033 – ข้อเท็จจริงเชิงอัตนัย
“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะ”
“อา กลับมาแล้ว”
“กลับมาแล้ว มิมิ”
ตอนกลับมาถึงกฤษณะ มิมิก็ทักทายต้อนรับ เหมือนว่ากำลังค้นคว้าบางอย่างอยู่พอดี เพราะกำลังถือแท๊บเล็ทอยู่ในมือนึงพอดี
“ดูอะไรอยู่เหรอ?”
“ค่ะ กำลังหาข้อมูลศูนย์การแพทย์ที่ชื่อเสียงดีๆ อยู่ค่ะ”
“อา เจอบ้างไหม?”
“พึ่งได้ดูไปไม่เยอะเท่าไร เลยไม่ค่อยมั่นใจ แต่แพงกว่าก็ไม่ใช่ว่าจะดีกว่าเสมอไป แล้วพอคิดถึงอาการของท่านฮิโระแล้วเลือกไปสถาบันการแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาท หรือสถาบันด้านสุขภาพจิตน่าจะดีกว่าละมั้งคะ……?”
มิมิจมลงไปในห้วงความคิดด้วยสีหน้าจริงจัง เรื่องความจำเสื่อมน่ะ ผมใช้มาเพื่อปิดบังเรื่องที่จริงๆ แล้วผมโดนโยนมาต่างโลก หรือต่างมิติ หรืออาจจะเป็นโลกคู่ขนาน เลยไม่ค่อยมีสามัญสำนึกของที่นี่เท่าไรนั่นแหละ
หรือพูดอีกอย่างคือ ในด้านสุขภาพแล้ว ผมควรจะถือว่าสุขภาพสมบูรณ์ดี แต่ก็มีเหตุผลที่ทำให้เชื่อว่ามาจากต่างโลกอยู่
อย่างน้อยแล้ว จากมุมมองของผมเอง ผมไม่ใช่คนจากโลกนี้ เป็นมนุษย์ที่ชื่อ ทาคาฮิโระ ซาโตะ ที่เคยอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นบนโลก ที่ยานรบอวกาศนั้นเป็นเพียงสิ่งที่จินตนาการขึ้นมาเองเท่านั้น และมนุษยชาติเองก็ยังไม่ได้ขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่บนอวกาศเต็มตัว
“เสียความทรงจำสินะ……”
ตรงข้ามกับมิมิที่จริงจังกับการคิดว่าสถาบันการแพทย์แบบไหนที่ผมควรไปตรวจ อัลม่านั้นมองผมด้วยสายตาสงสัย อาจจะคิดว่าเรื่องเสียความทรงจำของผมน่ะกุขึ้นมา
อาจจะคิดว่าจริงๆ ผมเป็นหนุ่มน้อยไร้เดียงสาที่หนีออกจากบ้านมา
ในโลกนี้นั้นสิ่งที่เรียกว่า เนื้อ「ธรรมดา」กับผักเป็นนับเป็นสิ่งหรูหราฟุ่มเฟือย ผู้คนส่วนมากในโลกนี้ทานอาหารสังเคราะห์ที่ผลิตมาจากสิ่งมีชีวิตอย่างสาหร่ายและเคย หรือเนื้อเทียมที่เกิดจากการสังเคราะห์ทางเคมีเท่านั้น
แต่ว่าก่อนหน้านี้ที่อยู่ร้านขายของกับอัลม่านั้นดันเผลอพูดออกไปว่า「ไม่มีเนื้อธรรมดากับผักขายเหรอ?」ซึ่งเพราะที่โลกนี้ของที่ว่าดันเป็นสิทธิพิเศษของคนที่รวยมากๆ เท่านั้นที่อยู่นอกบ้านเกิดแล้วยังกินทุกวันได้
เพราะงั้นเลยทำให้อัลม่าคิดว่าจริงๆ แล้วผมน่ะเป็นลูกชายของตระกูลร่ำรวยที่ใช้เรื่องความจำเสื่อมมาซ่อนตัวตนไว้แทน แต่ถ้าผมอยู่ในฐานะเดียวกับเธอก็คงคิดไม่ต่างกันหรอก
แต่ในความเป็นจริงจะต่างไปหน่อย ผมอาจจะสุขภาพสมบูรณ์ดี ไม่มีอาการสับสนในความทรงจำของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าข้ามมาโลกนี้ได้ยังไง แต่ว่าสำหรับผมแล้ว มันมีหลุมความทรงจำที่ขาดไปอยู่ และหลุมเดียวที่ว่าคือทำไมผมถึงมาอยู่ที่โลกนี้ และนั่นสำคัญมาก
“ฉันว่าเลือกอันที่ไม่เจาะจงแค่เรื่องความทรงจำแล้วดูแลได้ครอบคลุมจะดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีฉีดพวกวัคซีนป้อนกันพวกโรคติดต่อที่อันตรายมากๆ รึยัง ถ้ามีที่ที่จัดการเรื่องพวกนั้นได้ด้วยจะสบายใจขึ้นมากเลย”
“เข้าใจแล้วค่ะ……”
“ฉันยังไงก็ได้ แต่ว่านายพามิมิไปหาหมอด้วยจะดีกว่านะ มันทีพวกโรคอันตรายมากๆ ที่ติดแค่กับมนุษย์อยู่ด้วย ฉีดวัคซีนกันไว้ได้ยังไงก็ดีกว่า”
“แล้วอัลม่าไม่เป็นไรเหรอ?”
“จัดการไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”
อัลม่าพูดแล้วยักไหล่ แต่ผมส่ายหน้าให้
“เดี๋ยวจ่ายเงินให้ เพราะงั้นไปด้วยกันนี่แหละอัลม่า ยังไงก็เป็นหน้าที่กัปตันที่ต้องดูแลสุขภาพของลูกเรืออยู่แล้ว แน่นอนว่ารวมถึงมิมิด้วย”
“ค่ะ”
“งั้นเหรอ? ยังไงก็ได้แหละ”
มิมิกับอัลม่าพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ดีเลยมีคนไปด้วยเพิ่มแล้ว
เปล่าๆ ไม่ได้เกลียดโรงพยาบาลหรอก แค่ไปคนเดียวแล้วเหงาอะ แล้วก็อย่างที่พูดไป ผมมีหน้าที่ปกป้องลูกเรือของผมนี่หน่า ถ้าแค่จ่ายเงินก็ลดความเสี่ยงที่จะติดโรคล่วงหน้าเอาไว้ได้ ยังไงก็ดีที่สุดแล้ว
“จะราคาเท่าไรกันนะ?”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงไม่ถึงคนละล้านอีเนลหรอก”
“ไม่น่าจะขนาดนั้นหรอกมั้ง…… แต่ชั่งมันเถอะ”
ต่อให้จะต้องใช้คนละล้านอีเนล ผมก็มีเงินเย็นเก็บอยู่ 10 ล้านอีเนล แต่ถ้าใช้ซื้อสุขภาพได้ ก็ไม่มีถือว่าราคาแพง
แต่เดี๋ยวนะ 1 อีเนลนี่เท่ากับ 100 เยน…… เพราะงั้นหนึ่งล้านอีเนลก็เทียบเท่าร้อนล้านเยน? เหมือนความรู้สึกเรื่องจำนวนเงินของผมจะพังมาจนถึงจุดที่บอกว่าจำนวนนี้ไม่แพงไปแล้วสินะ
“ท่านฮิโระคะ หนึ่งล้านอีเนลก็แพงไปหน่อยนะคะ……”
“รู้ไหมว่าการมองว่าหนึ่งล้านอีเนลใช้ไปก็ไม่เป็นไรน่ะไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ”
“ไม่สิ ถึงพูดแบบนี้หลังจากพูดประโยคนั้นไปมันจะดูแปลกก็เถอะ แต่ฉันรู้น่า”
“ถ้างั้นก็ดี”
แต่ว่าก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เงินเท่าไรอยู่ดี เพราะงั้นเผื่อตกใจตอนได้ยินราคาไว้หน่อยก็ดี
☆★☆
พอกลับมาถึงยานก็ได้เวลาผ่อนคลาย ทุกคนมีความสุขกับอาหารที่ทำโดยเครื่องทำอาหารอัตโนมัติคุณภาพสูง『เทตซึจินที่ห้า』ต่อด้วยผลัดกันอาบน้ำเพลินๆ และค่อยพักผ่อนตามใจอยาก ปกติแล้วจะมีการฝึกหรืออะไรแบบนั้นด้วย แต่วันนี้ทุกคนต่างหยุดพัก
“ขี้เกียจจังน๊า”
“เหยาะแหยะจริง……”
“เธอเองก็พิงฉันอยู่อย่างนี้ มาทำเป็นพูดว่ากันไม่ได้สิ?”
ผมนอนแผ่อยู่บนเตียงโดยมีอัลม่าที่พิงผมและเล่นเทอมินัลในมือไปด้วย ผมว่าเราทั้งคู่ก็เหมือนๆ กันใช่มะ?
“ก็ใช่ บางครั้งทำตัวขี้เกียจบ้างก็ไม่ได้แย่นี่หน่า”
“ก็แบบนั้นแหละ”
อัลม่าไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ แค่ชอบใช้เวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไม บางทีผมก็รู้สึกเหมือนโดนมองเป็นสุนัขตัวโตอะไรราวๆ นั้น เหมือนตอนนี้ที่พิง แล้วใช้ตักผมเป็นหมอนตอนผมนั่งบนเตียง หรือลงมานอนเล่นด้วยกัน มีการสัมผัสตัวกันบ่อยๆ
ในเวลาแบบนี้อัลม่าจะดูสงบแปลกๆ หรือควรพูดว่าดูผ่อนคลายดี คิดว่าน่าจะเป็นวิธีผ่อนคลายของเธอนั่นแหละ ซึ่งถ้าช่วยให้ยัยนี่ผ่อนคลายได้ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก
“หืม เหมือนมิมิจะหาลูกค้าได้แล้วล่ะ”
“อา เยี่ยมเลย ได้เท่าไรน่ะ?”
“หักภาษีกับอย่างอื่นแล้ว รวมเงินได้อยู่ที่ 4,500 อีเนล พอรวมกับเงินค่าหัวกำไรรอบนี้จะเป็น 19,500 อีเนล”
“ถ้างั้นส่วนแบ่งอัลม่า 3% ก็…… 585 อีเนลสินะ”
“ของมิมิเอาเป็นปัดขึ้นเป็น 98 อีเนล”
“น้อยจังเลยนะ”
“ไม่แปลกหรอก ได้ 8 ล้านอีเนลจากการสู้ครั้งเดียวต่างหากที่ไม่ปกติ ส่วนแบ่งของนายคือ 18,817 อีเนล”
“นี่ ไม่ต้องรีบใช้หนี้ก็ได้นะ”
“……ปกติเขามีแต่เร่งให้รีบคืนไม่ใช่เหรอ?”
อัลม่ามองหน้าผมด้วยความตกใจ
“แหม ก็อยากใช้เวลากับอัลม่าให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้นี่หน่า”
อันนี้พูดเรื่องจริงนะ ยัยนี่น่ะติดผมอยู่สามล้านอีเนล เลยมาทำงานเป็นลูกเรือบนกฤษณะเพื่อใช้หนี้ เพราะงั้นพอจ่ายหนี้หมดและหาเงินได้มากพอซื้อยานเป็นของตัวเองได้ก็ไม่มีเหตุผลให้อยู่ที่ยานต่อแล้วนั่นเอง
อัลม่าน่ะเป็นคนที่ยอดเยี่ยมและลูกเรือที่ฝากหลังไว้ได้ เป็นคนสวยและเราเองก็มีความสัมพันธ์แบบนั้นกัน แต่ถึงไม่มีเรื่องนั้น ยัยนี้ก็ยังสนิทกับมิมิอยู่ดี
เลยเป็นธรรมดาที่จะอยากอยู่ด้วยกันให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เราจะอยู่ด้วยกันไปอีกนานเลยล่ะ นอกจากจะต้องจ่ายหนี้แล้วยังต้องเก็บเงินซื้อยานใหม่อีกนะ”
อัลม่าล้มตัวใส่ท้องผมแล้วร้องออกมา ฟุฟุฟุ ตั้งแต่มาที่โลกนี้ผมก็ฝึกมาตลอดเลยนะ เพราะงั้นไม่มีพลาดหรอก เชิญเพลิดเพลินกับกล้ามหน้าท้องที่จะค่อยๆ กลายเป็นซิกแพ็คซะนะ!
“จะเกร็งตัวทำไมล่ะ แข็งแถมนอนไม่สบายด้วย”
“อา ฮะ”
“อื้อ อื้มอื้ม นี่แหละดี”
เหมือนว่าอัลม่าจะไม่ชอบกล้ามท้องแน่นๆ เท่าไร ยัยนี่กดหลังหัวกับท้องของผมราวกับสนุกกับแรงเด้งของท้องที่ปล่อยตามสบายของผม จั๊กจี้นิดหน่อยแฮะ
“นายน่ะ”
“หืมม?”
“นายโกหกเรื่องความทรงจำสินะ?”
“ไม่ได้โกหกนะ”
“ไม่ต้องซ่อนหรอกน่า”
หัวอัลม่าเด้งกับท้องของผม แล้วหัวเราะออกมา
“ก็ ไม่ได้อยากขุดคุ้ยเท่าไรหรอก มันเป็นเรื่องที่ไม่ดีเหรอ?”
“อื้มม…… ไม่ใช่ไม่ดีหรอก แต่มันจะทำให้เกิดคำถามด้านสุขภาพจิตน่ะ”
“อะไรล่ะน่ะ”
ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรหรอก บอกอัลม่าว่ามาจากอีกโลกก็ไม่ได้มีอันตรายอะไร อาจจะแค่โดนคิดว่าบ้าแล้วส่งไปที่โรงงานวิจัยเท่านั้นเอง
“ถ้าอยากฟังก็จะเล่าให้ฟัง แต่เรื่องที่จะเล่าให้ฟังมันค่อนข้างบ้าหน่อย”
“ดูน่ากลัวนิดหน่อยนะ……แต่ก็อยากฟัง”
“เข้าใจแล้ว งั้นเริ่มจากไหนดีนะ?……รู้จักของอย่างพวกโลกคู่ขนานหรือต่างโลกไหม?”
“รู้จักแนวคิด แต่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า”
อัลม่าว่าแบบนั้นพลางยักไหล่โดยที่ยังคงใช้ท้องผมเป็นหมอนอยู่
“อา ฉันคิดว่าตัวเองมาจากอีกโลกพร้อมๆ กับกฤษณะ ฉันเข้าใจว่าเป็นแบบนั้นน่ะ”
อัลม่าไม่ตอบอะไร อาจจะกำลังทำความเข้าใจกับคำพูดของผมอยู่ในหัว
“จำตอนที่ไปลงทะเบียนที่กิลด์ทหารรับจ้างแล้วพนักงานต้อนรับบอกว่าฉันไม่มีบันทึกเทียบท่าเลยได้ไหม นั่นไม่แปลกหรอก เพราะว่าที่แรกที่ได้เข้าเทียบท่าก็คือเทอเมนไพรม์โคโลนี่นี่หน่า”
“พอมาคิดดูแล้วก็มีพูดอย่างนั้นนี่หน่า แต่เป็นไปได้เหรอ…… ไม่สิ ถ้าเป็นโลกคู่ขนานก็เป็นไปได้สินะ”
“บางทีอาจจะเป็นเพราะความเข้ากันได้ของอุปกรณ์บนยานละมั้ง?”
“นั่นสินะ ถ้ามาจากต่างโลกก็แปลกที่กฤษณะทำงานกับของหลายๆ อย่างที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีของโลกนี้ได้ แต่ถ้าเทคโนโลยีมีการพัฒนามาในทิศทางเดียวกันอยู่บ้างก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย แล้วก็ฉันเองก็ไม่เคยเจอยานประเภทเดียวกับกฤษณะลำนี้ด้วย…… แต่ก็แปลกอยู่ดี ถ้ามองจากความสามารถต่อสู้ของนายแล้ว ต้องอยู่ระดับทหารรับจ้างมืออาชีพแน่ๆ ไม่ใช่พวกมือใหม่กระจอกๆ แต่กลับดันไม่รู้สามัญสำนึกเลย กับโลกที่มียานต่อสู้และทหารรับจ้างเหมือนกัน สามัญสำนึกก็ไม่ควรต่างกันเท่าไรสิ ไม่คิดว่าผิดปกติไปหน่อยเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ เพราะงั้นต่อไปจะทำให้เธอมึนมากกว่าเดิมอีก…… แต่ก่อนอื่นเลย ฉันน่ะไม่ใช่ทหารรับจ้างหรอก เป็นแค่พนักงานออฟฟิศ ที่เล่นเกมเป็นงานอดิเรก”
“ไม่มีทางที่พนักงานออฟฟิศจะสู้เก่งแบบนายหรอกนะ ใช้ปืนก็เก่งนี่หน่า ปืนนั่นได้มาเพราะชนะแข่งปืนอะไรแบบนั้นไม่ใช่เหรอ?”
『ปืนนั่น』ที่อัลม่าว่าคือปืนเลเซอร์ที่ผมพกติดตัวไปตอนที่เราออกไปข้างนอกด้วยกันก่อนหน้านี้ เป็นปืนที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษโดยแมนดัสบริษัทที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนานในด้านการผลิตอาวุธระดับไฮเอนที่มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
พอมองในด้านความสามารถการขับยานรบในฐานะทหารรับจ้างและความสามารถการใช้ปืนเลเซอร์ แล้วบอกว่าเป็นพนักงานออฟฟิศมันก็ฟังดูไม่น่าเชื่ออยู่แล้วแหละ ผมเข้าใจ
ไม่น่าเชื่อพอๆ กับคนที่บอกว่าเป็นพนักงานออฟฟิศแต่ชนะทหารไซบอร์กและอาวุธนาโนแมชชีนได้ด้วยมือเปล่านั่นแหละ
“ก็ใช่ แต่ว่ามันในเกมน่ะนะ”
อัลม่าส่งเสียงฮึ่มออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ถ้างั้นหมายความว่ายังไง? จะบอกว่าเข้ามาอยู่ในโลกของเกมอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่แล้ว แต่ว่านะ โลกที่ฉันอยู่นะ หรือเรียกว่าดาวที่ฉันอาศัยอยู่ดี ยังไม่มีการเริ่มสำรวจอวกาศอย่างเต็มที่เลย เรื่องแนวคิดการมียานรบอวกาศเป็นของตัวเอง หรือเดินทางระหว่างดวงดาวน่ะเป็นได้แค่ฝัน หรือของที่เห็นได้แค่ในเรื่องแต่งไม่ก็เกมเท่านั้นแหละ”
“ไม่ใช่ดาวที่ไร้อารยะธรรมโดยสิ้นเชิงหรืออยู่ยุคดึกดำบรรพ์สินะ……งี้นี่เอง เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจริงๆแหละ เข้ามาโลกของเกมทั้งๆ ที่ไม่ใช่โนเวลบันเทิงของวัยรุ่น”
“ใช่ไหมล่ะ? เอาจริงๆ นะ บอกไปว่าเสียความทรงจำเพราะอุบัติเหตุอะไรสักอย่างยังดูสมจริงกว่าเรื่องจริงที่บอกไปเมื่อกี๊อีก”
“แต่ที่เล่าให้ฉันฟังเมื่อกี๊ก็ไม่ได้ได้โกหกใช่ไหมล่ะ?”
“จากความเห็นของฉันเอง เรื่องนี้ก็มั่นใจไม่ได้จนกว่าจะดูดเนื้อหาในหัวฉันออกมาดูล่ะนะ”
“ก็จริง แล้วก็ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ด้วย แต่ว่า…… คงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง?”
“งั้นเหรอ?”
“ถ้ามันกวนใจก็ทำไปเลยยังไงก็ดีกว่า ตอนนี้มันกวนใจนายไหมล่ะ?”
“ก็ไม่นะ”
ถ้าบอกว่าไม่อยากรู้ว่ามาเป็นแบบนี้ได้ยังไงก็คงถือว่าโกหก แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยากจะรู้ให้ได้ ไม่ได้อยากกลับไปที่โลกของผมขนาดนั้นซะหน่อย
“ถ้างั้นก็ไม่เห็นเป็นไร ฉันว่าปล่อยให้มันเป็นเรื่องของพระเจ้าเถอะ”
“เข้าใจแล้ว”
“อื้ม”
“ถ้าอย่างนั้น……แค่นั้นเหรอ? ไม่มีอย่างอื่นที่อยากพูดแล้วเหรอ?”
“ไม่นะ ไม่ว่านายจะมองว่าตัวเองเป็นยังไง ฉันก็ไม่ได้มองนายต่างจากเดิมหรอก นายเป็นคนมีพรสวรรค์ แต่ก็ป้ำๆ เป๋อๆ แล้วก็พึ่งกลายเป็นพ่อหนุ่มน่าสงสารที่ยังป่วยเป็นโรคเดียวกับวัยรุ่นทั้งๆ ที่โตแล้วอะนะ” (โรคป่วย ม. สอง)
“พอเลย นั่นโดนเต็มๆ เลยนะ……”
อัลม่าหัวเราะคิกคักกับคำของผม
“เธอนี่เป็นคนดีจังเลยนะ”
“ไม่หรอกน่า คิดว่าฉันเป็นใครกัน”
“เอลฟ์อวกาศโชคร้าย”
“ได้ดิ ถือว่านั่นเป็นการหาเรื่องกันนะ”
“นี่ หยุดเลยนะยัยโง่”
จู่ๆ อัลม่าก็ยื่นมือมาจั๊กจี้เอวผม และเราก็เริ่มดิ้นกันอยู่บนเตียง เฮะเฮะ คิดว่าแขนเล็กๆ นั่นจะสู้กล้ามเนื้อที่ฝึกมาอย่างดีไหวอย่างนั้นเหรอ?
“อ๊ากกก!? อาร์มบาร์! อ๊ากกกกก!?”
และผมเอาชนะอัลม่าไม่ได้…… จบลงที่ผมร้องงอแงจากการสู้ด้วยกราวไฟต์ติ้ง อยากให้อ่อนโยนกับผมสักหน่อยจังน๊า จริงๆ น๊า
Kloy1002 : อาระ บอกกับอัลม่าแล้วแฮะ ไวดีจัง
ว่าแต่ มิมิละนาย ไม่บอกเรอะะะะ
{ไทยพาณิชย์ นางสาว ทยาธร อนันต์มานะ 162-246448-2}
สนับสนุนเป็นกำลังใจผู้แปล หรือกดไลค์ คอมเม้น สับตะไคร้(????)ได้เลยคะ!
ขอบคุณสำหรับการอ่านจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่คะ
MANGA DISCUSSION