งสินะ น่าเสียดายจริงน้า”
ในวินาทีนั้น ทั้งคู่ขยับพร้อมกัน
สกิลของอาชีพปรมาจาร์ยดาบ [เจ็ดดาบล่องสวรรค์]
อนิมารุเบี่ยงตัวหลบปลายดาบที่แยกออกมาเป็นเจ็ด ป้องกันเอาไว้ด้วยสองมือ และกันที่เหลือด้วยสกิลของสายต่อสู้ แอคเทคแอนด์ดีเฟนด์ (หมัดศิลา) แต่ทว่ามันไม่เพียงพอ เพราะพลังโจมตีของ กิลส์ เดอ เรยส์ นั้นสูงกว่า
ในตอนที่ร่างของอนิมารุเอียงไปด้านหลังจนเกือบจะเป็นตีลังกา จู่ๆ ฮิยูกิก็สัมผัสได้ถึงลางร้ายก็บิดตัวหนีในทันที และปลายเท้าของอีกฝ่ายก็พุ่งผ่านไปยังตำแหน่งที่ศีรษะของเธอเคยอยู่
ทั้งๆที่ยังอยู่กลางอากาศ แต่ร่างของอนิมารุกลับหมุนด้วยความเร็วสูงโดยไม่สนใจกฏฟิสิกส์ หมัดและลูกเตะพุ่งออกมาจากพายุนั่น เพียงแค่แรงกระแทกเพียงอย่างเดียวก็ทำให้พื้นหินและร้านรวงรอบข้างแตกกระจาย
สกิลของปรมาจาร์ยหมัด [อาชูร่าสยบมังกร]
ฮิยูกิตอบโต้สิ่งนั้นด้วยท่าดาบที่ฟันหมุนเป็นแนวนอน
สกิลปรมาจาร์ยดาบ [ดาบเทพพญาหงส์เสด็จ]
พายุหมุนที่เธอสร้างขึ้นกลายเป็นคลื่นดาบอันรุนแรง กวาดเอาเศษชากรอบข้างเข้าไปด้วย มันมุ่งเข้าหาหวังจะกลืนอนิมารุที่ลอยอยู่กลางอากาศ
แรงของทั้งสองฝ่านต่อต้านกันอย่างสูสี แต่ทว่าเพราะอยู่กลางอากาศ ร่างของอนิมารุจึงไม่มั่นคง และเสียการควบคุมไปชั่วขณะ
ฮิยูกิไม่ปล่อยโอกาสนั้นให้หลุดมือ และใช้ [พุ่งทะลวง] ฟันผ่านร่างของอนิมารุ
แต่ทว่า ดวงตาของอนิมารุก็จับจ้องการโจมตีนั้นเอาไว้ได้อย่างชัดเจน
“ย๊ากกกก!!”
พร้อมกันกับเสียงคำราม -สกิลสายหมัด [บลาสแอคแทค](ฝ่ามือกระแทก)- เขาใช้สองมือรับการโจมตีนั้นเอาไว้
มวลอากาศที่ถูกบีบอัดจนถึงขีดสุดระเบิดออก มันบดขยี้เศษซากหินที่ถูกดูดเข้ามาจนกลายเป็นฝุ่นละอองบดบังทัศนวิสัย
–พลาดซะแล้ว!
คงจะหลบหลีกไปได้สินะ..? จากความรู้สึกของดาบที่ฟันลงไปหาความว่างเปล่า เธอได้แต่ขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจ และรีบถอยออกมาจากจุดนั้นทันที
ท่ามกลางฝุ่นที่ฟุ้งกระจายจนมองไม่เห็น ฮิยูกิรีบค้นหาตัวตนของอนิมารุอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าจะทางไหนก็ไม่อาจจับตัวตนของเขาได้เลย
จู่ๆฮิยูกิก็นึกถึงบางอย่างคล้ายๆกันที่เึยเกิดขึ้นมาก่อน
เจ้าชายอาชีล ท่ามกลางความมืด และสัมผัสที่จับได้จากรอบทิศ ตัวเธอที่รีบหนีขึ้นข้างบนโยไม่ทันคาดคิด– ‘ข้างบน!?’
ความคิดที่ร้อยเรียงกันเป็นลูกโซ่นำไปสู่คำตอบที่ดีที่สุด ฮิยูกิสะดุ้งและมองไปยังเหนือหัวตนเอง
ตรงนั้น! เขาใช้แรงระเบิดช่วยให้ตัวเองกระโดดขึ้นไปได้าูงยิ่งกว่าเดิม และในตอนนี้ เธอก็กำลังสบตากับอนิมารุที่กำลังลอยค้างอยู่กลางอากศ
อนิมารุแสยะยิ้มออกมาอย่างน่าสยดสยองด้วยใบหน้าที่เปื้อนเลือดและเขม่าควัน ก่อนที่จะร่วงลงมาจากด้านบนด้วยความเร็วที่มากขึ้นจากแรงโน้มถ่วง พุ่งเข้าหาเธอราวกระสูนปืน
สกิลของปรมาจาร์ยหมัด [กระสุนเงาลมปราณ] ที่จะสละเลือดของตนเองครึ่งหนึ่งเพื่อปลดปลดการโจมทีไม่สามารถหลบได้
“ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!!”
บรรยากาศโยรอบสั่นไหวไปกับเสียงคำรามของอนิมารุ
ต้องหยุดมันให้ได้ ฮิยูกิตัดสินใจเช่นนั้น และพุ่งตัวออกไป
สกิลปรมาจาร์ยดาบ [เสียงคำรามสุดท้ายของปีก]
ท่าที่ใช้ MP ทั้งหมดเพื่อสร้างความเสียหายรุนแรงกับศัตรู
“ย่าาาาาห์—–!!
เธอรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อเข้าปะทะ
การโจมตีของฝั่งนั่นจะมาถึงก่อน หรือการโจมตีของเธอจะทำให้ HP ของอีกฝ่ายหมดก่อน
แต่ว่า จากปริมาณ hp ที่เหลือของทั้งสองฝ่าย และลักษณะสกิลของแต่ละคน ฝั่งของเธอได้เปรียบอย่างแน่นอน!
เมื่อวิเคราะห์ได้ดังนั้น ฮิยูกิจึงวาดดาบออกโดยละทิ้งการป้องกัน ดาบของเธอและหมัดของอนิมารุปะทะกัน–ในเสี้ยววินาทีนั้น หมัดของอนิมารุก็กางออก
อะไรกัน?!!
มันไม่สามารถหยุดการใช้สกิลได้นี่—!!—หรือว่า แม้แต่เสียงตะโกนนั่นก็เป็นการหลอกล่อ?!
เบื้องหน้าฮิยูกิที่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ปลายของ กิลส์ เดอ เรยส์ ถูกหยุดไว้ด้วยฝ่ามือทั้งสองข้างของอนิมารุ
สกิลของปรมาจาร์ยหมัด [จับดาบมือเปล่า]
สกิลนี้นั้น อัตราความสำเร็จของสกิลไม่ได้สูงเลย เพราะมันขึ้นอยู๋กับฝีมือของผู้เล่นล้วนๆ แต่ถ้าหากเป็นผู้เล่นระดับท๊อป ที่สามารถอ่านท่าทางและจังหวะของอีกฝ่ายได้ ก็จะสามารถใช้สกิลนี้สำเร็จในอัตราที่สูงมากอย่างแน่นอน
แม้ฝ่ามือจะถูกคลื่นจากท่าดาบของฮิยูกิเชือดเฉือนจนการเป็นแผลเหวอะหวะ อนิมารุก็ยังแสยะยิ้มได้
“–นี่แหละนะ ความแตกต่างระหว่างคนที่เคยสู้ PVP และคนที่ไม่เคย”
และแล้วในเวลาที่แทบจะพร้อมกัน เขาก็กวาดขาออกไป เตะเข้าที่ร่างของฮิยูกิ ที่ยังไม่สามารถทรงตัวได้กลางอากาศ
ระปะทะระเบิดออก กระแทกร่างเล็กๆของฮิยูกิจนปลิว
เธอกระแทกไถลไปบนถนน กลิ้งไปบนพื้นถนนที่ปูด้วยหิน
ดาบ กิลส์ เดอ เรยส์ หลุดออกไปจากมือของเธอและปักแน่นอยู่บนพื้น
“..อึก…”
หมวกปลิวหายไปแล้ว ทั่วทั้งร่างเปรอะเปื้อ และชุดเดรสที่แทบจะปกปิดอะไรไว้ไม่ได้แล้ว ฮิยูกิฝืนประคองสติเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด และพยายามลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ
“โย๊~ช”
อนิมารุปล่อยสกิลหมัด [สตั้นโบลว์] เข้าที่ลิ้นปี่อย่างจัง พริบตานั้น สติของฮิยูกิขาดไป
“โอ๊ะโอ!”
รองรับร่างบอบบางของฮิยูกิเอาไว้ด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว อนิมารุเหลือบมองใบหน้าไม่ได้สติของฮิยูกิ จากนั้นก็โลมเลียไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะยื่นมือขวาเข้าไปใต้บราเพื่อสัมผัสของข้างใน และแลบลิ้นเลียปากตนเอง
“ที่นี่ไม่มีกฏห้ามทำเรื่องอย่างว่าสินะ จะลองชิมตรงนั้นตรงนี้ซักหน่อยเลยก็ดี แต่พอสลบอยู่แล้วไม่น่าสนใจเลยน้า เพราะงั้นเอากลับไปกินช้าๆที่บ้านแล้วกัน”
และในตอนที่เขากำลังพึมพัมอย่างอารมณ์ดี “เอากลับบ้านคนนึงคร้าบ”และกำลังจะจากไป ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำลงบนเศษหิน
“…เดี๋ยว ปล่อยฮิยูกิซะ”
“–หือ?”
พอมองกลับไป เขาก็ได้เห็นไอ้เด็กเมื่อวานซึนที่คิดว่าฆ่าไปแล้ว เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลและหายใจลำบาก แต่ทว่ากลับก้าวเข้ามายืนต่อหน้าอนิมารุด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาน และในมือของเด็กนั่น ถือดาบสุดรักของฮิยูกิ กิลส์ เดอ เรยส์ เอาไว้ด้วย
“ว่าไงเด็กน้อย? ยังไม่ตายอีกเรอะ? คิดว่าฆ่าไปแล้วนะเนี่ย พลังป้องกันของไอ้ดาบเมื่อกี้เยอะกว่าที่คิดเลยแฮะ..”
“หุบปาก! หยุดพูดไร้สาระแล้วปล่อยฮิยูกิเดี๋ยวนี้!”
ตรงกันข้ามกับโจอี้ที่กำลังโกรธจัด อนิมารุกลับมองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา
“ฟังข้านะ เด็กน้อย ดาบนั่นนะเป็นอาวุธเวล 99 เด็กอย่างแกแค่ถือไว้ก็ไม่ต่างอะไรกับถือท่อนไม้ธรรมดาหรอก คิดว่าฝีมือระดับแกจะสามารถทำอะไรได้เรอะไง?
อนิมารุบุ้ยคางไปรอบๆที่เสียหายเละเทะเหมือนโดนระเบิดลง แต่ความมุ่งมั่นในดวงตาของโจอี้ไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่นิด
“แล้วไง! ข้าไม่แพ้ให้กับคนเห็นผู้หญิงเป็นของเล่นหรอก!!”
ก่อนที่เขาจะโจมตีพร้อมเสียงตะโกนใส่อนิมารุสุดแรง
“ไอ้โง่~~~~”
อนิมารุพึมพัมออกมาด้วยสายตาที่เหมือนกำลังมองขยะไร้ค่า แล้วใช้มือขวาที่ยังว่างอยู่ปัดการโจมตีแบบไม่ใส่ใจ
ดาบและหมัดปะทะกัน ก่อนที่จะเกิดเสียงทึบๆคล้ายกับเสียงต่อยโดนใครซักคงดังก้องไปทั่ว
วินาทีต่อมา ร่างของอนิมารุก็ถูกกระแทกออกไปด้วยแรงมหาศาล เขากลิ้งไปบนพื้นหินที่แตกกระจายเป็นทางลากยาว
“อะ–อะไรวะ!”
——
ตอนต่อไป เราจะได้เจอกับโจอี้ที่ปลุกพลังเป็นซุปเปอร์โจอี้จากความโกรธจัดจนไล่อัดไม่ยั้งละ—- ล้อเล่นนะ
ตอนต่อไปจะเป็นการเล่าว่าคนอื่นๆทำอะไรอยู่ในตอนที่ฮิยูกิตกอยู่ในอันตรายละ
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจหรือจะเป็นค่าชานมไข่มุกให้คนแปลก็ได้ทั้งนั้นคะ (แต่ส่วนใหญ่น่าจะไปลงชานมหมด)
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ
MANGA DISCUSSION