ฉันตื่นจากฝันร้าย น้ำตาไหลอาบสองแก้ม ความทรงจำในวันนั้น แม้จะค่อย ๆ จางลงตามกาลเวลา แต่ในฝันที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแบบนี้ ฉันก็ยังคงควบคุมตัวเองไม่ได้
ตอนนี้ ในห้องนี้ มีผู้ชายที่อยู่ร่วมกับฉัน
ฉันไม่อยากให้เขาเห็นหน้าตัวเองในสภาพนี้ เลยรีบมองหาเขาอย่างร้อนรน
ผู้ชายคนนั้น…ยามาโมโตะ ตื่นเช้าเสมอ แม้จะเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย แต่เขาก็ยังตื่นหกโมงเช้าเสมอ ไม่ว่าเมื่อคืนจะนอนดึกแค่ไหน แล้วก็เริ่มทำความสะอาดคนเดียว
แน่นอนว่า บนฟูกไม่มีร่างของยามาโมโตะ
ในห้องนั่งเล่นก็ไม่มี
“อุ๊ยฮโยー! ผมที่อุดท่อระบายน้ำเอาออกได้เยอะเลย!”
ดูเหมือนเขาจะอยู่ในห้องน้ำ
ปกติแล้วเขาจะทำตัวนิ่ง ๆ แต่พอถึงเวลาทำความสะอาดทีไร เหมือนจะอดกลั้นความหลงใหลในใจไม่ไหว บางทีก็ส่งเสียงแปลก ๆ ออกมา
ถ้ามองเผิน ๆ ก็เหมือนคนประหลาด แต่มองอีกทีก็ยังประหลาดอยู่ดี ช่วยไม่ได้จริง ๆ
แต่เช้านี้ กลับรู้สึกขำกับความเพี้ยนของเขา ฉันเช็ดน้ำตาที่หางตา แล้วเริ่มทำอาหารเช้าให้ “คนบ้าทำความสะอาด” ที่ช่วยฉันออกมาจากนรกนั้น
เรากินข้าวเช้าด้วยกัน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทำความสะอาดอีก วันนี้เป็นวันศุกร์ สัปดาห์สุดท้ายของปิดเทอมฤดูร้อน ฉันตัดสินใจตั้งแต่เมื่อคืน ตอนที่เขาเริ่มกรน ว่าจะขอปรึกษาเรื่องหนึ่งกับเขา
“นี่ ยามาโมโตะ วันนี้ฉันอยากไปที่หนึ่ง”
“อืม ที่ไหนเหรอ?”
“ร้านหนังสือ”
“ร้านหนังสือเหรอ”
เขากำลังง่วนกับการทำความสะอาด หันหลังให้ฉัน แต่พอได้ยินก็เงยหน้าขึ้นครุ่นคิด
“ฉันไปด้วยดีไหม”
“ก็…ตั้งใจจะชวนไปด้วยอยู่แล้วนะ?”
“หือ?”
“หือ?”
ดูเหมือนจะเข้าใจไม่ตรงกัน ฉันบอกว่าอยากไปร้านหนังสือกับเขา ไม่ใช่จะไปคนเดียว เขาทำหน้าตกใจจนฉันอดขำไม่ได้
“เอาเถอะ แล้วฮายาชิจะซื้ออะไรเหรอ”
“หนังสือบัญชี”
“จะสอบบัญชีเหรอ?”
“อืม…อยู่แต่ในห้องแบบนี้ก็เหมือนคนไร้ค่าใช่ไหมล่ะ?”
ยามาโมโตะที่กำลังทำงานอยู่ หันหน้ามามองฉันเงียบ ๆ
“ฉันไม่เคยคิดว่าเธอไร้ค่าเลยนะ เธอช่วยงานบ้านทุกอย่างนอกจากทำความสะอาด”
“พูดอะไรน่ะ นายเป็นนักศึกษา ยังไม่มีรายได้แท้ ๆ แต่ต้องเลี้ยงคนว่างงานแบบฉัน มันก็เป็นภาระอยู่ดี”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ เธอกำลังพักฟื้นอยู่นะ”
“ฉันจะทำงานเอง”
“แต่ว่า…”
“เริ่มจากงานพาร์ทไทม์ แล้วจะสอบใบประกาศแล้วหางานทำ”
ยามาโมโตะยังคงทำหน้าลำบากใจ บางทีเขาคงไม่รู้ว่าควรจะเข้ามายุ่งกับชีวิตฉันแค่ไหน ทั้งที่เขาเป็นคนช่วยฉันออกมาจากนรกนั้นแท้ ๆ ฉันคิดว่าเขามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้กับฉัน จะใช้ฉันเป็นที่ระบายความเครียดหรืออะไรก็ได้
อย่างน้อย เขาก็มีสิทธิ์นั้น เพราะเขาช่วยฉันไว้
“จะกลับไปเรียนมหาวิทยาลัยไม่ได้แล้วเหรอ?”
คำพูดของยามาโมโตะทำให้ฉันชะงัก
ไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้
“ไม่ได้หรอก ฉันลาออกไปแล้ว”
“แต่เธอ…ก็แค่ถูกบีบให้ลาออกไม่ใช่เหรอ”
ยามาโมโตะก้มหน้าด้วยสีหน้าเศร้า เขาเป็นคนแปลก ๆ แต่บางครั้งก็ทำหน้าตาเศร้าแบบนี้ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแบบนี้เลย เพราะทุกครั้งที่เขาเป็นแบบนี้ มันมักจะเป็นเพราะฉัน ฉันรู้สึกผิดจนแทบจะทนไม่ไหว
“ยังไงก็เถอะ ฉันตัดสินใจแล้ว”
“งั้นเหรอ”
“ขอบคุณนะ ที่เป็นห่วงฉัน”
ยามาโมโตะยังคงทำหน้าหม่นหมอง หลังจากนั้นเขาก็ทำความสะอาดห้องต่อด้วยสีหน้าแบบเดิม
จนกระทั่งเรากินข้าวกลางวันเสร็จ ถึงได้ออกไปที่ร้านหนังสือ ดูเหมือนเขาจะปรับอารมณ์ได้แล้ว กลับมาเป็นตัวเองเหมือนเดิม
ร้านหนังสือ
เราทะเลาะกันเล็กน้อย
“แยกกันเดินจะได้หาของเร็วขึ้นไง”
“ก็เพราะอยากเดินด้วยกันถึงมาร้านหนังสือด้วยกันไง!”
ฉันพูดเสียงแข็ง ยามาโมโตะเลยยอม เดินบ่นตามหลัง ฉันลากเขาเดินดูหนังสือด้วยกัน ไม่รู้ทำไม พอมีเขาอยู่ข้างหลัง รู้สึกสนุกขึ้นเยอะ
ฉันซื้อหนังสือบัญชีตามที่ตั้งใจ ส่วนยามาโมโตะซื้อหนังสือเกี่ยวกับการทำความสะอาด
ปกติเขาไม่ค่อยพูดมาก แต่พอพูดถึงหนังสือที่ตัวเองซื้อ กลับพูดไม่หยุด อธิบายข้อดีของหนังสืออย่างกระตือรือร้น ฉันฟังเข้าใจแค่สิบเปอร์เซ็นต์ หรืออาจจะศูนย์เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ
“นี่”
ยามาโมโตะยื่นมือมาตรงหน้า
“อะไร จะให้ฉันทำมือ?”
“เปล่า จะถือหนังสือให้”
“ขอบใจนะ”
ฉันส่งหนังสือให้เขาด้วยท่าทีจริงจัง
จริง ๆ แล้วเขาเป็นคนใส่ใจรายละเอียด เวลาไปซูเปอร์มาร์เก็ตด้วยกัน เขาจะถือของให้ตลอด เดินริมถนนก็จะเดินฝั่งถนนให้
แถมยังเข้าใจความรู้สึกผู้หญิงดี…เมื่อก่อนฉันคิดว่าเขาเป็นหนุ่มเวอร์จิ้น ตอนนี้ก็ยังคิดอยู่ แต่ก็เริ่มสงสัยว่าเขาอาจจะเคยมีแฟนมาก่อน
แต่พอคิดแบบนั้นทีไร ฉันก็ต้องรีบปฏิเสธความคิดตัวเองทุกที ไม่รู้ทำไม พอคิดแบบนั้นแล้วรู้สึกไม่ดีเลย
“ขอโทษนะ ขอแวะเข้าห้องน้ำก่อนกลับได้ไหม?”
“อืม เดี๋ยวรออยู่ตรงนี้”
ยามาโมโตะเดินไปห้องน้ำ
ฉันยืนเล่นมือถือแถว ๆ ทางออกของร้านหนังสือ
“อ้าว เมกุ?”
เสียงคุ้นหูดังขึ้น
“อ๊ะ อาคาริ”
ลืมไปเลยว่านี่เป็นร้านหนังสือใกล้ห้องอาคาริ มีโอกาสเจอกันได้
…วันนั้น
หลังจากรู้ว่ายามาโมโตะเคยสารภาพรักกับอาคาริ ฉันก็ไม่ได้เจออาคาริอีก ไม่ใช่ว่าฉันเกลียดเธอหรอก ฉันเองก็เคยปฏิเสธผู้ชายที่มาสารภาพรักหลายครั้ง
…แต่ในใจ ฉันก็ยอมรับว่าหลีกเลี่ยงเธอ
“ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ติดต่อมาเลยนะ วันนี้มาทำอะไรเหรอ?”
“มาซื้อหนังสือ จะเรียนบัญชี”
“บัญชีเหรอ เมกุจะสอบใบประกาศเหรอ?”
“อืม”
“งั้นเหรอ สู้ ๆ นะ ฉันเชียร์อยู่นะ!”
“ขอบใจนะ”
“ว่าแต่…”
อาคาริเริ่มมองไปรอบ ๆ
“วันนี้ยามาโมโตะล่ะ?”
แค่คำถามธรรมดา
เพราะอาคาริรู้ว่าฉันอยู่กับยามาโมโตะ เลยถามขึ้นมา
แต่ฉันกลับคิดไปเอง
คิดไปเองว่า…
…ทั้งที่เคยปฏิเสธยามาโมโตะ
แต่ทำไมอาคาริถึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คิดดูแล้วมันแปลก
สมัยมัธยม อาคาริอยู่ข้างฉันเสมอ เธอเป็นเพื่อนที่ไม่ได้อยู่ด้วยเพราะหวังผลประโยชน์ ฉันเลยไว้ใจเธอ เราเลยเป็นเพื่อนสนิทกัน
…เพราะอยู่ด้วยกันตลอด ฉันรู้ดี
อาคาริจะเว้นระยะห่างกับผู้ชายเสมอ ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเลย เธอเป็นคนที่ได้รับความสนใจจากผู้ชายมากกว่าฉันด้วยซ้ำ เธอยิ่งต้องระวังไม่ให้ใครเข้าใจผิด
แต่ครั้งก่อน อาคาริกลับ…
…เธอเล่นกับความรู้สึกของยามาโมโตะเหรอ
ทั้งที่เขาเคยสารภาพรักกับเธอ อาคาริกลับทำเหมือนไม่มีอะไร
…รู้สึกแปลก ๆ
ทั้งที่เป็นเพื่อนสนิท แต่ความรู้สึกในอกนี้…ความรู้สึกนี้…
“ได้ยินมานะ อาคาริ”
“หือ อะไรเหรอ?”
“ยามาโมโตะเคยสารภาพรักกับเธอสมัยมัธยมใช่ไหม?”
ไม่ได้ตั้งใจจะพูดเลย
ยามาโมโตะเองก็ไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังจริง ๆ ฉันเองที่ไปคะยั้นคะยอจนเขาต้องเล่า
สุดท้าย ฉันก็ทำให้ยามาโมโตะเสียใจ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหน ถ้าถามเรื่องนี้ต่อไป ก็มีแต่จะทำให้เขาเจ็บปวด
ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้นเลย
…แต่ก็เผลอพูดออกไป
สีหน้าอาคาริเปลี่ยนไป
เธอเงียบไปพักหนึ่ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเธอทำหน้าแบบนี้ ทั้งที่เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่มัธยม
“ได้ยินแล้วเหรอ”
“อืม รู้หมดแล้ว”
“งั้นเหรอ…รู้อยู่แล้วสินะ”
อาคาริฝืนยิ้มเหมือนคนยอมแพ้
“ใช่ อย่างที่เมกุพูดนั่นแหละ”
“จริงเหรอ”
“ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังหรอก แค่ไม่มีจังหวะจะพูดเท่านั้นเอง”
ฉันไม่ได้อยากได้ยินคำนี้
ไม่ได้อยากฟังคำขอโทษ
…แค่
แค่อยากให้อาคาริขอโทษยามาโมโตะที่เล่นกับความรู้สึกของเขา แค่นั้นเอง
อาคาริพูดเหมือนยอมแพ้
“อย่างที่เมกุพูด เราสองคนเคยคบกันจริง ๆ”
เธอสารภาพด้วยสีหน้าเศร้ามาก
“หา?”
ฉันเผลอส่งเสียงออกมาอย่างน่าอาย
MANGA DISCUSSION