“โอ้ววววววว เราจะติดตามองค์หญิงไปปปป!”
“ขอให้เกียรติภูมิจงอยู่กับอาณาจักรอิมพีเรียลคริมสัน!!”
“ชัยชนะจะอยู่กับนายเหนือหัวแห่งเรา ท่านหญิงฮิยูกิ!!”
“—ชัยชนะะะะ!!!”
เสียงเชียร์ที่ดังก้องมั่วซั่วไปทั่วห้องบัลลังค์ สุดท้ายก็รวมกันเป็นหนึ่ง
ทำไมปีศาจพวกนี้มันคึกกันจังฟ่ะ?!
กว่าผมจะรู้ตัว สถานการ์ณก็เกินจะควบคุมได้ไปแล้ว– เอ มันก็ควบคุมไม่ได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่นา และผมก็คุมไม่ไหวด้วย – แต่มันก็ยังเลยเถิดไปถึงจุดที่กู่ไม่กลับแล้วจริงๆ
“สมกับเป็นองค์หญิง ช่างเป็นถ้อยคำที่เยี่ยมมากคะ”
มิโคโตะยิ้มออกมาด้วยความปลาบปลื้ม
“ต่อให้ยืนอยู่เบื้องหน้าบรรดาขุนพลปีศาจ ท่านก็สงบนิ่งไม่แม้แต่จะกระพริบตา ช่างสมเป็นนายหญิงเพียงคนเดียวของข้าจริงๆ”
อุสึโฮะใช้พัดปกปิดริมฝีปากตนเอง และแย้มยิ้มยั่วยวน
“…..”
ผมทำได้แค่หลบตาเธอ
ผมมั่วซั่วตามน้ำไป แล้วก็เป็นลมเกือบตายต่างหากครับ … นั่นไม่ใช่อะไรที่ผมจะสามารถพูดออกไปได้ซักหน่อย
ก่อนจะรู้ตัว เหล่านายพลปีศาจก็เริ่มถกเถียงเรื่องอันตรายๆอย่างเช่นจะไปถล่มประเทศไหนก่อน ใครจะได้เป็นคนบุกเข้าไปก่อน แล้วก็ต้องเหลือประชากรไว้เท่าไหร่ดี
ผมว่าควรหยุดพวกเขานะ แต่จะให้หยุดทุกตนพร้อมกันคงเป็นไปไม่ได้ ยกเว้นเหล่าผู้เล่นเวลสูงของEternal Horizon Onlineจะทุ่มหมดหน้าตัก
งั้นมาหาวิธีที่เป็นไปได้มากขึ้นก็คือ ควรตามหาหัวหน้าของเจ้าพวกนี้แล้วล้มมันซะ …แต่ถ้ามาลองคิดดู ไอ้การที่ผมเองเป็นหัวหน้าก็เท่ากับแผนของผมพังเรียบร้อยแล้วนะสิ!
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นสถานการ์ณมันก็สิ้นหวังอยู่ดี!
มันต้องตรรกะอะไรผิดไปแน่ๆ!
เจ้านายที่หายตัวไปนานกลับมาแล้ว
เยี่ยมไปเลย! ประเทศกลับมาขับเคลื่อนได้เหมือนก่อนแล้ว
เพราะงั้นก็ไปก่อสงครามแล้วยึดครองโลกกัน!!
….แปลกเกินไปแล้ว?! ทำไมได้ข้อสรุปแบบนั้นกัน?!?
“ทำไมสีหน้าท่านเป็นแบบนั้น มีอะไรหรือเปล่าครับองค์หญิง
“–อืม ก็อยากได้คนมาบอกทีว่าเกิดอะไรขึ้นกันนะ”
เทนไกเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง แล้วผมก็เผลอตอบออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง
เทนไกคุกเข่าก้มหัวลงในทันที
“ขออภัยด้วยครับองค์หญิง ข้าตื่นเต้นเรื่องที่องค์หญิงฟื้นกลับมามากเกินไปจนลืมอธิบายเรื่องสำคัญ ข้าจะขอรับโทษนี้เองครับ”
“เรื่องขอโทษเอาไว้ทีหลัง อธิบายมาก่อน” ผมกลืนคำว่า “ได้โปรด” ลงคอไปอย่างรวดเร็ว
เทนไกโค้งคำนับและยืนขึ้น ก่อนจะหันหน้าไปหาเหล่าขุนพลทีกำลังถกเถียงกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด แต่ไม่ใช่รูปแบบของคำพูด และใช้ ไฟ ,หิน ,วงแหวนเวทย์ที่ปลิวว่อนไปทั่วแทน
“เงียบปากซะเจ้าพวกโง่! นี่คือเบื้องหน้าองค์หญิงนะ!”
เขาคำรามออกมา แล้วก็มีสายฟ้าฟาดคำรามตามออกมาด้วยเช่นกัน
….ถ้าสายฟ้านั่นโดนผมเต็มๆละก็ ผมคงตายแหง๋
หลังจากเห็นเลือกตัวเองลดลงไปถึง 30% ผมก็แอบฮีลตัวเองเงียบๆ ผมคงไม่ต้องตรวจสอบแล้วละ ดูก็รู้ว่าชีวิตผมแขวนอยู่บนเส้นด้ายบางๆ
เหล่าขุนพลปีศาจที่ได้รับดาเมจไปเต็มๆนั่นเสียเลือดไปนิดเดียวเท่านั้นเอง แล้วก็ได้ข้อสรุปว่าการถกเถียงครั้งนี้จะถูกพักไปก่อน
“เหตุผลที่ข้าเรียกพวกเจ้าทั้งหมดมาที่นี่เพื่อแจ้งให้พวกเจ้าทุกคนรู้ว่าองค์หญิงได้ตื่นขึ้นแล้ว และอธิบายสถานการ์ณปัจจุบันของพวกเรา..ไม่สิ ของปราสาทอันธการสีชาดที่พัวพันอยู่ตอนนี้ด้วยให้องค์หญิงได้ฟัง และข้าจะอนุญาติให้พวกเจ้าได้พูดกับท่านโดยตรง”
หลังจากพูดจบ เทนไกเดินไปยืนหน้าบัลลังค์ที่ต่ำลงมาหลายระดับ และคุกเข่าลง
“องค์หญิง ข้าขอเสียมารยาทอธิบายสถานการ์ณที่เกิดขึ้นหลังจากที่จู่ๆท่านก็หลับไป 100 ปีจนถึงวันนี้ครับ”
100ปี.. ถ้าวัดกันตามความรู้สึกของมนุษย์มันก็นานมากเลยนะ แต่สำหรับโลกนี้จะเป็นยังไงกันนะ?
“ไม่ว่าจะวิธีใดๆ หรือใช้ยาต่างๆที่มีอยู่ภายในปราสาท ก็ไม่สามารถทำให้องค์หญิงตื่นขึ้นมาได้เลยครับ”
“…เดี๋ยวนะ แล้วนายเอายาให้เรากินตอนเราหลับอยู่ได้ไง?”
“ข้ารู้ว่ามันหยาบคาย แต่ข้าป้อนยาท่านผ่านทางปากครับ”
“…”
ก็มันช่วยไม่ได้หรอก นี่คือเรื่องเร่งด่วน ก็เหมือนการผายปอดไง ก็ยังดีที่เป็นหนุ่มหล่อ…
–จังหวะที่คิดแบบนั้น ผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงสิ่งสำคัญบางอย่างในหัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆ
“แล้วก็ พอองค์หญิงหลับไป ปราสาทอันธการสีชาดก็ลอยขึ้นมาเหนือเมฆครับ”
อืม เดิมทีแล้วมีเพียงเจ้าของเท่านั้นที่ควบคุมปราสาทได้ ต่อให้เป็นสมาชิกกิลด์ก็เถอะ–
“แล้วสมาชิกกิลด์คนอื่น คุณเรปปุ กับคุณทาเมโกโระละ?”
ผมเอ่ยถึงรองหัวหน้าทั้งสองของกิลด์
“ผู้เทียบเคียงพระเจ้าหรอครับ? น่าเสียดาย ไม่สิ วงแหวนเวทย์และเทเลพอร์ตทั้งหมดใช้ไม่ได้ รวมไปถึงการบินออกไปด้วยครับ”
ยืนยันคำพูดของเทนไก ผู้ที่สามารถใช้เทเลพอร์ตหรือเวทย์เคลื่อนย้ายได้ ผู้ที่สามารถบินได้ ผลัดกันออกความเห็น
พวกเขาบอกว่านอกจากปราสาทอันธการสีชาดจะอยู่ภายใต้การโดนรบกวนเวทย์มนต์แล้ว การเทเลพอร์ตสามารถทำได้ภายในพื้นที่ของสวนลอยฟ้า แต่คาถาจะไร้ผลหาพวกเขาต้องการออกไปยังที่อื่น
และการพยายามจะบินออกไปนอกพื้นที่สวนลอยฟ้าก็จะโดนความมืดภายนอกกลืนเข้าไป พอรู้ตัวอีกทีก็กลับมายังจุดเดิมแล้ว (แม้กระทั่งเทนไกก็ไม่สามารถผ่าออกไปได้)
พอเป็นแบบนั้น พวกเขาก็เลยยอมแพ้ที่จะหลบหนีออกไปจากสวนแห่งนี้ และมอนสเตอร์ที่เหลืออีก 86,789 ตัวก็หารือกัน (ช่องคลังเก็บของสามารถใส่มอนสเตอร์ประเภทเดียวกันได้ 99 ตัว จำนวนของเจ้าพวกนี้ที่ถูกยัดไว้เฉยๆในคลังมีมหาศาล แต่ดูท่าว่าคงจะถูกปล่อยออกมาทั้งหมดเลย) และผลลัพธ์จากการพูดคุยกัน พวกเขาได้สร้างสภาโต๊ะกลมขึ้นมา และปกครองกันเองชั่วคราวไปก่อน เช่นเดียวกับตำแหน่ง 4 ราชามารสวรรค์ 7 อสูรแห่งหายนะ และ 13 นายพลปีศาจ
ยังไงก็ตาม 100 ปีถัดมาหลังจากที่ผมหลับไป ก็มีสิ่งประหลาดเกิดขึ้น
ดูเหมือนว่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งมากๆจะสามารถฝ่าความมืดออกไปได้สำเร็จ และได้พบเจอโลกภายนอก
แต่สิ่งที่พวกเขาได้พบเจอนั้น—
“…ไม่มีอะไรเหมือนเดิม ทั้งภูมิประเทศ อาณาจักร และมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ มันต่างจากที่พวกเราเคยจำได้ทั้งหมดเลย”
หลังจากสำรวจมาบาง สภาโต๊ะกลมก็ได้ข้อสรุป
ว่าโลกใบนี้แม้จะเหมือน แต่ก็ไม่ใช่โลกใบเดิมที่เรารู้จักอีกต่อไป
—————-
ข้อความจากผู้แต่ง
บางคนคงจะเดาได้แล้วว่าตัวเอกของเราเป็นเจ้าของกิลด์ “รอยเท้าแมวสามสี” นั่นเอง
แล้วก็ 7 อสูรแห่งหายนะ เป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาจากการพัฒนาความแข็งแกร่งส่วนตัวของแต่ละตัวโดยที่ดั้งเดิมเป็นมอนธรรมดา และพวกเขามีความสามารถที่เทียบเท่าหรือมากกว่าพวกมอนบอสทั้งหลาย หรือสามารถนับเป็นทหารชั้นยอดได้เลย
ส่วน 13 นายพลปีศาจ ทั้งหมดเป็นบอสดันเจี้ยนไม่ก็เป็นมอนพิเศษทั้งนั้นเลย (มอน elite)
คิดไว้ตั้งแต่อยากจะกลับมาแปลนิยายแล้วคะ ว่าอยากลองเปิดโดเนทดูซักครั้ง
เพราะงั้นก็เลยขออนุญาติแปะสิ่งนี้
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
เป็นกำลังใจหรือจะเป็นค่าชานมไข่มุกให้คนแปลก็ได้ทั้งนั้นคะ (แต่ส่วนใหญ่น่าจะไปลงชานมหมด)
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ
MANGA DISCUSSION