เช้านี้ ฉันตื่นขึ้นมาในเวลาเดิมเหมือนทุกวัน ฮายาชิยังคงนอนหลับอยู่บนเตียงเหมือนเคย ฉันพยายามทำความสะอาดห้องอย่างเงียบ ๆ เพื่อไม่ให้เธอตื่น
หลังจากทำความสะอาดไปได้สักพัก ฮายาชิก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง
“อรุณสวัสดิ์”
“…อืม”
เธอขยี้ตาอย่างงัวเงีย ตอบกลับมาแบบง่วง ๆ ฮายาชิเป็นคนที่ไม่ค่อยแข็งแรงในตอนเช้า สายตาเธอก็ไม่ค่อยดี มักจะหรี่ตาอยู่ตลอด แถมยังดูซีด ๆ เพราะเป็นคนขี้หนาว
ประมาณสิบกว่านาที เธอก็นั่งเหม่อบนเตียง ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน
“อรุณสวัสดิ์”
ฮายาชิหันมามองหน้าฉันแล้วทักทาย
พักหลัง ๆ มานี้ เธอไม่ค่อยสบตาฉันเลย แต่หลังจากกลับไปบ้านเกิด เธอก็เริ่มกลับมามองหน้าฉันเวลาคุยกันอีกครั้ง คงเพราะฉันได้รับความไว้วางใจจากเธอมากขึ้น
“อืม”
ฉันยิ้มตอบกลับไป
ฮายาชิเริ่มเตรียมอาหารเช้า ส่วนฉันก็ล้างมือแล้วนั่งรออาหารเช้าของเธอพลางดูทีวี
“ขอโทษที่ให้รอ”
“ไม่ได้รอซะหน่อย”
“พูดมากจัง”
เราช่วยกันยกอาหารขึ้นโต๊ะ แล้วก็เริ่มกินข้าวเช้าด้วยกัน
เช้านี้ก็เหมือนวันปกติทั่วไป
“วันนี้มีเรียนถึงคาบห้าใช่ไหม?”
“อืม”
“เรียนตั้งแต่คาบแรกยันคาบห้าเลย วิศวะนี่ลำบากเหมือนกันนะ”
“อืม”
“นายมีเพื่อนบ้างไหม? เวลาต้องอ่านหนังสือสอบ ถ้าอยู่คนเดียวมันไม่เหงานะ?”
“อืม”
“…นายฟังที่ฉันพูดอยู่รึเปล่าเนี่ย”
“อืม”
หือ?
ฉันมัวแต่ดูทีวีจนตอบฮายาชิแบบขอไปที รู้สึกเหมือนตอบอะไรผิดไปสักอย่าง
พอหันไปมองฮายาชิ เธอก็ทำหน้าหมองลง
หน้าฉันคงซีดไปเลย ทั้งที่สมัยมัธยมเธอเคยถูกเรียกว่า “ราชินี” เพราะนิสัยเด็ดขาด แต่ตั้งแต่มาอยู่ห้องนี้ เธอกลับดูอ่อนแอขึ้นมาก พอเห็นเธอทำท่าจะร้องไห้แบบนี้ ฉันก็ยิ่งรู้สึกผิด
“เอ่อ…ขอโทษนะ”
ตอนแรกคิดจะอธิบาย แต่สุดท้ายก็ยอมก้มหัวขอโทษตรง ๆ
“…ปะ เปล่า”
“เปล่า?”
“แค่นายไม่ฟังฉันพูด ฉันไม่ได้เสียใจอะไรขนาดนั้นหรอก”
“พูดแบบนี้หลังจากเห็นหน้าตัวเองเมื่อกี้เหรอ”
แย่แล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจจะยั่วโมโห แต่ดันเผลอพูดอะไรแปลก ๆ ออกไปเพราะนิสัยขวางโลกของเธอ
ฮายาชิเริ่มขึ้นเสียงใส่
“ฉันเป็นห่วงนายถึงได้ถามนะ!”
“รู้แล้วน่า”
“แล้วไงล่ะ เอาแต่สนใจทีวี ถ้าชอบทีวีขนาดนั้นก็ไปแต่งงานกับทีวีเลยสิ!”
“เฮ้ย ฉันไม่ได้ชอบทีวีขนาดนั้นซะหน่อย ก็แค่…บางทีที่มหา’ลัยก็มีคุยเรื่องทีวีกับเพื่อนบ้างไง”
“ไม่เห็นจะมีเลย”
“หา?”
งั้นตอนเรียน นายคุยกับเพื่อนเรื่องอะไร?
หรือว่านั่งสวดมนต์แข่งกัน?
แบบว่า “โอ้ วันนี้สวดเพราะจังเลยนะ!” อะไรแบบนั้น?
“ไม่มีหรอก”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ”
“แต่หน้าตานายมันฟ้อง”
“…จริงเหรอ”
“…นายเนี่ยนะ”
ฮายาชิถอนหายใจ
“นายไม่มีเพื่อนเลยใช่ไหม”
แล้วเธอก็พูดความจริงที่เจ็บจี๊ดออกมา
ปกติฉันก็บอกฮายาชิอยู่แล้วว่าฉันมีเพื่อนน้อย แต่คำพูดของเธอวันนี้มันเหมือนตอกย้ำความจริง
“ก็…ใช่แหละ”
ฉันตอบไปแบบไม่รู้สึกอะไร
จริง ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีเพื่อน ถึงจะพูดว่ามีเพื่อนน้อย แต่เอาเข้าจริงอาจจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ
ที่ไม่พูดออกไปก็เพราะคิดว่าไม่พูดก็ไม่เป็นไร
เหมือนเอาฝาปิดกลิ่นเหม็นไว้นั่นแหละ
“แปลกใจแฮะ ปกตินายต้องพูดอะไรแนว ๆ ว่า ‘นิยามเพื่อนคืออะไร’ หรือ ‘มีอยู่แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพามาให้ดู’ อะไรแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
“ในหัวเธอ ฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”
ฉันไม่ได้เพี้ยนขนาดนั้นนะ!
…
“แต่ก็ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรที่ไม่มีเพื่อน”
“แล้วเวลาสอบล่ะ ทำยังไง?”
“ขอโทษที ฉันหัวดี”
“อ้อ นั่นแหละที่ทำให้คนอื่นหมั่นไส้นาย”
“เมื่อก่อนสอบได้เต็มแล้วบอกว่า ‘ก็ไม่ได้เก่งอะไร’ ก็โดนหาว่าถ่อมตัวเกินไปอีก”
“อืม ถ้าเป็นฉันก็คงอยากต่อยนายเหมือนกัน”
งั้นสรุปจะให้ทำตัวยังไงดี?
สุดท้ายก็ต้องอยู่เงียบ ๆ เหมือนเดิมนั่นแหละ
สรุปว่าฉันใช้ชีวิตถูกทางแล้วสินะ
ข่าวดี! อัจฉริยะอย่างฉันใช้ชีวิตถูกต้องโดยไม่รู้ตัว!
“…นายไม่อยากมีเพื่อนบ้างเหรอ?”
“ก็ไม่ได้ลำบากอะไรนี่”
“…งั้นเหรอ”
ฮายาชิดูเหมือนจะเศร้าลงนิดหน่อย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม ทั้งที่เมื่อก่อนเธอก็ไม่ได้ชอบฉันขนาดนั้น นี่มันควรเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับเธอไม่ใช่เหรอ
แต่เธอคงเป็นคนดีเกินไปนั่นแหละ
“ว่าแต่…ลืมไปเลย”
“อะไรเหรอ?”
“ฉันมีเพื่อนนี่นา”
“หา ใคร?”
“ก็เธอไง…อุ๊ก!”
พูดจบ ฉันก็โดนฮายาชิเอามือดันหน้าจนคอเคล็ด เสียงแปลก ๆ หลุดออกมาจากปาก
“พอเลย…ไม่ต้องพูดอะไรแบบนั้น…”
เสียงของฮายาชิสั่นนิด ๆ อย่างกับจะร้องไห้
MANGA DISCUSSION