“เชิญค่า~”
เสียงทักทายแบบขอไปทีดังขึ้นในร้านคอนบินี หลังจากปิดเทอมฤดูร้อนมาได้ประมาณสัปดาห์หนึ่ง ผมกลับมาทำงานพาร์ทไทม์ที่คอนบินีที่เคยเจอฮายาชิอีกครั้ง เวลานี้เป็นช่วงเย็น วันอังคารที่เรียนจบเร็ว ผมมักจะลงชื่อเวรช่วงนี้เสมอ แม้จะเป็นคอนบินีในย่านที่อยู่อาศัย แต่ช่วงเย็นก็มีลูกค้าเยอะพอสมควร
วันนี้มีพนักงานอยู่สามคน รวมผมด้วย อีกคนคือผู้จัดการร้าน และอีกคน…คือเด็กสาวที่เพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน
“ฮายาชิซัง ขอทำหน้ายิ้ม ๆ หน่อยสิ รับแขกหน่อยนะ”
“…ค่ะ”
ผู้จัดการร้านพูดกับฮายาชิที่ตอบแบบไม่ใส่อารมณ์เลย
ใช่แล้ว เด็กสาวที่เพิ่งมาทำงานที่นี่ก็คือฮายาชิ เมกุมิ อดีตเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมและตอนนี้ก็มาอยู่ด้วยกันกับผม
ฮายาชิเริ่มทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ตั้งแต่กลางสัปดาห์ที่แล้ว เพราะเธอรู้สึกเกรงใจที่ต้องอยู่ในห้องผมโดยไม่ช่วยอะไร เธอเลยประกาศว่าจะออกไปทำงานเอง หลังจากไปสัมภาษณ์มาหลายที่ สุดท้ายก็ได้งานที่นี่เป็นหนึ่งในนั้น
ตอนแรกที่รู้ว่าเธอจะมาทำงานที่คอนบินีเดียวกับผม ผมตกใจมาก
ผมถามเธอตรง ๆ ว่าทำไมต้องเลือกที่เดียวกับผม เธอก็ตอบว่า “ถามอะไรโง่ ๆ” ซึ่งผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันโง่ตรงไหน
ผ่านไปไม่กี่วัน เธอก็เริ่มงานที่นี่ วันนี้เป็นวันแรกที่ผมกับเธอได้ลงเวรพร้อมกัน
และทันทีที่เห็นผู้จัดการร้านต้องคอยเตือนเรื่องการบริการลูกค้า ผมก็รู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปสมัยมัธยม
ใช่เลย นี่แหละฮายาชิที่ผมรู้จัก
ช่วงหลัง ๆ มานี้เธอเจอเรื่องหนัก ๆ เลยดูจิตใจอ่อนแอ แต่ปกติแล้วฮายาชิเป็นคนหน้าตาย เฉื่อยชา ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ เห็นแบบนี้แล้วก็อดคิดถึงสมัยมัธยมไม่ได้ (บ้าเนอะ)
“เชิญค่า~”
“ฮายาชิซัง ต้องพูดว่า ‘ยินดีต้อนรับค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ’ นะ”
“…ค่ะ”
ระหว่างที่ผมจัดของขึ้นชั้น ผมก็เห็นว่าผู้จัดการร้านพยายามสอนฮายาชิอย่างหนัก ก็เข้าใจนะ เพราะฮายาชิหน้าตาดี ถ้าบริการดี ๆ คงดึงลูกค้าได้เยอะ ผู้จัดการเลยพยายามเต็มที่
แต่ฮายาชิก็เป็นคนไวต่อความรู้สึก เธอคงรู้ว่าผู้จัดการอยากใช้เธอเป็นจุดขาย เลยยิ่งทำตัวเฉื่อยเข้าไปใหญ่
“ฮายาชิซัง ช่วยหน่อยนะ~”
ฮายาชิยังคงทำหน้านิ่งไม่เปลี่ยน
“…จัดของเสร็จแล้วค่ะ”
ผมจัดของเสร็จเลยกลับไปที่เคาน์เตอร์ ถึงจะไม่อยากกลับไปเจอบรรยากาศตึง ๆ ระหว่างผู้จัดการกับฮายาชิ แต่ก็ต้องรายงานงานให้เรียบร้อย
“อ้อ…ใช่สิ ยามาโมโตะคุงช่วยพูดกับฮายาชิหน่อยสิ”
“หะ?”
จู่ ๆ ก็โดนโยนงาน ผมอุทานออกมา
“ฮายาชิซังทำหน้านิ่งเกินไป ลูกค้าจะกลัวเอานะ”
…ผู้จัดการก็อยากใช้ฮายาชิเป็นจุดขาย แต่ถ้าเธอทำหน้านิ่งเกินไป ลูกค้าก็อาจไม่กล้าเข้าร้านเหมือนกัน
จะทำยังไงดีนะ ถ้าลูกค้าน้อยลง รายได้ผมก็ลดลงด้วย
…ช่วยไม่ได้
ถึงผู้จัดการพูดไม่สำเร็จ ผมพูดเองก็คงไม่ช่วยอะไร แต่ก็จะลองดู
“ฮายาชิ”
ผมเรียกเธอที่หันหลังอยู่
ฮายาชิสะดุ้งนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่หันมา
“…เอ่อ ลองยิ้ม ๆ หน่อยดีไหม เวลารับแขกน่ะ”
พูดไปก็แอบกลัว เพราะถ้าเป็นสมัยมัธยม ถ้าผมพูดแบบนี้กับเธอ เธอคงสวนกลับแบบแรง ๆ แน่
แบบว่า ‘หา?’ หรือ ‘อะไรของนาย?’ หรือ ‘จะโดนดีมั้ย?’ อะไรแบบนั้น
แต่ฮายาชิกลับไม่หันมา
“…เข้าใจแล้ว”
“หะ?”
“บอกว่าเข้าใจแล้วไง…ถ้านายพูด ฉันก็จะทำ”
ฮายาชิตอบเสียงเบา ๆ แล้วรีบเดินหนีไปห้องพักโดยไม่หันมามองผมเลย
“…เอ่อ กลับมารับแขกก่อนสิ”
หลังจากเธอเดินไป ผมก็ได้แต่พึมพำกับตัวเอง
“นี่ ยามาโมโตะคุง”
“ครับ ผู้จัดการ”
“พวกเธอสองคนเป็นแฟนกันเหรอ?”
“เปล่าครับ?”
“งั้นเหรอ”
ผู้จัดการก็กลับไปทำงานต่อ ฮายาชิกลับมาจากห้องพักหลังจากนั้นประมาณห้านาที และก็ยังไม่ยอมสบตาผมเลย
“ย…ยินดีต้อนรับค่ะ…”
เสียงเบา ๆ แทบไม่ได้ยิน ฮายาชิพูดพร้อมหน้าแดง
ลูกค้าผู้ชายที่เพิ่งเข้าร้านถึงกับมองเธอเป็นพิเศษเลยทีเดียว
MANGA DISCUSSION