บางที การลองร้องไห้ดูบ้างก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันนะ ฉันคิดอย่างเลื่อนลอย
เพราะน้ำตาแท้ๆ ทั้งโอตะและอิโตะที่ไม่ค่อยมีใจช่วยก็กลับมามีใจขึ้นมาบ้าง แถมยังได้ยินคำพูดที่น่าดีใจจากอาคาริอีก
ในที่สุดพวกเราก็กลับมามีใจอีกครั้ง และพากันกุมขมับกับสุนทรพจน์ตัวแทนเพื่อน
แต่ถึงจะมีใจแล้ว มันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะดีขึ้น
ตรงกันข้าม พอมีใจแล้ว… ก็ยิ่งรู้สึกว่าทำงานส่งเดชไม่ได้ ความคิดเห็นของพวกเราเลยไม่ตรงกันเสียที
“งั้น วันนี้ขอบคุณมากนะทั้งสองคน อยู่คุยกันจนดึกเลย”
‘อื้มๆ ขอโทษนะที่ช่วยอะไรไม่ได้เลย’
‘นั่นสิ ไว้มาปรึกษาอีกนะ’
“ขอบคุณนะ”
เมื่อเวลาล่วงเลยเข้าสู่ช่วงดึก พวกเราก็วางสายโทรศัพท์ที่คุยกันมายาวนาน
หลังจากวางสาย ฉันก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สุดท้ายแล้ว ถึงจะได้รับความช่วยเหลือจากโอตะและอิโตะ แต่ก็ไม่มีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
“ยากน่าดูเลยนะ”
อาคาริพูด
“อื้ม… ยากจริงๆ นั่นแหละ”
ฉันบ่นอุบอิบแล้วล้มตัวลงนอนกับพื้น
ปวดเอวจัง ทั้งๆ ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ แต่สภาพเหมือนคนแก่เลย
“วันนี้ จะค้างที่นี่ไหม”
“ไม่เป็นไรหรอก เกรงใจ”
“แต่ว่า รถไฟเที่ยวสุดท้ายหมดแล้วนะ”
พอมองนาฬิกา เวลาก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว
“เด็กน่ารักๆ อย่างเมกุเดินคนเดียวตอนกลางคืน อาจจะโดนทำมิดีมิร้ายก็ได้นะ”
“ฉันว่าไม่น่าจะมีเรื่องแบบนั้นหรอกนะ?”
“มีสิ เพราะงั้น ไม่ได้”
วันนี้อาคาริดูมีแรงกดดันมากกว่าปกติ
แต่คำพูดของอาคาริก็เป็นไปเพราะเป็นห่วงฉันล้วนๆ
การจะบ่นหรือแสดงอารมณ์ออกมาจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง
“ขอบคุณนะ งั้นขอค้างด้วยแล้วกัน”
“งั้น นอนด้วยกันนะ”
“ด้วยกัน?”
“บ้านฉันมีเตียงเดียวเอง”
“นอนในถุงนอนก็ได้นะ?”
“ไม่มีหรอกน่า ของแบบนั้น”
“…เหรอ”
ผู้หญิงนอนเตียงเดียวกัน… ก็… อีกฝ่ายเป็นอาคารินี่นะ คงไม่มีปัญหาหรอกมั้ง
คงไม่มีปัญหาใช่ไหมนะ?
ฉันยืมฝักบัวของอาคาริอาบน้ำ แปรงฟัน แล้วก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงก่อน
อีกสักพัก อาคาริที่อาบน้ำทีหลังก็กลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น
“ขอโทษนะที่ยืมฝักบัวอาบก่อน”
“อื้ม ไม่เป็นไรเลย”
“เดี๋ยวเป่าผมให้”
“ขอบคุณนะ”
ฉันรับไดร์เป่าผมจากอาคาริที่กำลังยิ้ม แล้วก็เป่าผมทรงบ๊อบของเธอให้แห้ง
ตั้งแต่มาอยู่กับยามาโมโตะ ฉันก็ให้เขาเป่าผมให้บ่อยๆ เขาเป็นคนชอบทำอะไรจริงจัง ทำอะไรก็ประณีตไปหมด มันก็เลยค่อนข้างสบาย
แต่พอมาคิดดูแล้ว การเป่าผมให้คนอื่นนี่รู้สึกว่าไม่ได้ทำมานานแล้วแฮะ
“ขอบคุณนะ เมกุ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาไปเก็บนะ”
พอกลับมาจากทางห้องน้ำ ก็เห็นอาคารินอนอยู่บนเตียงเดี่ยว เธอขยับไปนอนชิดขอบเตียง
“อึ๊บ”
ฉันล้มตัวลงนอนข้างๆ อาคาริ
เงียบกันไปพักหนึ่ง
พูดถึงก็ใช่ ลืมปิดไฟนี่นา
“อ๊ะ ไม่เป็นไร”
อาคาริห้ามฉันที่กำลังจะลุกขึ้นไปปิดไฟ แล้วก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมา
พออาคาริเลื่อนนิ้วบนสมาร์ทโฟนไปมา ไฟก็ดับพรึ่บ
“สุดยอด”
“เขาเรียกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะน่ะ แค่มีสมาร์ทโฟนเครื่องเดียวก็เปิดปิดแอร์ได้ ซักผ้าก็ได้ สะดวกสุดๆ ไปเลย”
“เห~ สุดยอด”
“…เมกุเป็นพวกโลว์เทคคงไม่เข้าใจหรอก แต่ยามาโมโตะคุงไม่ได้ใช้เหรอ”
“หมอนั่นน่ะ ดูเหมือนอย่างนั้นแต่กระเป๋าหนักจะตายไป สงสัยจะแอบคิดในใจว่าของแบบนั้นไม่จำเป็นหรอก แต่พอได้ลองใช้จริงๆ ก็ติดใจเร็วซะงั้น แต่รีวิวในเว็บขายของออนไลน์จะต้องติโน่นตินี่ ไม่ยอมให้ 5 ดาวเด็ดขาด แล้วก็จะพูดอะไรที่ไม่รู้ว่าพูดให้ใครฟังทำนองว่า ‘ไว้จะรอดูการพัฒนาในอนาคต’ ด้วยนะ”
“โคตรละเอียดเลย”
ฮะๆๆ อาคาริหัวเราะ
ก็แหงล่ะ นั่นคือผลลัพธ์ที่ฉันเห็นกับตาตัวเองจากการที่ได้อยู่กับหมอนั่นมาสองเดือนนี่นา
“สุดท้าย วันนี้ก็ไม่ได้ข้อสรุปอะไรเลยเนอะ”
หลังจากหัวเราะอยู่พักหนึ่ง อาคาริก็พูดขึ้น
ทำให้ต้องมานึกถึงเรื่องน่าเบื่อก่อนนอน
ถึงจะยังมีเวลาจนกว่าจะถึงงานแต่งของอิจจัง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน… ในใจก็ร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก
“อาคาริ พรุ่งนี้ว่างไหม”
“ว่าง… แต่ว่า คงจะไม่ได้ผลหรอก”
“เอ๊ะ?”
“วันนี้เราช่วยกันคิดทั้งวันแล้ว ยังไม่ได้เรื่องเลย เพราะงั้นอยู่กับฉันคงจะไม่ได้ผลหรอก”
ดูเหมือนว่าอาคาริจะถอดใจไปแล้วหลังจากที่วันนี้ทั้งวันลงแรงไปโดยเปล่าประโยชน์
…ช่วยไม่ได้
ฉันเป็นฝ่ายมาขอร้องเธอเองฝ่ายเดียว จะให้เธอมาตามใจฉันมากกว่านี้ไม่ได้ ถึงจะไม่ได้ดังใจก็ควรจะขอบคุณ ไม่ใช่โกรธเคือง
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ เมกุ”
อาคาริคงจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศจากฉันที่เงียบไป
ดูเหมือนเธอจะเตรียมอธิบาย
“ฉันแค่คิดว่ามีคนที่เหมาะสมกว่าฉันก็เท่านั้น”
“…คนที่เหมาะสม?”
“พอได้ลองช่วยกันคิดทั้งวันแล้วก็รู้สึกได้เลย ความรับผิดชอบนี่มันหนักหนาจริงๆ เนอะ”
“…นั่นสินะ”
“เวลาพูดสุนทรพจน์ของเมกุเมื่อเทียบกับเวลาทั้งหมดของงานแต่งงานแล้วมันแค่ไม่กี่นาที ไม่ถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำ แต่พวกเราทุกคนกลับคิดไปว่า ‘ถ้าแค่ช่วงเวลาเล็กๆ นั่นไปทำลายงานแต่งของอิจจังจะทำยังไงดี'”
ใช่แล้ว
ตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา
ในมุมหนึ่งของหัวฉันก็คิดเรื่องนี้อยู่ตลอด
อิจจังอยากจะได้ยินสุนทรพจน์แบบไหนจากฉันกันนะ ถ้าพูดแบบไหนอิจจังถึงจะดีใจ
อยากทำให้เธอดีใจ
ไม่อยากทำพลาด
พอคิดแบบนั้น ผลลัพธ์ก็คือไม่ได้คำตอบดีๆ เลย
“…ขอโทษนะ คงจะน่ารำคาญสินะ”
ฉันพูด
ครั้งนี้ คนที่อิจจังขอให้พูดสุนทรพจน์คือฉัน ไม่ใช่อิโตะ ไม่ใช่โอตะ ไม่ใช่อาคาริ แต่เป็นฉัน
สำหรับทั้งสามคน การมาช่วยฉันคงจะ… น่ารำคาญสุดๆ ไปเลยสินะ
“ไม่ใช่ซะหน่อย พวกเราดีใจต่างหาก”
อาคาริกระซิบ
“ที่ถูกเมกุขอร้องน่ะ”
“…อาคาริ”
“ตอนม.ปลาย เธอน่ะเอาแต่พุ่งไปข้างหน้าคนเดียวเสมอเลยนี่นา เพราะงั้นการที่เธอหันมามองพวกเราบ้างมันเลยดีใจ การที่ถูกขอร้องเป็นครั้งแรกมันดีใจนะ”
“ฉันก็พึ่งพวกอาคาริตลอดเลยไม่ใช่เหรอ”
“อื้มอืม คนที่พึ่งน่ะคือพวกเราต่างหาก”
ในห้องที่มืดสนิท ฉันพยายามจะมองหน้าของอาคาริที่นอนอยู่ข้างๆ
แต่ก็มองไม่เห็นอะไรเลย
ตอนนี้อาคาริกำลังทำหน้าแบบไหนกันนะ
กำลังคิดอะไรอยู่กันนะ
“…ขอโทษนะ อุตส่าห์มาพึ่งแล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายพวกเราก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย”
“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย”
ไม่ใช่แบบนั้นเลย
ไม่ใช่แบบนั้น… แม้แต่นิดเดียว
วันนี้พวกอาคาริเสนอความคิดดีๆ เพื่อฉันและอิจจังมาตั้งหลายอย่าง
เพราะพวกเธอ ฉันถึงได้เห็นภาพรวมคร่าวๆ
เรื่องที่ว่าช่วยอะไรไม่ได้น่ะ ไม่จริงเลย
…แต่ว่า อาคาริคงจะไม่อยากให้เป็นแบบนั้นสินะ
เธอคงอยากจะสร้างมันขึ้นมาด้วยกัน
แต่หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมง เธอก็คงจะสัมผัสได้
ว่าตัวเองไม่สามารถสร้างสิ่งที่ฉันปรารถนาขึ้นมาได้
“เมกุ… พรุ่งนี้ตื่นแล้วก็กลับบ้านเถอะนะ”
อาคาริพึมพำอย่างเศร้าๆ
“แล้วก็ลองไปปรึกษายามาโมโตะคุงดูสิ”
อาคาริพูด
เธอคงจะมั่นใจ
ว่าตัวเองทำมันให้เป็นรูปเป็นร่างไม่ได้
แต่ถ้าเป็นเขา… ถ้าเป็นยามาโมโตะล่ะก็
เขาจะต้องตอบสนองความรู้สึกของฉันได้อย่างแน่นอน
…ยามาโมโตะ โชคดีจังนะ
นายยังคงเป็นผู้ชายที่อาคาริไว้ใจที่สุดในโลกใบนี้อยู่เลยนะ
MANGA DISCUSSION