ตอนที่ 13 ปากและฟันพึ่งพากัน
(สำนวนที่แปลว่า พึ่งพาอาศัยกันและกัน)
ข้อความจากผู้เขียน
ยังไม่จบนะๆ > <
ยังมีอีกตอนนึง เป็นตอนคล้ายๆตอนจบบทนะ
—-
มีนายทหารหลายคนนำอยู่ข้างหน้าท่ามความความมืดสลัวของทางลับใต้ดิน ชายวัยกลางคนผู้ที่ดูมีสถานะสูงศักดิ์ และชายหนุ่มในวัย 20 กลางๆกำลังหอบหายใจ วิ่งอย่างสุดฝีเท้า
“เร็วเข้าเถอะครับฝ่าบาท พอออกไปจากที่นี่ได้เราจะไปที่กระท่อมบนภูเขาตรงชานเมือง แล้วหลังจากนั้นเราจะซ่อนตัวอยู่ใต้การปกครองของดยุกบัลดีซักพัก และด้วยความช่วยเหลือจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็ของจักรวรรดิ เราจะขับไล่พวกทรยศและมอนสเตอร์ไปจากประเทศของเราได้ครับ”
“ระ-รู้แล้วน่ะ ข้าไม่คิดจะมอบประเทศนี้ให้กับมอนสเตอร์หรือคนทรยศนั่นแน่ ข้าจะเอาประเทศนี้กลับมาด้วยมือของข้าเอง!”
ชายฉกรรจ์ผู้ซึ่งไม่ได้หน้าตาแย่แต่อย่างใด แต่ดูท่าทางเหลาะแหละ – พึมพำเสียงน่ารำคาญไปพลางถือกล่องในมืออย่างระมัดระวัง
“แน่นอนครับ ท่านพ่อ มาแสดงให้พวกมันรู้กันเถอะว่าอาณาจักรนี้เป็นของใครกันแน่ แต่ข้าว่าที่น่ารำคาญยิ่งกว่าพวกมอนสเตอร์ก็คือคนพวกนั้นต่างหาก! ทั้งๆที่ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายภายใต้การปกครองของท่าน แต่กลับหักหลังพวกเราแล้วก่อกบฏ – พวกโจรไม่รู้จักบุญคุณ!”
ท่าทางของชายหนุ่มอ่อนวัยชัดเจนกว่ามาก เพราะดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความแค้น
“ใช่แล้วครับ โชคดีที่มีคนนอกราชวงศ์เพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่ามีทางลับนี้อยู่ ข้าปิดกั้นทางเข้าจากทางปราสาทไว้แล้ว ดังนั้นข้าขอให้ท่านสบายใจได้เลยครับ”
แม้จะได้ยินคำพูดของทหารนายนั้น – กษัตริย์องค์ปัจจุบันของอาณาจักรอมิเทีย – ดูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“…แต่ว่าที่นั่นยังมีลูกชาย ลูกสาว และภรรยาข้าอยู่ที่ปราสาทนะ”
“ช่วยไม่ได้หรอกครับ ถ้าเราไปด้วยกันหมดก็จะดึงดูดความสนใจได้ แล้วก็จะต้องใช้เวลาหนีมากกว่าเดิมด้วย ตราบใดที่ท่านยังอยู่ ท่านพ่อผู้เป็นราชาคนปัจจุบัน ตัวข้า ราชาคนต่อไป และตราพระราชลัญจกร อาณาจักรอมิเทียจะยังคงปลอดภัยครับ พวกเขาเองก็เป็นราชวงศ์เหมือนกัน เพราะงั้นพวกเขาคงเตรียมใจจะสละชีวิตไว้แล้วครับ”
ชายหนุ่มวัยเยาว์ – เจ้าชายองค์แรกและผู้เป็นเจ้าชายรัชทายาท – พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น องค์ราชาก้มมองกล่องเล็กๆในมือของเขาก่อนจะเงียบไป
และในวินาทีนั้นเอง ทางลับใต้ดินที่มีเพียงเสียงฝีเท้าของพวกเขาเท่านั้น ก็มีเสียงน่ารักๆคล้ายเด็กน้อยปรบมือดังก้องขึ้นมา
“— อะ-อะไร!?”
พวกเขาทั้งหมดชะงักไปด้วยความตกใจ และชักดาบออกมา ก่อนจะหันไปยังทิศทางของต้นเสียงปรบมือนั่น – หันหน้าไปสู่ความมืดเบื้องหน้า
ไม่ต้องรอนาน ภายใต้ระยะเท่าที่ตะเกียงจะไปถึง – นั่นไม่ใช่เทียน แต่เป็นอุปกรณ์เวทมนต์ที่สร้างแสงออกมาได้ ดังนั้นมันจึงค่อนข้างสว่างเลยละ – เด็กหญิงที่สวมใส่ชุดเดรสอันหรูหราสีดำประดับด้วยดอกกุหลาบ ผู้ที่มีเรือนร่างเยาว์วัยทว่างดงามเกินสิ่งใดเปรียบ เข้ามาใกล้พร้อมกับนักดาบเกราะสีแดง ที่สวมใส่หน้ากากปีศาจปิดบังใบหน้าครึ่งบนเอาไว้
เมื่อได้เห็นผู้บุกรุกที่ไม่เข้ากับสถานที่เลยแม้แต่น้อย พวกเขาได้แต่งุนงงว่านั่นเป็นวิญญานหรือเปล่า แต่เด็กสาวคนนั้นไม่ได้สนใจความสบสนของพวกเขา และพูดด้วยน้ำเสียงอันสดใสและตรงไปตรงมา
“นั่นน่าประทับใจมาก ถูกแล้วละ พวกเจ้าเป็นราชวงศ์ และราชวงศ์ต้องรับผิดชอบ แน่นอนว่าเจ้าจะเตรียมใจมาแล้ว เพราะเจ้าพูดเองด้วยนี่นะ”
เธอว่า ยกมือขึ้นกอดอกและพยักหน้า
“แกเป็นใคร!? แล้วมาที่นี่ได้ยังไง!?”
เจ้าชายลำดับแรงถามเธอด้วยดวงตาระแวดระวัง เด็กสาวส่งสายตาเย็นชาคืนไป ก่อนจะโค้งคำนับด้วยท่าทางสง่างาม
“เรามีนามว่า ฮิยูกิ เป็นผู้ปกครองแห่งอาณาจักรปีศาจ อิมพีเรียลคริมสัน ยินดีที่ได้พบกันเป็นครั้งแรก –และ มามอบคำอำลาครั้งสุดท้ายให้ด้วย”
“ทะ..ทำไมคนจากอิมพีเรียลคริมสันรู้ทางลับนี่..?”
ในขณะที่ทุกคนตกลงอยู่ในความเงียบ เจ้าชายลำดับที่หนึ่งก็เค้นคำถามออกมา
“–ก็นะ? พวกเจ้าจะอยากรู้ไปทำไมในเมื่อก็จะไม่อยู่กันแล้วนะ”
ได้ยินคำของเธอ ทหารทั้งหลายก็จดจำหน้าที่ของตนขึ้นมาได้ พวกเขาตั้งดาบและพุ่งเข้าหาฮิยูกิ
“มาโรโดะ”
อัศวินสีแดงที่ยืนอยู่เบื้องหน้าชักดาบยาวออกมา เตรียมพร้อมเข้าปะทะ
แต่ทว่า ทางเดินลับใต้ดินนี่แคบเกินไป จะไม่สามารถรับมือกับการโจมตีจากหลายทิศทางได้แน่ เพราะงั้นนายทหารแต่ละคนจึงมั่นใจในชัยชนะ
“พายุหมอกเหมันต์ (คาซูมิ ฟุบุกิ)”
ในเวลาเดียวกันนั้น ชายผู้ถูกเรียกว่ามาโรโดะคืบเท้าเข้ามา ร่างของเขาแยกออก พร้อมกับที่ดวงตาของนายทหารเหล่านั้นเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“นะ-เทคนิคนี้มัน!!”
“อา หรือว่าท่าน-?!”
“อย่าบอกนะว่า ท่าน…”
มันคือช่วงเวลาแห่งความสับสน และในจังหวะที่มาโรโดะเดินจากมา นายทหารทั้งหลายก็ล้มลงจมกองเลือด
“ฮี๊——-!!”
เมื่อได้เห็นเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกรีดร้องออกมาและแสดงท่าทางไร้เกียรติด้วยการพยายามจะหนีโดยไม่แม้แต่จะจับดาบ มาโรโดะก็ได้แต่ถอนหายใจและฟาดดาบออกไป
“จันทร์เดียวดาย(โคเก็ทสุ)”
แสงวาบของดาบตัดผ่านความมืด จากนั้นก็มีเสียงหนักๆล้มกลิ้งไป
ผู้เดียวที่เหลืออยู่…หรือจะกล่าวว่าเขาตัวแข็งจนขยับไม่ได้ดีละ ในขณะที่ก้าวเท้าเข้าไปใกล้กับราชา ฮิยูกิก็ส่ายหัวไปไปพลาง “ไม่ไหวไม่ไหว” ไปพลาง
“ปากว่าอย่างแต่การกระทำอีกอย่างนี่นา ตอนเจ้าชายอาชิลก็บอกว่า เขาร่วมมือกับประเทศของเรารุกรานประเทศของเจ้า แล้วเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ ‘จะไปขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็ของจักรวรรดิ’ใช่มั้ยนะ? ไม่ใช่ว่านั่นก็เหมือนกันหรอกหรอไง์ นี่แหละที่เขาเรียกกันว่าสองมาตราฐานนะ”
แต่ดูท่าว่าราชาคงจะไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไร เพราะเขาคุกเข่าลงและยื่นกล่องใบเล็กออกมา
“ไว้ชีวีตข้าเถอะ! ข้าจะมอบตราพระราชลัญจกรนี่ให้ ตอนนี้อาณาจักรนี้เป็นของเจ้าแล้ว เพราะงั้นได้โปรด..”
เขาอ้อนวอนทั้งน้ำตาเลยละ
ฮิยูกิชะงักไป ก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นยอมแพ้
“เราไม่คิดว่าตราประทับอันนี้จะมีผลอะไรขนาดนั้นหรอกนะ แต่ถ้าเอาไปให้คอนราดทีหลังก็น่าจะใช้เอาไปหลอกใครๆได้แหละ เราจะรับเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน”
เธอว่าแล้วก็ใช้ปลายเท้าเตะกล่องเล็กนั่นเบาๆ คว้ามันเอาไว้และใส่ลงในกระเป๋าด้านหลัง
“งะ-งั้น ทำยังไงดี? ขอแค่ชีวิตข้า..”
ราชาถูหน้าผากของเขาไปมากับพื้น ฮิยูกิได้แต่ส่งสายตาเย็นชาให้กับท่าทางนั้น เธอมองมาโรโดะด้วยความสับสนเล็กน้อย แต่เขาก็แค่ยักไหล่ราวจะบอกว่า “ให้องค์หญิงตัดสินใจเลยครับ” เธอก็เลยได้แต่ถอนหายใจ
“เราได้ยินมาว่าเจ้าเป็นมนุษย์ที่มีดีกว่านี้อยู่นิดหน่อยนะ แต่ช่างน่าผิดหวัง.. เอ แต่ได้เห็นท่าทางประจบประแจงขนาดนี้ก็สดชื่นใช้ได้– ยังไงซะตราพระราชลัญจกรนี่ก็เป็นของมีค่ามากแน่นอน”
แม้จะได้ยินเช่นนั้น ร่างกายของพระราชาก็ยังสั่นเทิ้ม เขาได้แต่พึมพำร้องขอชีวิตตัวเองอยู่ซ้ำๆอย่างนั้น เห็นแบบนั้นฮิยูกิก็ได้แต่ส่งสายตาไม่อยากเชื่อผสานกับความดูถูกส่งไปให้ และยักไหล่
“เข้าใจละ ดูเหมือนว่าการเอาหัวของเจ้าไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เราและอิมพีเรียลคริมสันจะไม่ยุ่งเกี่ยวใดใด”
“อะ-โอ้ออออ..!!”
พระราชามีความหวังริบรี่ขึ้นมาเพราะคำพูดนั้น
“..เพราะงั้น เราจะปล่อยให้ประชาชนของอาณาจักรนี้ก็แล้วกัน หลังจากนี้เราจะเอาเจ้าไปไว้ที่ลานด้านหน้าพระราชวัง เหล่าประชาชนจะตัดสินเจ้ายังไงกันนะ? ..เอานะ หากเจ้าบริหารประเทศได้ดี และทำให้ประชาชนสำนึกได้ว่าพวกเขาได้มีชีวิตที่ดีขนาดไหน คนเหล่านั้นก็คงจะกระโดดโลดเต้นด้วยความยินดีที่ได้เจอเจ้าแหละ”
ราวกับคำพูดของเธอเทียบเท่าโทษประหารชีวิต เพราะใบหน้าของพระราชาถูกย้อมไปด้วยสีสันแห่งความสิ้นหวังอย่างแท้จริง เขาส่ายหัวปฏิเสธและพยายามถอยออกไปจากตรงนั้น แต่มาโรโดคว้าเข้าที่หลังคอของพระราชา เขาน้ำหูน้ำตาไหลเป็นทางราวกับเด็กน้อยขี้งอแง
“น่าเกลียดจริง เทนไก”
แสงวาบเปล่งประกายออกมาจากอกของฮิยูกิเป็นการตอบรับเสียงเรียกนั้น มันไปรวมตัวอยู่ข้างๆเธอ และกลายเป็นอัศวินสีทองคนหนึ่ง
“ครับ ท่านเรียกข้าหรือครับองค์หญิง”
ฮิยูกิหันไปหาเทนไกที่โค้งคำนับอยู่
“โทษทีนะ แต่เจ้าช่วยเอาไอ้นี่ไปทิ้งที่ลานด้านหน้าพระราชวังให้ทีสิ? อา ทางออกปิดไปแล้ว เพราะงั้นจะพังออกไปตรงไหนก็ได้ที่จะไม่มีปัญหา แล้วก็อธิบายให้กับประชาชนที่มารวมกันว่าเราให้ไอ้เจ้านี่ไว้ให้พวกเขาจัดการ”
เธอว่าพลางชี้นิ้วไปยังราชาที่กำลังดิ้นรนด้วยน้ำเสียงสบายๆราวกับกำลังจัดการกับเศษอาหารเหลือทิ้ง
“รับทราบแล้วครับ”
เทนไกโค้งคำนับอีกครั้ง จากนั้นก็ไปคว้าคอพระราชาจากมาโรโดะและลากเขาออกไปแบบไม่สนใจสิ่งใด
“มะ-ม่ายยยยยยยย พ-พวกเจ้าจะทำอะไรกับข้าาาาาา!!”
“ก็เพราะเราไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ผลลัพธ์ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอไง?”
แม้ว่าราชาคงจะไม่ได้ยินอีกต่อไป แต่ฮิยูกิก็ตอบกลับคำพูดนั้นหลังจากที่เขาหายไปในทางเดินลับนี่ ก่อนที่เธอจะหันไปหามาโรโดะที่นิ่งเงียบ
“..ดูแล้วทั้งพระราชาและเจ้าชายรัชทายาทจะไม่ได้สังเกตุเห็นนายเลยจนกระทั่งวินาทีสุดท้ายนะ แม้ว่าเหล้าข้ารับใช้จะเห็นก็ตาม”
“ไม่ว่าข้าจะเศร้าหรือเสียใจมันก็ซับซ้อนทั้งนั้น แต่ผลลัพธ์นี้คือที่สุดแล้วล่ะ”
มาโรโดะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย เขามองไปยังศพของนายทหารและเจ้าชายลำดับที่หนึ่งที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นรอบๆ
และสะบัดดาบยาวที่ถืออยู่ในมืออีกครั้ง สลัดคราบเลือดทิ้งทั้งหมด และเก็บมันกลับเข้าฝัก
“เอาละ เราจะเอาตราประทับนี่ไปให้คอนราด –ก็นะ เขาต้องเกลียดมันแน่ๆเราว่า”
ฮิยูกิกลั้นหัวเราะเมื่อจินตนาการถึงฉากนั้น
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปจัดการเรื่องเล็กๆอีกเรื่องให้เสร็จระหว่างนี้นะ”
“อืมมม เอาเถอะ เราจัดการเรื่องที่เราจะต้องทำไป 90 เปอร์เซนแล้ว เพราะงั้นก็ตามสบายเลย”
มาโรโดะพยักหน้าเงียบๆ ก่อนจะหันหลังและเดินตรงไปยังพระราชวัง เมื่อส่งเขาเดินออกไปแล้ว ฮิยูกิก็หันหลัง และเดินกลับไปยังเส้นทางที่เธอมา
—-
ข้อความจากผู้เขียน
ตอนแรกคิดว่าจะเขียนเรื่องการประหารชีวิตกษัตริย์ทีหลังด้วย แต่ก็เว้นไปเพราะไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักเท่าไหร่
แต่มันก็คือโดนรุมประชาทัณฑ์ละนะ
kloy1002 : ช่วงนี้มีแต่บทที่เป็นมุมมองจากบุคคลที่สามทั้งนั้นเลยน้า ไม่ได้อ่านความคิดในหัวน้องฮิยูกิมาซักพักแล้วนะนี่
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจหรือจะเป็นค่าชานมไข่มุกให้คนแปลก็ได้ทั้งนั้นคะ (แต่ส่วนใหญ่น่าจะไปลงชานมหมด)
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ
MANGA DISCUSSION