ภายในรถมีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังอยู่
ฉันยังคงก้มหน้า ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
เมื่อแอบเหลือบมองใบหน้าของอิจจัง ก็เห็นว่าเธอดูสงบนิ่งมาก
“ฉันเคยใฝ่ฝันถึงเขาน่ะ”
อิจจังพึมพำออกมา
“ใฝ่ฝัน?”
“ยามาโมโตะคุง”
“…ใฝ่ฝันถึงหมอนั่นเนี่ยนะ”
“พูดจาว่า ‘หมอนั่น’ นี่มันเกินไปนะ”
อะฮะฮะ อิจจังหัวเราะออกมา
“พูดแบบนั้นกับแฟนตัวเองได้ยังไง”
“มะ ไม่ได้คบกันซะหน่อย”
“เอ๊ะ”
คราวนี้เป็นอิจจังที่ตกใจ
“ทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันเนี่ยนะ”
“…อื้ม”
“…หรือว่า เกรงใจอาคาริเหรอ”
“เอ๊ะ?”
พอหันไปมองข้างๆ ก็เห็นอิจจังมองฉันด้วยสายตาจริงจัง
“ไม่ใช่แบบนั้น”
“…แล้วทำไมล่ะ”
“มะ ไม่ได้มีเหตุผลอะไรสำคัญหรอก”
ฉันหันหน้าหนี
“…ก็แค่อายนิดหน่อยน่ะ ไม่กล้ามองหน้าตรงๆ ด้วยซ้ำ เรื่องสารภาพรักนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย”
ไม่มีเสียงตอบกลับจากอิจจัง
พอหันไปมอง ก็เห็นอิจจังทำหน้าเหวออยู่
“หา? น่ารักเกิ๊น…”
“ไม่นะ、ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
“เมกุนี่ ที่จริงแล้วขี้ขลาดน่าดูเลยนะ”
“อุ… คะ คนที่พูดแบบนั้นน่ะมีแค่อิจจังกับอาคาริเท่านั้นแหละ”
“แหงสิ ก็รู้จักกันมานานขนาดนี้แล้วนี่”
จะว่าเพราะรู้จักกันมานานหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ว่า…
สมัยมัธยมปลาย อิจจังกับอาคาริคอยเฝ้ามองฉันมาตลอดขนาดนั้นเลยสินะ สมัยนั้นน่ะ พวกคนที่เข้ามาใกล้ฉันมีแต่พวกไม่ได้เรื่องทั้งนั้น พูดตามตรงก็แอบดีใจนิดหน่อย
“วะ ว่าแต่ ใฝ่ฝันถึงหมอนั่นตรงไหนกัน”
ดีใจนิดหน่อย แต่หัวใจที่เต้นตึกตักไม่หยุดนี่ชักจะทนไม่ไหวแล้ว ฉันจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“ฉันน่ะ สอบได้ที่สองของสายชั้นมาตลอดเลย ที่หนึ่งน่ะเป็นเขามาตลอด ก็มีบ้างที่รู้สึกอยากจะเอาชนะ พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเอาชนะเขาก็เคยมี แต่ก็ไม่เคยชนะได้เลย ตอนแรกก็เป็นแค่ความใฝ่ฝันระดับนั้นแหละ”
“ตอนแรก…?”
“ตอนปีหนึ่ง เราอยู่ห้องเดียวกันใช่ไหมล่ะ”
“ใช่”
“ตอนงานวัฒนธรรมปีหนึ่ง ฉันได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบการแสดงของห้องน่ะ”
“อ่า จริงด้วยแฮะ”
ฉันนึกขึ้นมาได้ลางๆ ว่าช่วงนั้นอิจจังดูยุ่งอยู่ตลอดเวลา
“เมกุก็ด้วยแหละ แต่ว่า… ตอนนั้นทุกคนไม่ให้ความร่วมมือกันเลย ก็แหงล่ะ จะไปว่าใครเขาก็ไม่ได้ ตัวฉันเองก็ไม่ได้มีใจอยากจะทำเหมือนกัน พอได้มาเป็นคนรับผิดชอบเองถึงได้เริ่มบ่นสินะ”
“…อื้ม”
“ตอนนั้น คนที่มาช่วยงานฉันก็คือ ยามาโมโตะคุง”
“เอ๊ะ”
งานวัฒนธรรมตอนปีหนึ่ง ยามาโมโตะน่าจะยุ่งอยู่กับงานของคณะกรรมการนักเรียนไม่ใช่เหรอ แต่หมอนั่นกลับใช้เวลาว่างมาช่วยงานของห้องด้วยอย่างนั้นเหรอ
ช่างเป็นคนที่มีพลังงานล้นเหลือจริงๆ
ไม่สิ ที่น่าทึ่งกว่านั้นคือ หมอนั่น… อยากจะทำให้งานวัฒนธรรมประสบความสำเร็จขนาดนั้นเลยเหรอ
“ดีใจมากเลยที่เขามาช่วยงานที่ไม่มีใครยอมช่วย ถ้ามีอะไรก็ให้คำปรึกษาได้ แถมยังคอยชี้แนะได้อย่างตรงจุดอีก ช่วยได้เยอะเลย เพราะอย่างนั้น ความรู้สึกของฉันก็เลยค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความรักล่ะมั้ง”
ฉันนิ่งเงียบ
“…แต่ว่า หมอนั่นน่ะไม่ไหวหรอก ก็ยามาโมโตะคุงจู้จี้จุกจิกเกินไปนี่นา”
“นั่นสินะ”
นิสัยเจ้าระเบียบของหมอนั่นฉันก็เคยเห็นมากับตานับครั้งไม่ถ้วน เรื่องนั้นเห็นด้วยเลย
“ฉันน่ะ นิสัยค่อนข้างจะปล่อยๆ ใช่ไหมล่ะ ถ้ามีคนจู้จี้จุกจิกเหมือนแม่สามีอยู่ข้างๆ ล่ะก็ทนไม่ไหวแน่ เพราะอย่างนั้น ฉันก็เลยเปลี่ยนความรู้สึกรักกลับไปเป็นความใฝ่ฝันเหมือนเดิม”
อิจจังหัวเราะฝืดๆ
เป็นอย่างนั้นเองเหรอ
อืม ก็จริง…
นิสัยของยามาโมโตะละเอียดมากจริงๆ คงจะมีคนคิดว่าเป็นภาระอยู่บ้าง
ถ้าอิจจังคิดว่าทนไม่ไหว ก็คงจะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดแล้วล่ะ
“ว่าแต่ สามีของอิจจังเป็นคนแบบไหนเหรอ”
“เป็นประธานบริษัทเวนเจอร์ อายุมากกว่าห้าปี”
“สุดยอด ไปเจอกันที่ไหนเหรอ”
“ก็ พ่อแม่แนะนำมาน่ะนะ ถ้าถามว่าอยากจะแต่งงานไหม ก็ไม่เชิง แต่ว่า ก็นะ มันก็มีเรื่องราวหลายๆ อย่าง”
อิจจังลูบท้องอย่างมีความหมาย
“ยินดีด้วยนะ”
“อะฮะฮะ ขอบคุณนะ”
“…ไม่เสียใจเหรอ”
“ไม่เลย ไม่เลยสักนิด”
“…เหรอ”
อิจจังเป็นคนนิสัยปล่อยๆ ก็จริง
แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะโกหก ตรงกันข้าม เธอเป็นคนประเภทที่จะพูดความในใจออกมาแบบติดตลกซะมากกว่า
ถ้าคนอย่างอิจจังพูดแบบนี้… ก็คงจะเป็นความจริง
ตอนนี้อิจจังไม่ได้มีความกังวลใจอะไรกับการแต่งงาน
และความสัมพันธ์กับยามาโมโตะก็คงจะจบลงไปนานแล้ว
ว่าแต่
ฉันนึกถึงบทสนทนากับยามาโมโตะเมื่อวันก่อน
นึกถึงคืนที่ฉันคลั่งไคล้ด้วยความอิจฉา
“…นี่ อิจจัง?”
“หืม?”
“ยามาโมโตะเคยบอกว่า อิจจังเคยขอให้ช่วยติวหนังสือให้ด้วยกันจนถึงเทอมสองของปีสาม”
จากที่อิจจังเล่าเมื่อกี้ เหมือนว่าจะตัดใจจากยามาโมโตะไปตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นอิจจังก็ยัง… เข้าหายามาโมโตะทุกครั้งหลังสอบเสร็จจนถึงเทอมสองของปีสาม
…หรือว่า อิจจังตอนนี้
ฉันไม่เคยคิดว่าเธอจะเป็นคนแบบนั้น
แต่ว่า อิจจังตอนนี้
“…ขอโทษนะ ฉันโกหก”
“ทำไมล่ะ อิจจังน่ะ ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคย…”
“…ก็ช่วยไม่ได้นี่นา จะไปแย่งแฟนของเพื่อนสนิทได้ยังไงล่ะ”
อิจจังมองอาคาริที่กำลังหลับอยู่ที่เบาะหลังผ่านกระจกมองหลัง
…อย่างนี้นี่เอง
อาคาริกับยามาโมโตะคบกันอยู่สามเดือนหลังจบงานวัฒนธรรม ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่อิจจังเลิกเข้าหายามาโมโตะพอดี
“นี่ อิจจัง?”
“หืม?”
“ครั้งนี้ ทำไมอิจจังถึงชวนยามาโมโตะมางานแต่งงานล่ะ”
ฉันรู้สึกได้ว่าอิจจังกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
MANGA DISCUSSION