“อาคาริ ตัดสินใจเรื่องอนาคตหรือยัง?”
“อืม จะเป็นเจ้าสาวล่ะ เมกุล่ะ?”
“อืม…ถ้าตามที่พ่อแม่บอกก็คงต้องเข้ามหาวิทยาลัย แต่จริง ๆ ก็ไม่อยากเท่าไหร่”
“เข้าใจนะ เรื่องครอบครัวนี่ลำบากเนอะ เมื่อวานแม่ฉันยังบอกเลยว่า ‘อาคาริ กลับบ้านแล้วต้องล้างมือบ้วนปากก่อนนะ'”
“อันนั้นควรทำตามนะ”
พักเที่ยง
เสียงหัวเราะดังมาจากมุมห้อง เป็นเสียงของฮายาชิกับคาซาฮาระ สองคนนี้สนิทกันมากตั้งแต่ได้อยู่ห้องเดียวกันตอน ม.5 แม้แต่ฉันที่ไม่ได้สนิทกับพวกเธอยังรู้สึกได้
ปีแรกฉันเคยนั่งใกล้ฮายาชิ แต่หลังจากนั้นที่นั่งเราก็ไม่เคยอยู่ใกล้กันอีกเลย เหมือนโชคชะตาจงใจให้เรานั่งห่างกันตลอด ซึ่งก็ดีแล้ว จะได้ไม่ต้องโดนฮายาชิจ้องหรือดุ
แต่ถึงจะนั่งไกลกัน ฉันก็มักจะเห็นสองคนนั้นคุยกันอยู่เสมอ
โดยเฉพาะวันนั้น…วันที่คาซาฮาระเพิ่งโดนรุ่นพี่เซคิเนะบอกเลิก ฉันก็เผลอมองเธอบ่อยกว่าปกติ
คาซาฮาระที่คุยกับฮายาชิยังคงยิ้มแย้ม พูดจานุ่มนวลเหมือนเดิม ทั้งที่เมื่อวานเพิ่งเจอเรื่องแบบนั้น
เมื่อวาน หลังจากที่เธอบอกฉันว่าโดนบอกเลิก เราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ฉันเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี พอเห็นเธอทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ยิ่งไม่กล้าพูดปลอบใจอะไร
ฉันคิดว่าคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงระหว่างฉันกับคาซาฮาระแล้ว
แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นหลังเลิกเรียนวันนั้น
วันไหนที่ไม่มีเวรทิ้งขยะ ฉันจะรีบกลับบ้านก่อนใคร เพราะอยากไปออกกำลังกายที่ยิมใกล้โรงเรียน พอออกกำลังกายเสร็จก็กลับบ้าน ไม่เคยเข้าชมรมเพราะไม่ชอบทำอะไรเป็นกลุ่ม
วันนั้นก็เหมือนเดิม ฉันออกกำลังกายเสร็จแล้วไปที่สถานีรถไฟ สถานีบ้านนอก รถไฟมาชั่วโมงละครั้ง ฉันเลยต้องรออยู่นาน
ขณะกำลังเล่นมือถือ ฆ่าเวลาอยู่ ก็ได้ยินเสียงคุ้นหูดังมาจากทางประตูทางเข้า
“ไว้เจอกันนะ”
“อืม เจอกัน”
ที่หน้าประตูมีกลุ่มผู้หญิงประมาณห้าคน รวมทั้งฮายาชิและคาซาฮาระ ดูเหมือนจะมีแค่คาซาฮาระที่ต้องนั่งรถไฟกลับบ้าน
หลังจากโบกมือลาเพื่อน ๆ แล้ว คาซาฮาระก็เดินผ่านประตูเข้ามา
จากประตูไปชานชาลาต้องเดินข้ามสะพาน ฉันเลยเห็นพวกเธอจากฝั่งชานชาลา ฉันเผลอมองคาซาฮาระอยู่นานจนเธอหันมาเห็นฉันเข้า
แย่แล้ว
ไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ รีบก้มหน้ากลับไปเล่นมือถือ
คาซาฮาระคงเดินข้ามสะพานมาถึงชานชาลาแล้ว
ฉันไม่กล้ามองไปดู แค่คิดว่าอย่าให้เธอคิดว่าฉันแปลกก็พอ
“กลับบ้านดึกจังนะ”
“ว้าย!”
เสียงดังขึ้นข้าง ๆ ฉันจนตกใจ มือถือหล่นพื้น
“ว้าย…อา โชคดีจอไม่แตก”
คาซาฮาระเป็นคนเก็บมือถือให้แล้วยื่นคืนให้ฉันด้วยรอยยิ้ม
“ขอบใจ”
ฉันขอบคุณเธอ ปกติฉันไม่ค่อยพูดตรง ๆ แต่ครั้งนี้ก็พูดออกไป
“ขอโทษนะ ที่ตกใจจนเสียงดัง”
“ไม่เป็นไร ไม่ถือหรอก”
เรานั่งเงียบกันไปพักหนึ่ง ฉันคิดในใจว่าทำไมคาซาฮาระถึงมาคุยกับฉัน
…อ้อ คงเพราะฉันแอบมองเธอเมื่อกี้
“ขอโทษนะ ถ้าทำให้รู้สึกไม่ดี”
ฉันขอโทษ เพราะคิดว่าเธออาจจะไม่พอใจที่ฉันมอง
“หือ? ไม่เห็นเป็นไรเลย”
ดูเหมือนฉันจะคิดมากไปเอง เรานั่งเงียบกันอีกพักหนึ่ง
“คือว่า…ฉันแค่อยากมีเพื่อนคุยระหว่างรอรถไฟน่ะ ไม่รบกวนใช่ไหม?”
“อืม ไม่เป็นไร”
“ดีจัง…ไม่รบกวนใช่ไหม?”
“ก็…ไม่เท่าไหร่”
“งั้นเหรอ ไม่เท่าไหร่สินะ”
ฉันคิดว่าถ้าใครมาเห็นคาซาฮาระคุยกับฉัน เธออาจจะเสียภาพลักษณ์ก็ได้ ฉันเลยพยายามไม่สนิทกับเธอมากนัก แต่ดูเหมือนเธอจะไม่แคร์เลย
“ว่าแต่ ทำไมกลับบ้านดึก?”
“ไปยิมมาน่ะ”
“อ้อ ยิมข้างร้านคาเฟ่ปาโบลใช่ไหม?”
“ใช่”
“ว้าว ยามาโมโตะคุงเล่นกีฬาเหรอ?”
“เปล่า แค่ชอบออกกำลังกายเฉย ๆ”
“ขอดูแขนหน่อยได้ไหม?”
“…ฮึ”
“หรือว่าไม่อยากให้ดู?”
“เปล่า จริง ๆ ก็อยากให้คนชมอยู่เหมือนกัน”
ที่จริงฉันออกกำลังกายก็เพราะอยากให้คนชมเหมือนกัน
“ว้าว แขนแข็งมากเลย!”
คาซาฮาระจับแขนฉันแล้วพูดอย่างตื่นเต้น ฉันรู้สึกดีใจแปลก ๆ
“ขอบใจนะ คาซาฮาระ”
“หือ? เรื่องอะไรเหรอ?”
“ที่บ้านฉันชอบบอกว่าฉันบ้าจริงจังไปหน่อย กลัวจะหักโหมเกินไป”
“แต่เธอเป็นคนแรกเลยนะที่ชมกล้ามฉัน ไม่บอกว่ามันแปลก”
“งั้นเหรอ งั้นฉันก็เป็นคนแรกสินะ!”
“พูดแบบนี้เดี๋ยวเข้าใจผิดนะ”
คาซาฮาระหัวเราะออกมา
ฉันสังเกตว่าทั้งที่เมื่อวานเพิ่งโดนบอกเลิก แต่คาซาฮาระกลับดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย
“เธอเข้มแข็งดีนะ”
“เหรอ?”
“เมื่อวานเพิ่งโดนบอกเลิก ยังยิ้มได้อีก”
ฉันรู้สึกว่าพูดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เลยหยุดพูด
“ขอโทษนะ ถามอะไรแปลก ๆ ไป ลืม ๆ มันไปเถอะ”
“ไม่เป็นไรหรอก…ก็เสียใจนะ แต่จะให้จมอยู่กับมันตลอดก็ไม่ได้”
นั่นแหละคือความเข้มแข็งของคาซาฮาระ
“แต่ยังไม่ได้บอกใครเลยนะ”
“หือ?”
“เรื่องเมื่อวาน มีแค่เธอที่รู้”
คาซาฮาระยิ้มอย่างมีเสน่ห์
“ยังไม่อยากบอกใคร เดี๋ยวเพื่อน ๆ จะเป็นห่วงกันใหญ่ แถมอาจจะเกลียดรุ่นพี่เซคิเนะด้วย”
“นั่นสินะ”
“เพราะงั้น…ถ้าไม่รังเกียจ ช่วยปลอบฉันหน่อยได้ไหม?”
“เอ๊ะ ไม่เอาอ่ะ”
ฉันเผลอปฏิเสธออกไป คาซาฮาระหัวเราะเสียงดัง
“ใจร้ายจัง! ช่วยปลอบหน่อยก็ไม่ได้”
“ไม่เอา ยุ่งยาก”
“แบบนี้ไม่จีบสาวไม่ได้นะ!”
“ก็ไม่ได้อยากจีบใครอยู่แล้ว”
“งั้นเหรอ…ฮะ ๆ”
คาซาฮาระหัวเราะอีกครั้ง ดูเหมือนจะขำจริง ๆ
“ปกติกลับบ้านเวลานี้เหรอ?”
“ก็ประมาณนี้แหละ”
“งั้นเหรอ”
พอดีมีเสียงประกาศรถไฟเข้าเทียบชานชาลา
“งั้น พรุ่งนี้เจอกันอีกนะ!”
“จะรอฉันเหรอ?”
“แน่นอน! ถ้ามาช้าก็จะรอจนถึงเช้าเลย!”
“เล่นใหญ่จริง ๆ …เอาเถอะ ตามใจเลย”
“อื้ม!”
ไม่รู้ว่าเพราะอยากให้ฉันปลอบ หรือเพราะอะไร แต่หลังจากวันนั้น คาซาฮาระก็มารอฉันที่สถานีทุกวัน
MANGA DISCUSSION