วันหนึ่งในเดือนตุลาคม
ผมถูกฮายาชิลากออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เป็นการออกจากบ้านในเวลาที่ปกติแล้วผมยังคงทำความสะอาดอยู่ ถ้าผมเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจตัวเอง ก็อาจจะบ่นกับฮายาชิสักคำสองคำ
ช่วงนี้ผมกับฮายาชิสนิทกันมากขึ้น
สมัยมัธยมปลาย และตอนที่กลับมาเจอกันอีกครั้งตอนเข้ามหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์ของเรามีแต่ความกระอักกระอ่วน แต่ไม่น่าเชื่อว่าในเวลาเพียงสองเดือนมันจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
แม้เราจะเริ่มสนิทกันแล้ว แต่วันนี้เรากลับเดินไปโดยไม่มีบทสนทนาใดๆ อย่างน่าประหลาด
ผมไม่รู้ว่าในใจของฮายาชิที่เดินอยู่ข้างหน้ากำลังคิดอะไรอยู่
แต่ถ้าถามถึงในใจของผม… ก็มีแต่ความรู้สึกกังวลเล็กน้อย ความตึงเครียด และความกลัว ไม่มีอารมณ์ดีๆ เลยแม้แต่น้อย
ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องไปที่นั่นอีก
จำนวนครั้งที่ผมไปสถานที่เป้าหมายของวันนี้มีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ในตอนนั้นผมกลับมั่นใจอย่างนั้น
แต่ความมั่นใจของผมก็ถูกหักหลัง
จุดเริ่มต้นคือโทรศัพท์สายหนึ่งที่ดังขึ้นบนมือถือของผม
คู่สนทนาที่โทรเข้ามือถือของผมแทนที่จะเป็นของฮายาชิ คือสถานีตำรวจ
ตอนนั้น ผมรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแวบขึ้นมาในใจ
เพราะเรื่องที่ผมต้องพึ่งพาตำรวจในตอนนี้มีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
ตำรวจคงจะอ่านความตึงเครียดของผมผ่านทางโทรศัพท์ได้กระมัง… หรืออาจจะเป็นเพราะคนส่วนใหญ่จะตึงเครียดเมื่อได้รับโทรศัพท์จากตำรวจ พวกเขาจึงพยายามถามผมด้วยน้ำเสียงที่สดใส
แน่นอนว่าเรื่องเลวร้ายที่สุดที่แวบเข้ามาในหัวไม่ได้เกิดขึ้น
ตรงกันข้าม มันออกจะเป็น…
เช้าวันหนึ่ง
ผมเดินไปตามทางกับฮายาชิ
จุดหมายคือห้องเช่าที่เธอเคยอยู่กับแฟนเก่า
แฟนของเธอทำร้ายร่างกายฮายาชิจนตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในครอบครัว และตอนนี้ก็ใช้ชีวิตอยู่ในคุก
โทรศัพท์จากตำรวจแจ้งว่า ตามความประสงค์ของผู้ปกครองของแฟนเก่า สัญญาเช่าห้องจะถูกยกเลิกในสิ้นเดือนนี้ สรุปใจความได้ประมาณนั้น
ถ้าจะขนของของฮายาชิออกมา ก็เหลือเวลาไม่มากแล้ว
ด้วยเหตุนี้ เราจึงกำลังเดินอยู่บนถนนในตอนเช้าตรู่
ตอนแรกผมก็ลังเล
ว่าจะควรพูดเรื่องที่ต้องกลับไปที่ห้องนั้นกับฮายาชิหรือไม่
…บางที ที่นั่นอาจจะมีของสำคัญของฮายาชิอยู่ก็ได้
ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้สูง แต่ความทรงจำตอนที่ไปครั้งก่อนก็แวบเข้ามาในหัวและคัดค้านความคิดของผม
แม้จะลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจบอกฮายาชิ
การให้ความสำคัญกับความต้องการของเธอเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่ที่สำคัญกว่าคือผมยอมแพ้ให้กับฮายาชิที่หรี่ตามองและซักไซ้ผมด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่าใครโทรมา
ฮายาชิทำหน้าสับสนอยู่ครู่หนึ่ง
แต่สุดท้ายเธอก็ทำหน้าเหมือนตัดสินใจได้แล้วและขอให้ผมไปด้วย
แล้วก็มาถึงตอนนี้
ฮายาชิยังคงไม่มีท่าทีว่าจะคุยกับผม
หวังว่าเธอคงไม่ได้คิดมากนะ
เพราะเรื่องครั้งก่อน ผมเลยอดเป็นห่วงท่าทีของฮายาชิไม่ได้
“ห้องนั้นคงจะฝุ่นเยอะกว่าเดิมแน่ๆ เลย”
ในเวลาแบบนี้ ต้องพูดอะไรที่ทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย
ผมคิดอย่างนั้น และนึกถึงวันที่ถูกยัยนั่นพาไปรังรักของเธอกับแฟนเก่า วันนั้นในห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่น ผมจามไม่หยุดอยู่พักใหญ่
“ฉันเตรียมหน้ากากอนามัยมาอีกอันในกระเป๋าแล้วนะ”
…ในเวลาแบบนี้ แทนที่จะพูดคำพูดที่ดูดี กลับพูดได้แต่เรื่องทำความสะอาด นี่คงเป็นเพราะผมเป็นคนบ้าทำความสะอาดอย่างไม่ต้องสงสัย
“อากาศร้อนขนาดนี้ใส่หน้ากากสองชั้นต้องอึดอัดแน่ๆ เลยเนอะ ฉันนี่โง่จริง ฮ่าๆๆ”
ฮายาชิไม่ตอบ
“…ผะ ผมยังเอาแว่นกันฝุ่นมาด้วยนะ ถ้าฝุ่นเข้าตาล่ะก็น้ำตาไหลไม่หยุดเลย”
“…ซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดแปลกๆ มาอีกแล้วเหรอ”
“อะไรคือแปลกๆ เจ้านี่มันมีวิธีใช้งานที่ของอย่างอื่นทำไม่ได้นะ”
“ไปอินกับมันมาจากไหนเนี่ย”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูเอือมระอาของฮายาชิ ผมกลับรู้สึกโล่งใจข้างในลึกๆ
…นึกว่าจะคิดมากซะอีก แต่ถ้าเป็นแบบนี้คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ
“ขอบคุณนะ ทำให้ต้องลำบากใจเลย”
“ฟังตรงไหนถึงคิดแบบนั้น”
“ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ผิดหรอก”
“ฮ่าๆๆ งั้นเหรอ”
ในไม่ช้า เราก็มาถึงจุดหมาย
MANGA DISCUSSION