เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาแล้วรอจนกระทั่งอาคาริตื่นถึงได้กลับบ้าน
ดูเหมือนว่าอาคาริจะไม่ใช่คนตื่นเช้า ต่างจากยามาโมโตะ ทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่ ม.5 แต่ฉันเพิ่งจะมารู้เรื่องนี้วันนี้เอง
ระหว่างทางกลับบ้าน ฉันแวะร้านคอนบินีที่อยู่กลางทางพอดี
หมอนั่นกินข้าวเช้าแล้วหรือยังนะ
ฉันไม่ได้อยู่บ้านมาเกือบครึ่งวันแล้ว ถึงจะบอกว่าจะกินอะไรง่ายๆ แต่ก็อาจจะมัวแต่ทำความสะอาดจนไม่ได้กินอะไรเลย แล้วก็หิวจนเป็นลมไปแล้ว… ไม่ๆๆๆ ไม่มีทาง
ไม่มีทาง… แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เต็มปากเต็มคำ นี่แหละคือความน่ากลัวของหมอนั่น
โอนิกิริ
แซนด์วิช
ซุป แล้วก็ข้าวกล่อง
ฉันใช้เงินที่ร้านคอนบินีไปเกือบสองพันเยน แล้วก็กลับบ้านพร้อมกับถุงพลาสติกที่พองโต
“กลับมาแล้ว”
ฉันวางถุงพลาสติกลงในครัว แล้วก็มองไปรอบๆ ห้องนั่งเล่น
…คงจะเพื่อระบายอากาศสินะ
หน้าต่างเปิดกว้างจนสุด ผ้าม่านพลิ้วไหวไปตามลมเย็นๆ ของฤดูใบไม้ร่วงที่พัดเข้ามา
“หืม? โอ้ กลับมาแล้วเหรอ”
ยามาโมโตะกำลังทำความสะอาดหน้าต่างอยู่
ถึงจะบอกว่าทำความสะอาดหน้าต่าง แต่ก็ไม่ใช่ว่ากำลังเช็ดกระจก เขากำลังใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดสารพัดชนิดของเขาทำความสะอาดฝุ่นที่สะสมอยู่ในร่องรางเลื่อนหน้าต่างอยู่ต่างหาก
“กลับมาเร็วนี่ นึกว่าจะกลับมาพรุ่งนี้ซะอีก”
“…อะไรเล่า เกะกะเหรอ?”
“ผมไม่ได้พูดแบบนั้นซะหน่อยนี่?”
ฉันรู้
ถึงไม่พูดก็รู้
แต่ว่า ช่วยพูดอะไรที่มันถนอมน้ำใจกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง
อย่างเช่น ‘รออยู่เลย’ หรือ ‘เธอไม่อยู่แล้วแทบจะร้องไห้’
…พอรู้ตัวว่ากำลังคาดหวังคำพูดที่คนอย่างเขาไม่มีทางพูดออกมาแน่ๆ ฉันก็หัวเราะฝืดๆ ออกมานิดหน่อย
“เป็นไงบ้าง? สุนทรพจน์ตัวแทนเพื่อนเรียบร้อยดีไหม”
“…ไม่เลย”
เมื่อคืนก่อนนอน ฉันรู้สึกหดหู่ทั้งจากความเหนื่อยและความรู้สึกรับผิดชอบ… แต่พอได้คุยกับหมอนี่แล้ว จิตใจก็สงบลงอย่างน่าประหลาด
“เฮ้อ นี่มันยากจริงๆ นะ”
ทำไมกันนะ
ทำไมถึงได้รู้สึกสงบลงกันนะ
…อ่า อย่างนี้นี่เอง
“งั้น เรามาช่วยกันคิดไหม”
แค่พึ่งพายามาโมโตะก็ไม่เป็นไรแล้ว
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฉันมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้กับเขาที่อาศัยอยู่ด้วยกัน
ช่วยไม่ได้
ช่วยไม่ได้จริงๆ นี่นา…
เพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ได้แค่ประมาณสองเดือน
ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่นั้น ฉันได้รับการเติมเต็มจากหมอนี่ไปมากขนาดไหนกันนะ
หมอนี่มอบอะไรหลายๆ อย่างให้กับฉัน
ช่วยฉันให้รอดพ้นจากการถูกทำร้ายร่างกายในครอบครัว
สร้างโอกาสให้ฉันได้กลับไปเจอหน้าพ่อแม่ที่เคยตัดขาดกัน
จัดแจงให้ฉันได้กลับมาเจอเพื่อนสนิทอีกครั้ง
และฉันก็ได้มีความรักที่ไม่อาจหาอะไรมาแทนที่ได้
…เพราะงั้น การที่ฉันจะพึ่งพายามาโมโตะมันก็ช่วยไม่ได้
เพราะงั้น ทั้งหมด…
ทั้งหมดเป็นความผิดของยามาโมโตะเอง
“อื้ม ฝากด้วยนะ”
ฉันยิ้ม
แน่นอนว่าแค่พึ่งพายามาโมโตะก็ไม่เป็นไรแล้ว
ถ้าเป็นคนนี้ล่ะก็ เขาจะต้องช่วยฉันอีกแน่
ถ้าเป็นคนนี้ล่ะก็ เขาจะต้องแก้ปัญหาที่ฉันกลุ้มใจอยู่ให้หายไปในพริบตาแน่
‘แล้วก็ลองไปปรึกษายามาโมโตะคุงดูสิ’
ทันใดนั้น ฉันก็นึกถึงคำพูดของอาคาริเมื่อคืนก่อน
สิ่งที่อาคาริที่กำลังจมอยู่กับความรู้สึกไร้ค่าได้แนะนำฉันก็คือ… ให้ไปพึ่งพายามาโมโตะ
ฉันมองเห็นภาพตัวเองในตอนนี้ซ้อนทับกับภาพของอาคาริในตอนนั้น
แล้วก็คิดได้
…อย่างนี้นี่เอง
อาคาริ
เธอก็เคยได้รับการช่วยเหลือจากยามาโมโตะเหมือนกันสินะ
เพราะอย่างนั้นอาคาริถึงได้… มั่นใจว่าถ้าเป็นยามาโมโตะล่ะก็จะต้องทำอะไรสักอย่างได้แน่ๆ แล้วก็แนะนำฉันได้
“…นายนี่มันผู้ชายเจ้ากรรมจริงๆ”
“หืม?”
“เปล่า ไม่มีอะไร”
ระหว่างที่รอยามาโมโตะทำความสะอาดเสร็จ ฉันก็คิดว่าจะเตรียมอาหารกลางวันรอ
ทันใดนั้น สายตาของฉันก็ไปเห็นอาหารมากมายที่วางอยู่ในครัว
“อา… นี่ ยามาโมโตะ?”
“ว่าไง?”
“มื้อกลางวันเป็นข้าวกล่องไก่ทอดคาราอาเกะ โอนิกิริทูน่ามายองเนส แซนด์วิชไข่ แล้วก็ซุปหมูดีไหม”
“มันไม่เยอะไปหน่อยเหรอ”
ดูเหมือนยามาโมโตะจะกำลังสับสน
MANGA DISCUSSION