“ว้าว…”
ทันทีที่เข้าไปในห้องลองชุด อาคาริที่เดินอยู่ข้างๆ ก็อุทานออกมาเบาๆ
ส่วนฉัน แม้จะไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา แต่ก็เผลอมองอย่างหลงใหลไปเหมือนกัน
อิจจังในชุดสีขาวบริสุทธิ์ดูสวยงามราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อสักครู่นี้ ไม่สิ ไม่ใช่ อิจจังน่ะสวยมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แต่ว่า แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ…?
“ไก่งามเพราะขน?”
“เมกุ ฉันว่าน่าจะไม่ใช่นะ”
คำพูดของอาคาริทำให้ฉันหรี่ตาลง ในใจก็คิดว่าใช่จริงๆ ด้วย ไม่น่าพูดคำที่รู้ไปเลย
“นี่ๆ อิจจัง ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหม”
อาคาริดูร่าเริงเป็นพิเศษ
อาจจะเป็นเพราะได้เห็นเพื่อนเก่าในตอนที่สวยงามก็เลยตื่นเต้น
“ได้สิ”
“…อา”
สายตาของทั้งสองคนหันมาจับจ้องที่ฉันซึ่งพูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ
“ฉันขอ… ถ่ายด้วยได้ไหม”
ฉันพูดพลางหลบสายตาของทั้งสองคน แก้มก็เริ่มร้อนผ่าว
พอแอบมองไปที่ทั้งสองคน ก็เห็นว่าพวกเขากำลังมองฉันแล้วก็ยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่
“เมกุ ยังซึนเดเระไม่เปลี่ยนเลยนะ!”
“เนอะ! เนอะ! น่ารัก!”
“พะ พวกเธอจะอะไรกันนักหนา”
เห็นของสวยๆ งามๆ แล้วอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้มันแปลกตรงไหนกัน
นานๆ ทีจะยอมเปิดเผยความรู้สึกในใจออกมาตรงๆ ก็โดนแบบนี้ทุกที
“…เกลียดทั้งสองคนเลย”
ฉันทำหน้างอ
“ว้ายๆๆ เมกุ ขอโทษๆ!”
อิจจังร้อนรน
“กรี๊ดด เมกุน่ารัก!”
อาคาริยังคงเป็นปกติ
อิย๊า、เธอนี่มันอะไรกันนักหนาเนี่ย อาคาริ
ฉันได้แต่อยู่ในสภาพที่ถูกอิจจังปลอบโยนพลางมองอาคาริอย่างเอือมระอา
ภาพตรงหน้านี้ ทำให้ฉันนึกย้อนไปถึงภาพในอดีต
…เป็นภาพสมัยมัธยมปลายที่พวกเราสามคนมักจะไปเที่ยวด้วยกัน
พวกเราในสมัยมัธยมปลาย… ก็เป็นแบบนี้เสมอ
นานๆ ทีฉันจะยอมเปิดเผยความรู้สึกในใจออกมาตรงๆ แล้วทั้งสองคนก็จะล้อเลียน จากนั้นอิจจังก็จะเข้ามาปลอบ ส่วนอาคาริก็จะหัวเราะอย่างสนุกสนาน
อะไรกัน
ฉันเคยคิดว่าพออิจจังแต่งงานไปแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเราสามคนก็จะพังทลายลง ฉันเกลียดความคิดนั้น ก็เลยไม่สามารถยินดีกับการแต่งงานของอิจจังได้อย่างเต็มใจ
แต่ว่า มันไม่ใช่เลย
ต่อให้อิจจังแต่งงานไปแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเราก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
แหงล่ะ โอกาสที่จะได้เจอกันอาจจะน้อยลง
แต่ว่า ถ้าพวกเราได้มารวมตัวกันเมื่อไหร่ ก็จะสามารถทำเรื่องบ้าๆ บอๆ ได้เหมือนเมื่อก่อน
“อิจจัง”
“หืม?”
“สวยมากเลยนะ”
“…ขอบคุณนะ”
ใบหน้าของอิจจังที่สวมชุดเดรสแล้วยิ้มเหมือนสมัยมัธยมปลาย คงจะเป็นภาพที่ฉันลืมไม่ลงไปอีกนาน
บางที ตอนนี้อาจจะเป็นครั้งแรก… ที่ฉันรู้สึกยินดีกับการแต่งงานของอิจจังจากก้นบึ้งของหัวใจ
ระหว่างทางกลับ ฉันกับอาคารินั่งรถที่อิจจังขับอีกครั้ง
ต่างจากเมื่อกี้ คราวนี้ฉันนั่งที่นั่งข้างคนขับ ไม่ได้มีความรู้สึกพิเศษอะไร แค่อยากจะทำแบบนั้น เท่านั้นเอง
อาคาริกำลังหลับอยู่ที่เบาะหลัง
คงจะเหนื่อยสะสมมาสินะ
“วันนี้ขอโทษด้วยนะ มาจากโตเกียวคงจะลำบากแย่เลย”
อิจจังพูด
“…นี่ อิจจัง”
“หืม?”
“ฉันมีเรื่องต้องบอกอิจจัง”
“เรื่องอะไรเหรอ”
ฉันลังเล
อิจจังเป็นเพื่อนที่สนิท… พอๆ กับอาคาริเลย เพราะอย่างนั้นก็เลยคิดว่าถ้ามีโอกาสก็จะบอก ไม่ได้อยากให้เธอต้องมารู้สึกเศร้าไปด้วย แต่เพราะว่าเป็นเพื่อนกันถึงได้คิดว่าควรจะบอก
…แต่ว่า ตอนนี้จะไปสร้างเรื่องกลุ้มใจให้กับอิจจังที่กำลังมีความสุขสุดๆ อยู่มันจะดีเหรอ
ฉันเอาแต่คิดเรื่องนั้น
แต่พอได้เจออิจจังอีกครั้งในรอบหลายวัน ได้เห็นอิจจังที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อน… ฉันก็ตัดสินใจว่าจะบอกเธอ
“ฉันลาออกจากมหา’ลัยแล้วล่ะ”
“…เหรอ”
“แฟนเก่าฉันน่ะ เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง ตอนนี้อยู่ในคุกแล้วล่ะ”
อิจจังขับรถต่อไปเงียบๆ
หรือว่า การที่บอกเธอไปตอนนี้จะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดกันนะ
“ลำบากแย่เลยนะ”
ในที่สุดอิจจังก็พูดออกมา
“ไม่หรอกน่า…”
“แล้วตอนนี้ล่ะ”
“…ตอนนี้เหรอ ตอนนี้น่ะนะ…? อะฮะฮะ อาจจะตกใจหน่อยนะ”
“…หรือว่า”
ไฟแดง อิจจังหยุดรถแล้วหันมามองฉัน
“อยู่กับยามาโมโตะคุงเหรอ”
“…ทำไม”
ทำไมถึงรู้ล่ะ?
“ก็แหม ถ้าบอกว่าจะทำให้ฉันตกใจ… ก็นึกถึงแต่เรื่องนั้นได้เรื่องเดียวนี่นา”
“ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“อื้ม ก็ตอนมัธยมพวกเธอสองคนไม่ถูกกันจะตายไป ฉันกับอาคาริน่ะ เป็นห่วงกันน่าดูเลยนะ”
“…อะฮะฮะ”
เหรอ
แบบนี้… ก็ทำเรื่องที่น่าละอายใจไปแล้วสินะ
ทั้งกับอิจจัง
ทั้งกับอาคาริ
แล้วก็กับยามาโมโตะด้วย
“เหรอ ได้ยามาโมโตะคุงช่วยไว้สินะ”
“อื้ม บังเอิญเจอกันอีกครั้ง แล้วเขาก็ให้ที่พักพิงที่บ้านน่ะ”
“ตอนนี้ก็ยังเหรอ”
“…อื้ม”
“เฮ้อ แบบนี้… น่าอิจฉาจังนะ”
…ทันใดนั้น ฉันก็นึกถึงบทสนทนากับยามาโมโตะเมื่อวันก่อนขึ้นมา
“นี่ อิจจัง?”
“เคยชอบเขาน่ะ”
เธอตอบทันที
ทั้งๆ ที่ฉันยังไม่ได้เล่าทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ
“…เหรอ”
ความรู้สึกผิดทำให้ฉันก้มหน้าลง
อาคาริที่อยู่เบาะหลัง ดูเหมือนจะยังหลับอยู่
(แฟลชแบ็คสมัยเรียนมันลอยเข้ามาในหัว ไม่น้าาาา รักสมัยวัยรุ่นนี้มันดีไปอีกแบบน้า)
MANGA DISCUSSION