“นี่ ยามาโมโตะคุง?”
ก่อนที่ผมจะได้กลับถึงบ้าน คาซาฮาระที่ผมแบกอยู่ก็ยิ้มบาง ๆ แล้วเอาแขนคล้องคอผม
แม้จะเป็นคืนฤดูร้อนที่ร้อนจนเหงื่อซึม แต่ความรู้สึกที่เธอเกาะอยู่แบบนี้กลับไม่รู้สึกอึดอัดเลย กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ
“เดาว่าตอนนี้ฉันคิดอะไรอยู่ได้ไหม?”
คำถามของคาซาฮาระมันกว้างมากจนผมเดาไม่ออก
คงไม่เกี่ยวกับเรื่องรถไฟเที่ยวสุดท้ายแน่ ๆ ต่อให้เธอคิดจะชวนผมค้างที่บ้าน ถ้าผมเดาถูก เธอก็คงปฏิเสธอยู่ดี
“ขอโทษนะที่หลังผมไม่สบายตัว”
“ไม่หรอก สบายดี ออกจะใหญ่ขึ้นกว่าสมัยมัธยมอีกนะ”
“ไม่ได้เล่นกล้ามแล้วจะใหญ่ขึ้นได้ไงกันล่ะ”
“อ้วนขึ้นเหรอ?”
“ก็อาหารฝีมือฮายาชิอร่อยนี่นา”
“ฮะฮะ โดนป้อนจนเชื่องเลยนะ”
ช่วงนี้ผมพยายามตื่นเช้าไปเดินเล่นบ้าง แต่คงไม่พอ
จริง ๆ แล้วผมเคยแบกเธอกลับบ้านแค่ครั้งเดียวสมัยมัธยม ตอนนั้นผมฟิตมากกว่าตอนนี้แน่ ๆ
“อาจจะเพราะนาน ๆ เจอกันทีเลยรู้สึกแบบนั้นก็ได้”
คาซาฮาระเอาหน้าพิงหัวผม ตัวเธอแนบชิดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรแปลก ๆ
“สมัยมัธยม นายไม่ค่อยแบกฉันเลยนะ”
“จะโยนความผิดมาให้ฉันเหรอ?”
“ใช่สิ!”
“…อยากให้แบกมากกว่านี้เหรอ?”
“…อืม ไม่รู้สิ”
คำตอบแบบนี้มันใจร้ายจริง ๆ
ผมรู้สึกหดหู่ขึ้นมานิดหน่อย
แต่ก็สังเกตได้ว่า ตอนนี้ผมกับเธอคุยกัน หัวเราะกัน เศร้ากัน เหมือนความสัมพันธ์เปลี่ยนไปจากเดิม แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเปลี่ยนไปมากนัก
กลับกัน ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นธรรมชาติกับเธอมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
…ถ้าผมเดินช้าลง เธอจะสังเกตไหมนะ
ตอนนี้ไม่มีรถไฟเที่ยวสุดท้ายแล้ว จะกลับช้ากว่านี้ก็ไม่เป็นไร
ใช่แล้ว รถไฟเที่ยวสุดท้าย
คาซาฮาระเอาหน้าพิงหัวผม ตัวเธอแนบชิดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรแปลก ๆ
เธอหมายความว่ายังไงกันแน่นะ
หรือแค่พูดเล่น? เธอเป็นคนชอบพูดชวนให้คิดมากอยู่แล้ว
…แต่ถ้า
ถ้าเธอพูดแบบนั้นเพื่อให้ผมมีข้ออ้างค้างที่บ้านเธอล่ะ?
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ ผมจะ…
“นี่ คาซาฮาระ?”
“นี่ ยามาโมโตะคุง?”
เราสองคนเรียกชื่อกันพร้อมกัน
เงียบไปพักหนึ่ง แล้วก็ยิ้มให้กัน
“เธอพูดก่อนสิ”
“นายพูดก่อนสิ!”
คาซาฮาระเอานิ้วจิ้มแก้มผม ผมไม่มีทางสู้เธอได้อยู่แล้ว
“…งั้นพูดพร้อมกันไหม?”
“…โอเค”
เราสูดหายใจเข้าลึก ๆ
สิ่งที่ผมอยากพูดตอนนี้
ก็คือเรื่องหลังจากนี้
รถไฟเที่ยวสุดท้ายหมดแล้ว
ผมจะทำยังไงต่อดี
อยากบอกเธอให้รู้
ผมรู้สึกว่าเธอเองก็คงคิดเหมือนกัน
“ผมจะเดินกลับบ้านนะ”
“วันนี้นายจะเดินกลับจริง ๆ เหรอ?”
ว่าแล้วเชียว
ผมหัวเราะเบา ๆ
“เธอทำให้ผมพลาดรถไฟเที่ยวสุดท้ายแท้ ๆ ยังจะพูดแบบนี้อีกเหรอ?”
“นายก็พูดเหมือนกันนี่นา อีกอย่าง…”
“เพราะเป็นห่วงฮายาชิใช่ไหม?”
“อื้ม”
“เธอนี่รักเมกุมากจริง ๆ”
แม้แต่ผมที่ไม่ค่อยคิดอะไรกับคนอื่น ยังอดหึงไม่ได้
“ไม่หรอก ฉันมีความสุขดีแล้ว”
คาซาฮาระยิ้มอย่างสดใส ไม่มีแววโกหกเลย
“ถ้าเธอพอใจ ผมก็ไม่พูดอะไรดีกว่า”
“นั่นแหละที่ชอบในตัวนาย ยามาโมโตะคุง”
“ครับ ๆ”
หลังจากนั้นเราก็เดินคุยกันเบา ๆ ไปจนถึงหน้าคอนโดของคาซาฮาระ แล้วก็แยกกัน
…เมื่อก่อนเคยไปบ้านเธอกับฮายาชิ ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง เดินกลับก็ไม่ไกลขนาดนั้น
แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่กล้าเดินกลับสักที
บางทีลึก ๆ ผมอาจจะอยากอยู่กับเธอสองคนที่บ้านเธอก็ได้
แต่แน่นอนว่าผมจะไม่บอกใครเรื่องนี้เด็ดขาด
ผมเดินกลับบ้านสามสิบนาที
…ฮายาชิ
รูมเมทของผม
คงนอนแล้วมั้ง
ไฟในห้องยังเปิดอยู่
แต่ปกติเวลานี้เธอก็น่าจะนอนแล้ว
“กลับมาแล้ว”
ผมพูดเบา ๆ แล้วเดินไปที่ห้องนั่งเล่น
ฮายาชิยังไม่นอน
“ขอโทษนะ ที่ต้องรอจนดึก”
เธอนอนกอดหมอนของผมอยู่บนเตียง มองทีวีแบบเหม่อ ๆ
พอดูดี ๆ หมอนที่เธอกอดคือหมอนของผม เธอคงยังไม่ตื่นดี
“วันนี้เหนื่อยมากเลยนะ โดนเธอเล่นงานซะเละเลย”
คิดดูแล้วเรื่องวันนี้ก็เพราะเธอขู่จะขายอุปกรณ์ทำความสะอาดของผมนั่นแหละ จะบ่นหน่อยก็คงไม่เป็นไร
“คราวหน้าขออย่าขู่แบบนั้นอีกนะ”
ผมถอดถุงเท้าไปใส่เครื่องซักผ้า แล้วเดินไปหยิบชุดนอน เตรียมจะไปอาบน้ำ
“…ฮายาชิ?”
ระหว่างทางไปห้องนอน ผมสังเกตว่าเธอไม่พูดอะไรเลย
ฮายาชิ…
ลืมตาอยู่ มือกอดหมอนขยับไปมา พอผมก้มไปดู เธอก็ซุกหน้าลงกับหมอน
ดูเหมือนจะยังมีสติอยู่
แต่ทำไมถึงไม่พูดกับผมเลย
“ขอโทษนะ…”
เธอพูดเสียงอู้อี้อยู่ในหมอน
…สมัยมัธยมไม่เคยได้ยินเธอพูดแบบนี้เลย
“ไม่ต้องขอโทษหรอก เธอทำเพื่อฉันนี่นา”
“…บ้า”
“หืม?”
“ทำไมไม่กลับมาเร็วกว่านี้ล่ะ…”
“เอ๊ะ”
ขอโทษอยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นบ่น
ผมงงไปหมด
“ทำไมต้องไปงานกลุ่มด้วย กลับมาให้เร็วกว่านี้สิ อย่าทำให้เป็นห่วงสิ…”
“ขอโทษ…”
“ขอโทษทำไมล่ะ บ้า…”
“เอ๋…?”
แล้วจะให้ผมทำยังไงเนี่ย
หลังจากนั้นผมก็ต้องปลอบฮายาชิที่ดูเหมือนจะเศร้าไปอีกนาน
MANGA DISCUSSION