หลังปาร์ตี้ทาโกะยากิจบ พวกเรานั่งคุยกันต่อในห้องคาซาฮาระ ส่วนใหญ่เป็นฮายาชิกับคาซาฮาระที่คุยกัน ผมได้แต่ฟังหรือโดนแซว คาซาฮาระดูมีความสุขมากที่ได้เจอฮายาชิอีกครั้ง
บทสนทนาดำเนินไปนาน ผมไม่ค่อยได้มีโอกาสมาเยือนห้องของผู้หญิงแบบนี้ เลยแอบตื่นเต้น แต่สุดท้ายก็โดนความง่วงเล่นงาน
“ยามาโมโตะ”
“งะ…”
รู้ตัวอีกที ผมก็เผลอหลับในห้องคาซาฮาระไปแล้ว พอลืมตาขึ้นมา ฮายาชิก็มองผมด้วยสายตาเอือม ๆ ส่วนคาซาฮาระก็หัวเราะ
“ได้เวลากลับแล้วนะ”
“อ๋อ อืม”
โดนคาซาฮาระเห็นสภาพน่าอายเข้าให้แล้ว หน้าเริ่มร้อนขึ้นมาแปลก ๆ คาซาฮาระหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำลายให้
“…ขอโทษครับ”
คาซาฮาระเช็ดน้ำลายให้จนเสร็จ ผมคงหน้าแดงมาก อยากรีบซ่อนหน้าตัวเอง แต่ก็ต้องรอให้เธอเช็ดเสร็จก่อน
“เรียบร้อยแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”
“ขอบใจ”
ผมลุกขึ้นยืน ร่างกายที่เมื่อกี้ยังง่วงก็หายเป็นปลิดทิ้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงสายตาของฮายาชิที่ยืนรออยู่ข้าง ๆ
“ขอโทษนะที่ต้องรอ”
“ไม่ได้รอ แค่นี้เอง”
บรรยากาศระหว่างผมกับฮายาชิดูแปลก ๆ
“กลับกันเถอะ”
“อืม”
ฮายาชิกจับข้อมือผมแล้วรีบเดินนำออกไป
“ที่ซูเปอร์แถวนี้มีโปรโมชันไข่ไก่ ไปด้วยกันหน่อย”
“โอ้โห เป็นแม่บ้านเลยนะ”
“นายรู้ไหม ไข่ไก่หนึ่งแพ็คถูกมากนะ จำกัดคนละแพ็ค ต้องรีบไปสิ”
“แม่บ้านจริง ๆ ด้วย”
“โอ๊ย ไปเถอะน่า งั้นไว้เจอกันใหม่ อาคาริ!”
“จ้า ไว้เจอกันนะ เมกุ ยามาโมโตะคุง”
ผมยังไม่ได้กล่าวลาเลย ฮายาชิก็ลากผมออกจากห้องคาซาฮาระแล้ว เรารีบไปซูเปอร์ใกล้อพาร์ตเมนต์จนทันได้ไข่สองแพ็ค
“สุดยอดเลยเนอะ”
“ใช่ ถึงจะเหนื่อยเพราะต้องวิ่งหลังตื่นนอน แต่ก็ถือว่าคุ้ม”
“งั้นก็ถือว่าคุ้มสุด ๆ แล้วล่ะ”
“เลิกพูดแบบไม่ห่วงสุขภาพผมได้ไหม”
ระหว่างเดินกลับจากซูเปอร์ พวกเราเดินเคียงข้างกัน เย็นย่ำแล้ว แม้จะใกล้หมดหน้าร้อน แต่ข้างนอกก็ยังร้อนอบอ้าวอยู่
ตอนฮายาชิมาอยู่ห้องผมใหม่ ๆ เธอมักใส่เสื้อแขนยาวหรือสเวตเตอร์เพื่อปิดรอยช้ำ แต่พักหลังรอยช้ำจางลง เธอใส่เสื้อแขนสั้นได้แล้ว ผ้าพันแผลที่ข้อมือก็เพิ่งถอดไปเมื่อสัปดาห์ก่อน แผลที่ได้จากแฟนเก่าก็ใกล้หายดี
“ว่าแต่…ฉันว่าเธอไปอยู่ห้องอาคาริก็ได้นะ?”
ฮายาชิเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ ผมเลยอดคิดไม่ได้ว่าจริง ๆ แล้วเธอไปอยู่กับอาคาริก็น่าจะดีกว่า อาคาริอยู่ห่างจากอพาร์ตเมนต์เราสองสถานีเอง ใกล้กว่าบ้านเกิดตั้งเยอะ จะไปนอนค้างเมื่อไรก็ได้
“จริง ๆ แล้ว เธอไปอยู่ห้องอาคาริก็ได้นี่นา ไม่ต้องอยู่กับผมหรอก”
อีกอย่าง ถ้าเธออยู่กับอาคาริที่สนิทกันก็น่าจะสบายใจกว่า อยู่กับผมที่เป็นผู้ชายก็อาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ ถึงผมจะไม่คิดทำอะไรเธอก็เถอะ แต่เธอจะไว้ใจผมได้แค่ไหนกัน
“นายอยากให้ฉันโกรธหรือไง?”
“ตรงไหนของประโยคผมที่ทำให้เธอโกรธเนี่ย”
“จะบอกให้นะ คนที่ฉันเกลียดที่สุดคือคนใจดำ”
คนใจดำ… เข้าใจแล้ว สมัยมัธยมผมก็ชอบพูดอะไรไม่คิด ฮายาชิก็ชอบโกรธผมบ่อย ๆ
จริงจัง ใส่ใจ ทุ่มเท ถึงจะเคยถูกเรียกว่าราชินี แต่สิ่งที่เธอคาดหวังจากคนรอบข้างก็ไม่ได้สูงเกินไปนัก เข้าใจได้
ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมฮายาชิถึงโกรธ เธอคงไม่อยากให้ผมคิดว่าเธอเป็นคนใจดำ
“ฉันเป็นหนี้บุญคุณนายมากนะ เพราะงั้นการอยู่ข้าง ๆ ดูแลนายก็เป็นหน้าที่ของฉัน”
รู้สึกเขินขึ้นมาทันที
“เมื่อก่อนยังจะย้ายออกอยู่เลย ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วเหรอ”
“ก็คิดในมุมของนายไง คิดว่านายคงอยากให้ฉันไปแล้ว แต่พอนายพูดแบบนั้น…”
“พูดอะไร”
“…นายบอกว่าไม่รังเกียจนี่นา”
ผมจำได้ดี วันนั้นฮายาชิหาห้องเช่าไม่ได้ ผมก็บอกเธอไปแบบนั้น ถึงจะพูดห้วน ๆ แต่ในใจก็มีความหมายหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ…ผมเองก็อยากให้เธออยู่ต่อ
ดูเหมือนฮายาชิจะเข้าใจความหมายของผม แต่ที่ผมแปลกใจกว่าคือ เธอไม่สงสัยเลยว่าผมอยากให้เธออยู่ต่อจริง ๆ ปกติคนเราน่าจะคิดมากหรือไม่มั่นใจ แต่ฮายาชิกลับเชื่อแบบนั้นเต็มที่
แต่เธอ…
หน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกแล้ว หรือเพราะเพิ่งตื่นนอน? คงไม่ใช่หรอก แล้วทำไมกันนะ…
“เย็นนี้กินอะไรดี”
“เทนชินฮัง”
“ฝากด้วย”
บทสนทนาสั้น ๆ แล้วเราก็เดินกลับห้อง จากซูเปอร์ถึงห้องแค่ห้าร้อยเมตร มีไฟแดงบ้าง เดินประมาณห้านาทีก็ถึง ตลอดทางเราแทบไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลย
…ตอนฮายาชิมาอยู่ห้องผมใหม่ ๆ ช่วงที่ยังไม่คุ้นกัน เวลานั่งเงียบ ๆ จะรู้สึกอึดอัดมาก อยากให้เธอพูดอะไรบ้างก็ยังดี แต่ตอนนี้ แม้จะเงียบก็รู้สึกสบายใจ
…ได้ยินเสียงอีกาจากที่ไกล ๆ หน้าโรงเรียน เสียงเด็ก ๆ วิ่งเล่นดังมา
“นี่ ยามาโมโตะ”
ฮายาชิเอ่ยขึ้น
“นายชอบอาคาริหรือเปล่า?”
MANGA DISCUSSION