มิมิกับอัลม่าย้ายไปทดสอบอย่างอื่นต่อตามขั้นตอน ส่วนผมกลับมาที่ล๊อบบี้กับคุณหมอโชโกะ เหมือนว่าคุณหมออยากจะรีบๆ จบข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลพันธุกรรมไวๆ
“วางใจเถอะ เดี๋ยวพนักงานคนอื่นของเราจะดูแลทั้งสองคนให้ คนที่ไม่ใช่ฝ่ายวิจับแบบฉัน แต่เป็นคนที่ทำหน้าที่ทางนี้เลย”
“อย่างงั้นเหรอ……แล้ว งบที่ขอได้รับอนุมัติแล้ว? คิดว่าจะต้องรอวันหลังซะอีก?”
“รางวัลสำหรับการมอบข้อมูลพันธุกรรมขึ้นอยู่กับคุณค่าของมัน หรือพูดอีกอย่างคือ ขึ้นอยู่กับว่ามีด้านที่ยังไม่รู้มากแค่ไหน พอฉันส่งข้อมูลพันธุกรรมที่สแกนมาไปให้ก็ได้รับการยินยอมในทันทีเลย”
“เข้าใจแล้ว”
คุณหมอทำท่าทีเหมือนทำบางอย่างได้สำเร็จ ว่าไปคุณหมอเองก็เคยบอกว่าบังคับเอาตัวเองลงมาตรวจร่างกายพวกเราวันนี้แทนด้วยนี่หน่า ถึงบอกว่าเป็นนักวิจัย แต่จริงๆ แล้วน่าจะเป็นคนประเภทที่มีอิทธิพลในบริษัทสูงด้วยละมั้งเนี่ย
“แล้วก็เรื่องเงิน”
“พูดตรงจังนะ”
“ก็เป็นอุปกรณ์แสนมีประโยชน์ที่ใช้ทดแทนความเชื่อใจที่ต้องใช้เวลาสะสมนานๆ ได้ยังไงล่ะ”
“แน่นอน งั้น เสนอราคาเท่าไรล่ะ?”
“สามล้านอีเนล”
“จำนวนเยอะอยู่นะ ข้อมูลพันธุกรรมของฉันมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ถ้าแปลงเป็นเงินเยนก็ประมาณสามร้อนล้านเยนเลยนะ ไม่ใช่สายเลือดพิเศษที่ไหนด้วย เลยอดตกใจไม่ได้ที่เห็นว่าข้อมูลพันธุกรรมของผมมีค่าขนาดนั้น
“อย่างที่พูดไปก่อนหน้าว่าข้อมูลพันธุกรรมของมนุษย์ที่ไม่รู้จักก็ไม่ต่างจากชายแดนที่ยังไม่ถูกบุกเบิก มันมีศักยภาพที่จะผลักดันการมีอยู่ในขึ้นไปอีกระดับได้”
“การมีอยู่ที่มากขึ้นอีกระดับเหรอ……”
คนคนนี้ตั้งใจจะใช้ผมทำอะไรเนี่ย…… ไม่สิ เราเองก็ไม่รู้ว่าโลกนี้ชีวจริยธรรมมันเป็นแบบไหนนี่หน่า ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องเข้าไปแทรกแซงหรอก
“ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวให้ด้วยนะ……”
“แน่นอน นี่สัญญาล่ะ”
คุณหมอโชโกะว่าแบบนั้นแล้วยื่นแท๊บเล็ตในมือมาให้ ผมอ่านเนื้อหา ซึ่งดูแล้วก็โอเคเป็นส่วนใหญ่ ประโยชน์ที่ผมจะได้ก็มีจำพวก ปกป้องข้อมูลส่วนตัว ไม่สร้างตัวโคลนโดยไม่ได้รับการยินยอมจากผม และถ้าผิดสัญญา อินางาวะเทคโนโลยีจะจ่ายให้ผมสามสิบล้านอีเนลเป็นค่าชดเชยและหยุดการวิเคราะห์ วิจัย และใช้งานข้อมูลพันธุกรรมของผมทันที…… และสัญญายังมีประโยคที่บอกว่าอินางาวะเทคโนโลยีจะดูแลการตรวจร่างกายในอนาคตที่ผมเรียกร้องไปก่อนหน้าด้วย
ผมอ่านซ้ำไปซ้ำมา ดูว่ามีช่องว่างตรงไหนไหม แต่ก็ดูจะไม่มีปัญหาอะไร
“ขี้ระแวงจังนะ”
“การมอบข้อมูลพันธุกรรมให้น่ะน่ากลัวจะตาย แถมประโยชน์ที่ฉันได้มันดูเยอะไปหน่อย”
“เป็นประโยชน์ขนาดนั้นจริงๆ เหรอ? ด้วยสัญญาอันนี้ ไม่ว่าอินางาวะเทคโนโลยีจะทำเงินจากผลการวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรมของนายเท่าไร นายก็จะไม่ได้เลยสักอีเนลนะ”
“นั่นสินะ แต่ว่าฉันไม่คิดว่าโลภเกินไปจะมีอะไรดีหรอกนะ ฉันวางแผนว่าจะหาของที่ตัวเองอยากได้ทีละเล็กละน้อยด้วยมือของตัวเอง เพราะงั้นไม่เป็นปัญหาหรอก”
“ตอบสมเป็นทหารรับจ้างดีนะ”
คุณหมอโชโกะยิ้มเมื่อได้ยินผมตอบ
คิดซะว่าเงินที่ได้มาด้วยวิธีนี้เป็นเงินที่ได้มาง่ายๆ แล้วจะดีกว่า แน่นอนว่าผมจะปฏิเสธก็ได้ แต่ว่าอินางาวะเองก็รู้ค่าของข้อมูลพันธุกรรมของผมแล้วด้วย…… เรื่องนี้เองก็เป็นปัญหาเหมือนกัน
เพราะงั้นการทำตามที่อินางะวะเทคโนโลยีบอกอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะไม่เสียผลประโยชน์ แต่ว่าสำหรับผม ทางเลือกที่ดีกว่าคือการที่ความปลอดภัยของผมและลูกเรือต้องมาก่อน
“เหมือนว่าจะได้ข้อสรุปแล้วเนาะ”
“อา”
ผมลากนิ้วไปบนขอเพื่อเซ็นสัญญาลงไปว่ากัปตันฮิโระ ข้อตกลงก็เป็นอันเสร็จสิ้น
“เยี่ยม ยินดีอย่างยิ่งที่ตกลงกันได้! เอาล่ะ มาเริมเก็บตัวอย่างเลือดกับอสุจิกันเถอะ”
“ได้สิ แต่ว่านะ…… เลือดน่ะเข้าใจ แต่ว่าอสุจินี่……?”
“ฟุฟุ…… คาดหวังได้เลยล่ะนะ โอเค?”
คุณหมอโชโกะส่งสายตาน่าสงสัยมาใหเ้พร้อมกับเลียมุมปาก
“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๊ยววว ไม่เห็นเคยได้ยินว่าจะมีอะไรแบบนี้เลย หยุดเถอะ ขอโทษด้วยย อ-อ๊า——!”
“อึก…… ตูดฉัน……”
“ทำได้ดีมาก”
ผมนอนร้องไห้อยู่ในพ๊อดการแพทย์ที่เปิดอยู่ของอินางาวะเทคโนโลยี และมีเสียงนุ่มๆ ของคุณหมอโชโกะดังมาจากด้านบน
เก็บอสุจิเป็นยังไงบ้าง? ขอเถอะนะเพื่อน ผมไม่อยากจำเลยอะ…… หลังจากนี้การเข้าพ๊อดการแพทย์น่าจะกลายเป็นแผลใจแหงๆ
“เหมือนจะมีบางคนที่ติดใจด้วยนะ”
“ขอโทษมาเลยนะ”
ผมคลานออกมาจากพ๊อดแล้วใส่เสื้อผ้า อาา รู้สึกแปลกๆ ที่ตูดจัง…… จะไม่ยอมมอบข้อมูลพันธุกรรมให้ใครอีกแล้ว ไม่มีวัน อุส่าห์คาดหวังการกระทำสุดแสนอีโรติคกับคุณหมอโชโกะแท้ๆ…… แต่พอคิดดูตามหลักการแล้ว มันไม่มีทางที่เรื่องราวจะสมหวังแบบนั้นสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า
“ยังไงก็ตาม ตอนนี้ถือว่าการรับมอบข้อมูลพันธุกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดหวังมากๆ เลยล่ะ…… คุฟุฟุ”
ต่างจากผม ที่อารมณ์ดิ่งลงเหว อารมณ์ของคุณหมอโชโกะนั้นสูงปรี๊ด แก้มขาวขึ้นสีชมพู พร้อมรอยยิ้มสนุกสนาน เพราะเห็นอารมณ์ดีขนาดนั้น ผมก็เลยไม่รู้สึกโกรธอะไร
“โอ้ อยู่นี่เอง กลับมาแล้วนะ…… เป็นอะไรหรือเปล่า? ตาแดงไปหมดแล้วเนี่ย”
“ท่านฮิโระ?”
“ปลอบหน่อย”
ผมว่าแบบนั้นแล้วกอดอัลม่า แต่ก็โดนอัลม่าดันหน้าปฏิเสธ เลยคุยเขาซุกหน้ากับหน้าอกมิมิแทน ฟุหวาาาา นุ่มจัง…… อาา มิมิลูบหัวให้ได้ รักนะ
“อะไรของนายเนี่ย?”
“เพราะว่าตกลงกันว่าจะรับมอบข้อมูลพันธุกรรม ก็เลยจัดการให้ แต่ว่าดูเหมือนเขาจะไม่พอใจกับวิธีการน่ะ”
“วิธีการ?”
“เพื่อเก็บอสุจิ ทำแบบนี้ เข้าไปถึงตรงนี้”
“อาา……”
โชคร้ายที่เกิดกับผมถูกเปิดเผยให้รู้ถึงรายละเอียดทุกอย่าง โหดร้ายที่สุด เหมือนเอาเกลือมาทาแผลกันเลย ต้องให้มิมิปลอบซะแล้วสิ เฮะเฮะเฮะ
“ท่านฮิโระต้องรู้สึกแย่มากแน่ๆ……น่าสงสารจังเลยนะคะ”
“นายไม่ใช่พวกที่ทนอะไรพวกนี้ไม่ได้ซะหน่อย แค่ใช้เป็นข้ออ้างหาคนตามใจเท่านั้นแหละ”
“คุณอัลม่าโหดร้ายเกินไปแล้วนะคะ ตาท่านฮิโระแดงขนาดนี้เลยไม่ใช่เหรอคะ? ต้องร้องไห้เพราะไม่ชอบขนาดนั้นเลยนะคะ”
“ไม่น่าสมเพชไปหน่อยเหรอ……?”
มิมิพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเล็กน้อยและกอดหัวผมไว้แน่น มีความสุขจังเลยนะ ถึงอัลม่าผู้เย็นชาจะทำเสียงไม่เชื่อใจก็ตาม
“อือ ขอโทษด้วยนะ ไม่คิดว่าจะต่อต้านมันขนาดนั้น แล้วสารภาพตามตรง ฉันเองก็รู้สึกสนุกด้วย เลยไม่ได้อธิบายให้ฟัง ฉันเองควรจะอธิบายให้ชัดเจนและให้เลือกว่าจะจัดการตัวเองหรือว่าจะให้ฉันช่วยน่ะ”
มีตัวเลือกให้คุณหมอโชโกะช่วยด้วยเหรอ? เอาจริง? ทำไมผมถึงไม่คว้าอนาคตนั่นเอาไว้กันล่ะ…… เกลียดตัวเองที่เป็นคนสะเพร่าจริงๆ
“ถ้าคุณหมอจะเป็นคนทำ คุณหมอควรเรียกพวกฉันแทนจะดีกว่านะ…… คุณไม่ได้มีพันธะอะไรกับหมอนี่ที่จำเป็นจะต้องทำให้ขนาดนั้นนะคุณหมอ”
“โอ้? ไม่จริงซะหน่อย ถ้าฮิโระคุงไม่ได้ช่วยฉันไว้ล่ะก็ ฉันคงกลายเป็นแค่เศษฝุ่นในอวกาศไปแล้วล่ะตอนนี้ พอคิดดูแล้ว แค่นี้ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนี่หน่า”
“หืมม……?”
ผมได้ยินคุณหมอโชโกะหัวเราะคิกคักกับเสียงไม่พอใจเล็กๆ ของอัลม่า บรรยากาศเองก็ดูเริ่มอึดอัดนิดหน่อย……? มิมินั่นยังคงกอดหัวผมเอาไว้ในอ้อมแขนแนบหน้าอกและลูบอย่างอ่อนโยน รู้สึกเหมือนสมองกำลังย้วยเลย
“เอาล่ะ กลับมาแล้ว”
“ท่านฮิโระ โอเคแล้วเหรอคะ?”
“เรียบร้อย ฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว”
ผมสลัดความรู้สึกยั่วยวนอันแข็งแกร่งที่ยังคนเชิญชวนให้ฝังใบหน้าลงที่หน้าอกของมิมิออกและยืนขึ้น พอผมหันเหสายตาออกมาก็เห็นอัลม่าที่มองผมด้วยท่าทีหงุดหงิด
“ผู้ชายที่โตแล้วเขาไม่ร้องแค่เพราะโดนจิ้มนิดจิ้มหน่อยหรอกนะ”
“ไม่ใช่แค่นิดหน่อยนะ โคตรเยอะเลยต่างหาก แต่ถ้าเธอพูดแบบนั้น สักว่าจะทำให้ได้เจอประสบการณ์แบบเดียวกันแน่ จำไว้เลยนะ”
“เอ๋!? ม-ไม่สิ นั่นก็เกินไปหน่อยนะ”
อัลม่าหน้าซีดและเริ่มตื่นตระหนก แต่ผมไม่ยกโทษให้แน่ จำไว้เลยนะ
“งั้น ที่เหลือก็แค่วัคซีนสินะ”
“ใช่แล้ว ระบบการทำงานทางสรีรวิทยาดูแล้วไม่มีความแตกต่างจากมนุษย์ปกติ เพราะงั้นฉันไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร โดยทั่วไปจะไม่มีผลข้างเคียงใดๆ แต่ควรพักสักสามวันจะดีที่สุด”
“อา เข้าใจแล้ว งั้นนำทางได้เลย”
“งั้นทั้งสองคนรอที่ล๊อบบี้นะ?”
“ได้เลย”
“ได้เลยค่ะ”
ผมแยกกับอัลม่าและมิมิที่พยักหน้ารับ และมารับวัคซีนที่ห้องแยก ไม่มีการรู้สึกเจ็บเลยสักนิดเดียว ที่ทำนั้นเหมือนกับแค่กดของที่หน้าตาเหมือนปืนเข็มฉีดยาลงมาที่แขน คอ และหน้าอกสองสามที แล้วก็จบ รู้สึกตกใจนิดหน่อยเลยแฮะ
“ง่ายจัง ไม่เจ็บเลย”
“เจ็บเหรอ? เป็นไปได้ด้วยเหรอ?”
“อา ไม่หรอก แค่พูดถึงเรื่องเก่าๆ เฉยๆ”
“เพราะมาจากดาวเคราะห์ดวงที่สามของระบบดาวโซล นั่นหมายความว่าจากที่ที่นายมา ขั้นตอนแบบนี้นับว่าทำให้เกิดความเจ็บปวดสินะ”
“ช่วยมองข้ามไปทีนะ”
“ถ้าการดูแลเช่นนั้นทำให้เกิดความเจ็บปวด…… หมายความว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์ของที่นั้นค่อนข้างล้าหลังไปหลายเท่าเลยสินะ หืม?”
“เคยมีคนบอกไหม ว่าคุณหมอโชโกะไม่ค่อยฟังที่คนอื่นพูดเลยน่ะ?”
“ฮ่าฮ่า ได้ยินบ่อยเลยล่ะ”
คุณหมอโชโกะยิ้มอย่างเปิดเผย รอยยิ้มนุ่มนวลผ่อนคลายนั่นทำให้ผมหายโกรธไปเลย แต่ว่ากับคนที่เข้ากันไม่ได้กับคุณหมอก็น่าจะเข้ากันไม่ได้ไปเลยล่ะนะ
“ไงก็เถอะ ช่วยอย่าเปิดเผยสถานการณ์ของทางนี้ทีนะ ตรงส่วนนั้นมันละเอียดอ่อนนิดหน่อย”
“งั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ เป็นเพราะอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์สินะ”
ในโลกนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตกันอยู่บนโคโลนี่ในอวกาศ และมีผู้ถูกเลือกเพียงหยิบมือที่ใช้ชีวิตอยู่บนอาณานิคมบนดาวเคราะห์ พวกขุนนางชนชั้นสูงอะไรพวกนั้น
ในกรณีของผม ผมมาจากต่างโลก ซึ่งถ้าคุณหมอโชโกะกับอินางาวะเทคโนโลยีรู้เข้า ผมคงได้กลายเป็นหนูทดลอง โดนจับขังจริงจังแน่ๆ เพราะงั้นผมหวังว่าพวกเขาจะพอใจกับข้อมูลพันธุกรรมที่ให้ไปนะ
“แบบนั้นช่วยได้มากเลย”
“เข้าใจแล้วล่ะ แต่รู้ใช่ไหมว่ามีเรื่องอื่นที่ฉันอยากรู้เพิ่มเติมอีกน่ะ?”
“ช่วยอยู่กับข้อมูลพันธุกรรมให้หมดก่อนเถอะนะ”
คุณหมอโชโกะมองผม ขอร้องผม แต่ผมก็ปัดทิ้งโดยไม่ลังเล พูดตามตรง วิธีมองของคุณหมอนี่ค่อนข้างแจ่มเลย แต่แค่นี้ไม่พอเอาชนะกัปตันฮิโระหรอกนะ
“อาฮ่าฮ่า อย่างฉันนี่ไม่ไหวจริงๆ สินะ คุณอัลม่ากับคุณมิมิสวยทั้งคู่เลยนี่หน่า”
“ใช่ สวยทั้งคู่เลย”
“อื้อ?”
คุณหมอโชโกะเอียงคอกับคำที่ผมตอบ แต่ว่าผมไม่สนใจแล้วสวมแจ็คเก็ตกลับ
“นี่หมดแล้วใช่ไหม?”
“อา ใช่แล้วล่ะ เดี๋ยวจะส่งผลการวินิจฉัยขั้นสุดท้ายให้ เพราะงั้นเรากลับไปหาสองคนนั้นกันเถอะ”
เราออกจากห้องรักษามาด้วยกัน และตรงไปที่ล๊อบบี้ อัลม่ากับมิมิที่รออยู่กำลังปรึกษาบางอย่างกัน อัลม่านั้นรับรู้ว่าเรามาแล้วได้ทันทีและหันมาหา พอรู้ตัวมิมิก็หันตามมา
“ช่างสังเกตจัง”
“ได้ยินเสียงฝีเท้าน่ะ”
“เอลฟ์อย่างอัลม่าน่ะหูดีมากเลยนะ ฉันเคยได้ยินมาว่าดั้งเดิมตอนที่ยังอาศัยอยู่ในป่าน่ะ สามารถได้ยินเสียงฝีเท้าสัตว์ที่อยู่ห่างออกไปสองกิโลเมตรได้เลย”
“จริงเหรอ?”
“ไม่ได้ไกลขนาดนั้นหรอก”
อัลม่ายักไหล่ เหมือนว่าหูยาวๆ นั่นจะไม่ได้ไว้แค่ประดับแฮะ
“แต่เกี่ยวกับหูนี่ก็ไม่ได้มีแต่ข้อดีหรอก ฉันได้ยินของที่ไม่อยากได้ยิน แถมยังใส่หมวก กับอุปกรณ์ส่วนหัวของมนุษย์ไม่ได้ด้วย”
“อะไรที่ไม่อยากได้ยินเหรอ?”
“ใช่ ตัวอย่างก็เช่นเสียงท้องร้องที่พึ่งดังโครกครากตะกี๊น่ะ”
“ถามจริง?”
ผมเผลอกุมท้องทันที ถึงไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่พอทักก็เริ่มหิวนิดหน่อยแฮะ
“พอพูดแล้วก็ใช่ ถึงเวลาแล้วนี่หน่า ไปหาอะไรกินกันก่อนไหม?”
“หมายถึงอาหารเหรอคะ?”
“ฉันแนะนำเนื้อเหลวสำหรับดูดทำสดตรงจากตลับอาหารน่ะ”
““ไม่เอา/ไม่เอาค่ะ””
ตามิมิว่างเปล่า ผมว่าตาผมเองคงไม่ต่าง อัลม่ายิ้มขืน แต่คุณหมอโชโกะเอียงคออย่างไม่เข้าใจ หรือว่าคุณหมอจะเป็นพวกลิ้นจระเข้กันนะ?…… ต่อรับรสน่าจะเสื่อมจากการกินของพวกนี้ทุกๆ วันไปหมดแล้วมั้ง น่าสงสารจัง
“งั้นเหรอ? ถ้างั้น ผลวินิจฉันมาพอดี ไปคุยกันที่ห้องส่วนตัวตรงนั้นกันเถอะ”
คุณหมอโชโกะว่าแบบนั้นและเดินนำ ซึ่งพวกเราก็ตามไป
ฉะนั้น ผมหวังว่ามันจะไม่มีปัญหาอะไรสำคัญนะ
——————————————————————————————————
HorrorDay: ตอนอ่านมังงะเข้าใจว่าคุณหมอช่วยเอานิ้วสวนไปกระตุ้นต่อมลูกหมากให้ …. อ่านนิยายแล้วถึงรู้ว่าโดนเครื่องล้วนๆ ……
kloy1002 : ตอนแรกจะลงสองตอนติดกันภายใน 1 ชม.คะ.. ลืมอะ แหะ
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจผู้แปล หรือกดไลค์ คอมเม้น สับตะไคร้(????)ได้เลยคะ!
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ
MANGA DISCUSSION