งานแต่งงานดำเนินไปอย่างราบรื่น พิธีในโบสถ์สิ้นสุดลง งานเลี้ยงฉลองก็เริ่มขึ้น และฉันก็กล่าวสุนทรพจน์ตัวแทนเพื่อนจบลงอย่างปลอดภัย
ฉันตัดสินใจเล่าความรู้สึกทั้งหมดที่มีต่ออิจจังผ่านสุนทรพจน์อย่างไม่มีตกหล่น ตามที่ได้ปรึกษากับยามาโมโตะไว้
ผลตอบรับจากแขกในงานดีกว่าที่คิด อิจจังถึงกับมีท่าทีเหมือนกำลังปาดน้ำตาอยู่เป็นครั้งคราว จนฉันเองก็เกือบจะร้องไห้ตามไปด้วย
ฉันพยายามอดกลั้นเสียงที่สั่นเครือแล้วกล่าวสุนทรพจน์ต่อไป… บางที เรื่องในวันนี้คงจะเป็นสิ่งที่ฉันลืมไม่ลงไปอีกนาน
“ฟู่ว”
“เหนื่อยหน่อยนะ ไม่เลวเลยนี่”
พอกลับมาที่โต๊ะ ยามาโมโตะก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ
เรื่องในครั้งนี้ การที่ฉันสามารถกล่าวสุนทรพจน์ตัวแทนเพื่อนจบลงได้อย่างไม่มีปัญหานั้นเป็นเพราะยามาโมโตะอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ทำไมพอเห็นหน้ายิ้มย่องของหมอนี่แล้วถึงไม่อยากจะดีใจอย่างเต็มที่ก็ไม่รู้
ยามาโมโตะมองท่าทีเย็นชาของฉันแล้วก็ยังคงยิ้มอยู่
ฉันถูกอาคาริที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันยิ้มให้อย่างอ่อนโยนพลางทานอาหารไปด้วยความรู้สึกที่อึดอัดใจ
งานเลี้ยงฉลองเริ่มมีเสียงดังจอแจขึ้น
ทันใดนั้น ก็มีเด็กสาวหลายคนเดินเข้ามาหายามาโมโตะ
“ยามาโมโตะเซ็มไป ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
เธอคนนี้น่าจะเป็นเด็กรุ่นน้องของพวกเราหนึ่งปี ถ้าจำไม่ผิดน่าจะอยู่ชมรมเดียวกับอิจจัง
งานแต่งงานของอิจจังจัดขึ้นที่บ้านเกิด เพราะอย่างนั้นก็เลยสามารถชวนรุ่นน้องที่โรงเรียนมาได้สินะ
…ว่าแต่ผู้ชายคนนี้ มีความสัมพันธ์แบบไหนกับเธอกันแน่นะ
สมัยมัธยมปลาย ยามาโมโตะไม่น่าจะมีเพื่อนเท่าไหร่ ไม่ใช่คนเด่นดังอะไรด้วย โอกาสที่จะได้รู้จักกับเด็กน่ารักๆ แบบนี้น่าจะแทบไม่มีเลย
ดูเหมือนว่ายามาโมโตะที่กำลังทานข้าวอยู่จะตอบคำถามของฉันได้
“…ใครหว่า”
ไม่ได้เรื่องเลย
หมอนี่ อุตส่าห์มีเด็กสาวเข้ามาทักทายแท้ๆ แต่กลับตอบสนองไปแบบนั้น มันไร้สาระเกินไปแล้ว
“โธ่!รุ่นพี่ก็ยังเป็นคนเรื่อยเปื่อยเหมือนเดิมเลยนะคะ”
ความประทับใจดี… งั้นเหรอ?
“หนูเองค่ะ มัตสึโอะค่ะ”
“…อ๊ะ งานวัฒนธรรมปีที่แล้วขอบใจมากนะ!”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูก็สนุกเหมือนกัน”
งานวัฒนธรรมปีที่แล้ว
งานวัฒนธรรมที่ยามาโมโตะได้เฉิดฉายในฐานะประธานคณะกรรมการจัดงานวัฒนธรรม และทำให้หุ้นของยามาโมโตะในหมู่ผู้เกี่ยวข้องพุ่งสูงขึ้นสินะ
อย่างนี้นี่เอง
ถ้าเธอคนนี้ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการจัดงานวัฒนธรรมด้วย การที่เธอจะเข้ามาทักทายยามาโมโตะอย่างเป็นกันเองก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสินะ
…ว่าแต่ผู้ชายคนนี้ ไปหว่านเสน่ห์ใส่เด็กสาวคนอื่นมากเกินไปแล้วหรือเปล่า
รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย ไม่สิ ค่อนข้างจะมากเลย
“รุ่นพี่เรียนอยู่ที่มหา’ลัยไหนเหรอคะ”
ยามาโมโตะตอบชื่อมหา’ลัยไป
“เห! มหา’ลัยที่หนูอยากจะเข้า อยู่ใกล้กับมหา’ลัยของรุ่นพี่เลยค่ะ!”
ยามาโมโตะอุทานออกมาด้วยความทึ่ง
“นี่รุ่นพี่คะ! ก่อนจะเข้ามหา’ลัย หนูอยากจะไปเที่ยวโตเกียวสักหน่อย… ถ้าเป็นไปได้ ช่วยนำเที่ยวให้หน่อยได้ไหมคะ”
…ห๊ะ?
เธอคนนั้น ไม่ได้สังเกตเห็นแรงกดดันจากฉันเลย… ไม่สิ บางทีอาจจะสังเกตเห็น แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจแล้วก็เอ่ยคำขอที่น่าเหลือเชื่อออกมา
“เอ๊ะ ไม่เอาอะ”
ยอดเยี่ยม
สมกับเป็นยามาโมโตะ ฉันน่ะ ชอบนายตรงนี้แหละ
…มะ ไม่มีอะไร?
เมื่อกี้มันก็แค่คำพูดเปรียบเปรยน่า?
“เอ๋ ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ หลังจากนั้นถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะขอไปค้างที่บ้านรุ่นพี่จังเลยน้า”
“มัตสึโอะจัง งั้นเดี๋ยวพี่นำเที่ยวให้เอง”
คนที่เสนอตัวกับเธอคนนั้นคืออาคาริ
“อ๊ะ อาคาริเซ็มไป! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
“อื้ม ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีไหม”
“ไม่เลยค่ะ พอพวกรุ่นพี่เรียนจบไปแล้ว หนูเหงามากเลยนะคะ”
ทั้งๆ ที่เอาแต่คุยกับยามาโมโตะแล้วก็ไม่ยอมทักอาคาริ… กล้าพูดออกมาได้นะ
“ถ้างั้น ยามาโมโตะเซ็มไป อาคาริเซ็มไป ไว้เจอกันคราวหน้านะคะ”
“แล้วเจอกัน”
เธอโบกมือให้ทั้งสองคนแล้วก็เดินจากไป
“นายนี่มันแย่ที่สุดเลยนะ ไปหลอกล่อเด็กใสซื่อแบบนั้น”
“เมื่อกี้มันดูเหมือนว่าผมกำลังหลอกล่อเธออยู่เหรอ”
ฉันทำแก้มป่องแล้วก็หันหน้าหนีไปทางอื่น
ไม่ว่าจะมองยังไง ก็ไม่เห็นว่าจะดูเหมือนกำลังหลอกล่ออยู่เลยสักนิด เชอะ
“ขอไปสูดอากาศข้างนอกแป๊บนึงนะ”
ฉันลุกขึ้นยืนด้วยความงอน
“อ๊ะ งั้นฉันไปด้วย”
“โอ้ ไปดีมาดีนะ”
ฉันเดินเร็วๆ ออกไปข้างนอก
ต่างจากในงานเลี้ยงฉลองที่อึกทึกครึกโครม ข้างนอกเงียบสงบแทบไม่มีเสียงรบกวน
เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการสงบสติอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านของฉันในตอนนี้
“ถ้าทำท่าทางแบบนั้นบ่อยๆ เดี๋ยวก็โดนเกลียดหรอกนะ”
ขณะที่ฉันกำลังนั่งยองๆ กอดเข่าอยู่ ก็มีเสียงของอาคาริดังมาจากข้างหลัง
“…น่ารำคาญ”
“น่ารัก”
น่าแปลกจริงๆ
พอได้ฟังคำพูดบ้าๆ บอๆ ของอาคาริแล้วก็รู้สึกสงบลง บางทีคงเป็นเพราะฉันคิดว่าการมานั่งโกรธเรื่องแบบนี้มันน่าสมเพชกระมัง
“ขอบใจนะ อาคาริ”
“ไม่เป็นไรน่า เราเป็นเพื่อนสนิทกันไม่ใช่เหรอ”
“…เพื่อนสนิทเหรอ”
คำพูดของอาคาริทำให้ฉันสะดุดใจ
สุนทรพจน์ตัวแทนเพื่อน ต่อหน้าการกระทำที่จะทำให้เวทีที่เจิดจ้าของเพื่อนสนิทของฉันดียิ่งขึ้นไปอีก ฉันพยายามที่จะไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา… แต่จริงๆ แล้วฉันก็ตื่นเต้นน่าดูเลย
มีแต่ความกังวลใจ
แต่ในที่สุดมันก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ความกังวลใจอย่างหนึ่งก็ถูกขจัดออกไป
ฉันนึกถึงบทสนทนากับอิจจังในรถของเธอเมื่อวันก่อน
ระหว่างทางกลับจากไปลองชุดแต่งงาน อิจจังได้ระบายความในใจของเธอออกมา และเธอก็ดีใจที่ฉันปลอดภัย
…แต่ว่า ตั้งแต่ที่ได้คุยกับอิจจังในตอนนั้น ก็มีบางอย่างที่เหมือนก้างติดคออยู่ในใจ
‘…ก็ช่วยไม่ได้นี่นา จะไปแย่งแฟนของเพื่อนสนิทได้ยังไงล่ะ’
มันเป็นเพราะคำพูดของอิจจัง
ฉันมาคิดได้ทีหลัง
…สมัยมัธยมปลาย ฉันไม่รู้เลยว่าอาคาริกับยามาโมโตะคบกันอยู่
แต่ว่าอิจจังน่าจะรู้เรื่องนั้นตั้งแต่เทอมสองของปีสามแล้ว
ทำไมกัน
มีเหตุผลหลายอย่างที่นึกขึ้นมาได้
อย่างเช่น บังเอิญไปเห็นทั้งสองคนเดินอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนม
“…นี่ อาคาริ?”
หรือว่า…
“เธอได้เล่าเรื่องที่คบกับยามาโมโตะให้อิจจังฟังเหรอ”
หรือว่า อาคาริเองเป็นคนบอกเรื่องนั้นกับอิจจัง
ฉันไม่อยากให้เป็นอย่างหลังเลย
นั่นคือความปรารถนาของฉัน
ก็แหม ทั้งๆ ที่อาคาริไม่ได้บอกอะไรฉันเลย… ทั้งๆ ที่ไม่ได้บอกอะไรฉันที่เป็นเพื่อนสนิทเลย
แต่กลับไปบอกแค่อิจจังคนเดียว ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็…
“ใช่”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง อาคาริก็พูดออกมา
เป็นคำพูดที่ฉันไม่อยากจะได้ยินที่สุด
“…ทำไม”
ขณะที่ถามออกไปแบบนั้น
ฉันก็พอจะเดาได้อยู่แล้ว
‘อื้ม ก็ตอนมัธยมพวกเธอสองคนไม่ถูกกันจะตายไป ฉันกับอาคาริน่ะ เป็นห่วงกันน่าดูเลยนะ’
…หรือว่า
“หรือว่าเป็นเพราะฉัน”
ฉัน…
เพราะว่าฉันที่เป็นเพื่อนสนิทของอาคาริ ไม่ถูกกับยามาโมโตะ
เพราะอย่างนั้น นอกจากจะไม่ยอมบอกเรื่องที่คบกันแล้ว ในท้ายที่สุดอาคาริก็เลยเลิกคบกับยามาโมโตะไปใช่ไหม
…ฉันว่ามันแปลกๆ ตั้งแต่แรกแล้ว
พอได้เห็นทั้งสองคนที่ยังคงสนิทสนมกันอยู่
พอได้เห็นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนที่ทำให้ฉันอดที่จะอิจฉาไม่ได้
ทำไมคนสองคนนี้ถึงได้เลิกกันทั้งๆ ที่คบกันมาแค่สามเดือนเองนะ
ฉันหาคำตอบที่น่าพอใจไม่ได้
เพราะอย่างนั้น ก็เคยมีบางครั้งที่ฉันโกรธอาคาริที่ทิ้งยามาโมโตะไปฝ่ายเดียว
…แต่
แต่ถ้ามันเป็นเพราะฉันล่ะก็
…ฉัน
“ไม่ใช่หรอก”
อาคาริพูด
ฉันรู้ได้ทันที
อิจจัง…
เป็นคนที่ไม่โกหก ตรงกันข้าม เธอเป็นประเภทที่จะพูดความในใจออกมาแบบติดตลก
ถ้าอย่างนั้น อาคาริล่ะ…
“อย่ามาโกหกนะ”
“ไม่ได้โกหกซะหน่อย”
“โกหก”
“…เมกุ แบบนั้นมันก็เหมือนกับว่าเธอไม่ได้ฟังคำพูดของฉันเลยนะ ไม่ว่าฉันจะพูดยังไง เมกุก็แค่อยากจะให้เรื่องที่ฉันกับยามาโมโตะคุงเลิกกันเป็นความผิดของเมกุเท่านั้นเองนี่”
“…แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ”
“…ก็แค่ ความรู้สึกมันจืดจางลงไปแล้วน่ะ”
“ไม่เหลือความรู้สึกอะไรกับยามาโมโตะแล้วเหรอ”
ฉันรู้สึกได้ว่าอาคาริกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“ไม่มีหรอก ไม่มีความรู้สึกอะไรเหลือแล้ว ไม่เสียใจด้วย”
“…เหรอ”
ถ้าเป็นอย่างนั้น… ฉันก็รู้สึกว่ายามาโมโตะน่าสงสารจัง
ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาจนเจ็บปวด
“ฉันควรจะทำยังไงถึงจะถูกกันนะ”
ไม่ทันรู้ตัว ฉันก็เผลอพูดจาอ่อนแอออกมาอีกแล้ว
“ง่ายนิดเดียว”
อาคาริพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น
“เมกุก็แค่ทำตามที่ใจตัวเองต้องการก็พอแล้ว”
…คนเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เอาแต่ใจตัวเอง
เมื่อวันก่อนยามาโมโตะเคยเล่าเรื่องนั้นให้ฉันฟังอย่างภาคภูมิใจ
พอได้ฟังเรื่องนั้น ฉันก็ปฏิเสธทฤษฎีนั้นในใจว่าฉันไม่ใช่แบบนั้น
ฉันตั้งใจที่จะพยายามไม่ใช้ชีวิตแบบเอาแต่ใจตัวเองมาตลอด
คนที่ช่วยเหลือเรา เราก็ต้องตอบแทน
ความเมตตากรุณา เราก็ต้องขอบคุณ
ฉันตั้งใจที่จะทำเรื่องที่มันเป็นปกติแบบนั้น
…แต่
ฉันเพิ่งจะรู้ตัวในตอนนี้เองว่า สุดท้ายแล้วฉันก็ทำทุกอย่างตามใจตัวเองมาตลอด
สุดท้ายแล้ว ฉันก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เอาแต่ใจตัวเองสินะ
ทำให้ความรักของเพื่อนสนิทคนหนึ่งต้องจบลง แล้วก็ยังจะมาแย่งคนที่เป็นที่รักของเพื่อนสนิทคนนั้นไปอีก
ฉันนี่มัน… แย่ที่สุดเลย
อาคาริเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยงก่อนหนึ่งก้าว
MANGA DISCUSSION