ความทรงจำแรกที่ผมมีเกี่ยวกับการคุยกับฮายาชิเมกุมิ มันไม่ได้ดีเลย
ตอนมัธยมปีหนึ่ง เราเคยนั่งติดกันอยู่ช่วงหนึ่ง เธอคงจำไม่ได้ แต่ผมจำได้ว่าเราเคยคุยกันแค่ครั้งเดียว
ฮายาชิเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาก แม้จะพูดจาแรงๆ บ้างแต่หน้าตาดี มีอิทธิพลในกลุ่ม เพื่อนๆ ก็เลยชอบมาอยู่รอบตัวเธอ ช่วงพักผมแทบไม่ได้อยู่ที่โต๊ะตัวเองเลย เพราะมักจะมีคนมานั่งแทน
ครั้งแรกที่เราคุยกันคือในห้องเรียน หลังพักเที่ยง เพื่อนๆ เธอเพิ่งแยกย้ายไป ผมเห็นยางลบของเธอตกลงพื้นตอนเธอหาว เธอไม่รู้ตัว
ผมลังเลว่าจะเก็บให้ดีไหม แต่คิดว่าเธอคงบ่นถ้าไม่เก็บ เลยก้มไปเก็บให้
ตอนก้มเก็บ ผมรู้สึกได้ถึงสายตาแรงๆ จากเธอ แค่เก็บยางลบยังต้องเครียดขนาดนี้เลยเหรอ
“ยางลบตกนะ”
ผมวางยางลบคืนให้เธอ
แต่เธอไม่ได้ขอบคุณ ไม่ได้ขอโทษ
“ชิ”
…ไม่ใช่คำพูดด้วยซ้ำ แค่เสียงจิ๊ปาก
ผมอุตส่าห์เก็บให้ กลับได้แค่เสียงจิ๊ปาก ตั้งแต่นั้นผมเลยตั้งใจจะไม่คุยกับเธออีกตลอดสามปี
เลยแทบไม่ได้คุยกันเลยทั้งที่อยู่ห้องเดียวกัน
ตอนนั้นผมไม่ชอบเธอเลย คิดว่าเธอหยิ่ง ท่าทางเหมือนราชินี
แต่พอได้เห็นเธอบ่อยๆ ก็เริ่มสังเกตว่า เธอเป็นคนที่รักเพื่อน มีความคิดเป็นของตัวเอง กล้าพูดกล้าทำ และจริงๆ แล้วก็อ่อนไหวง่าย
ตอนงานกีฬาสีปีสาม ห้องเราตั้งเป้าจะชนะ แต่ได้แค่ที่สอง ทุกคนดีใจแต่เธอกลับร้องไห้ใหญ่
“เมกุจัง ได้ที่สองก็ดีแล้วนะ”
“ใช่ๆ”
แต่เธอไม่สนใจ
“ฉันอยากชนะกับทุกคน”
ตอนนั้นผมยังมองเธอแบบเย็นชา แต่พอมาคิดตอนนี้ก็เข้าใจความรู้สึกนั้นเหมือนกัน
ผมไม่ชอบเธอเลยตอนนั้น แต่พอจบมัธยมก็เริ่มยอมรับในความมุ่งมั่นของเธอ อาจจะรู้สึกชื่นชมเธออยู่ลึกๆ ก็ได้
บางทีเพราะแบบนี้ พอรู้ว่าเธอโดนทำร้าย ผมถึงได้ช่วยเธอ เพราะไม่อยากเห็นคนที่เคยชื่นชมต้องกลัวผู้ชายแบบนั้น
แต่เรื่องนี้ผมจะไม่บอกใครแน่นอน
หลังจากฮายาชิมาอยู่ห้องผมได้หนึ่งสัปดาห์ วันหนึ่งหลังมื้อเย็น โทรศัพท์ผมดังขึ้น เป็นเบอร์จากสถานีตำรวจ
“ฮัลโหล”
ผมรับสาย ฮายาชิหรี่เสียงแท็บเล็ตลง
“ครับ…ครับ…งั้นเดี๋ยวให้เธอรับสายครับ”
ผมลุกขึ้นเดินไปยื่นโทรศัพท์ให้ฮายาชิ
“ใครโทรมาเหรอ?”
“ตำรวจ เรื่องนั้นแหละ”
ฮายาชิหน้าตึง มือที่ถือแท็บเล็ตเริ่มสั่น
“ถ้าเธอไม่รับเองก็ไม่มีประโยชน์นะ”
“…อืม”
เธอรับโทรศัพท์ไป
“ฮัลโหล…ค่ะ…ค่ะ…ค่ะ…อ๋อ…ค่ะ…ขอบคุณค่ะ…”
ฮายาชิวางสาย สีหน้าดูเศร้าลง
“ว่าไงบ้าง?”
เธอไม่ตอบ ก้มหน้า สีหน้าไม่ดีเลย
“ฮายาชิ?”
“เขาถูกจับแล้ว”
ห้องเงียบไป มีแต่เสียงเข็มนาฬิกา
ฮายาชิยังดูเศร้า แม้จะเป็นแฟนเก่าที่ทำร้ายเธอ แต่การถูกจับก็ยังทำให้รู้สึกอะไรบางอย่าง
“ปกติคดีแบบนี้จะจับได้แค่ตอนจับได้คาหนังคาเขา แต่เพราะหลักฐานกับแผลของฉันมันชัดเจน เลยถูกจับจริงๆ”
“ดีแล้วนี่ ฮายาชิ”
“ดีแล้วเหรอ?”
เสียงเธอสั่น
“ฉันไม่ได้ห้ามเขาตั้งแต่แรก แต่สุดท้ายกลับไปแจ้งความเอง เขาเลยถูกจับ ฉันไม่ได้ปรึกษาอะไรเลย ทำถูกแล้วเหรอ?”
“เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว”
ฮายาชิมองผมด้วยสายตาหวาดกลัว
“ผมไม่คิดจะให้อภัยเขา แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของเธอ ผมเป็นคนนอก ขอแค่เธอปลอดภัยก็พอ”
ฮายาชิก้มหน้าเงียบไป ผมรู้ว่าเธอคงรู้สึกผิดและสับสนมาก
“เธออาจจะรู้สึกผิดที่เหมือนทำลายชีวิตเขา แต่รู้ไหม ถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง ชีวิตเธอเองอาจจะถูกทำลายไปแล้วเหมือนกัน ทุกอย่างที่เธอทำก็เพื่อให้ตัวเองรอด ไม่ใช่ความผิดของเธอเลย”
ผมเดินเข้าไปใกล้ จับไหล่เธอเบา ๆ
“จะเสียใจหรือสับสนก็ได้ แต่ขออย่างเดียว อย่าโทษตัวเอง อย่าคิดว่าชีวิตตัวเองไม่มีค่า เพราะถ้าเธอหมดหวัง มันก็เหมือนกับว่าทุกอย่างที่เราพยายามมาก็สูญเปล่า”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่สุดเท่าที่เคยพูดกับใครมา
“ขอแค่เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงจะโกรธผมหรือเกลียดผมก็ไม่เป็นไร ขอแค่เธอไม่ยอมแพ้กับชีวิต”
ผมรู้สึกเขินจนต้องหันไปทำทีจะไปล้างห้องน้ำต่อ
“ขอบใจนะ ยามาโมโตะ”
เสียงของฮายาชิดังขึ้นข้างหลัง
“ไม่ต้องขอบใจหรอก ผมก็พูดแรง ๆ ไปเยอะ สุดท้ายก็แค่ให้เธอทนอยู่กับนิสัยเอาแต่ใจของผมเองนั่นแหละ”
“นายก็แค่พูดไม่เก่งเท่านั้นเอง”
“ถ้าเธอคิดแบบนั้นก็ดีแล้ว”
ฮายาชิเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเบา ๆ
“ช่วงนี้ฉันคิดนะ ว่าทำไมตอนมัธยมถึงไม่ได้คุยกับนายมากกว่านี้”
…แปลกดี ผมเองก็คิดแบบเดียวกัน
“อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่สายที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตใช่ไหม”
“ใช่… ถึงจะไม่มีเพื่อนเยอะ แต่ก็ยังมีเธออยู่ข้างหลังนี่แหละ”
ฮายาชิไม่พูดอะไรต่อ ผมเองก็เขินจนไม่กล้าหันไปมอง
แต่แล้วเราก็ต้องเผชิญกับความจริงข้อหนึ่ง
การที่แฟนเก่าของฮายาชิถูกจับ หมายความว่าเธอไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอีกต่อไป
สองวันหลังจากนั้น ฮายาชิก็เริ่มมองหาห้องพักใหม่ เตรียมจะออกไปใช้ชีวิตของตัวเองอีกครั้ง
MANGA DISCUSSION