“รอนานไหม”
หลังเลิกงานพาร์ทไทม์ที่ร้านคอนบินี ผมเดินไปทักฮายาชิที่นั่งอ่านนิตยสารรออยู่ในร้าน เธอเก็บนิตยสารแล้วเราก็กลับห้องผมด้วยกัน
“นี่ห้องของยามาโมโตะเหรอ”
“ดูสะอาดดีใช่ไหมล่ะ”
“ก็แค่ไม่มีของอะไรเลยต่างหาก”
ก็จริง ผมไม่ใช่คนที่อยากได้อะไรเยอะแยะ ถ้าของเยอะแล้วทำให้เก็บกวาดยาก ผมว่ามีแค่นี้ก็ดีแล้ว อีกอย่าง ฐานะนักศึกษาปีหนึ่งที่เพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย เงินก็ไม่ได้เหลือเฟือ ห้องเลยโล่งแบบนี้
“นั่งก่อน เดี๋ยวเอาชาข้าวบาร์เลย์มาให้”
“…ขอบใจ”
ผมเดินไปหยิบชาข้าวบาร์เลย์ในตู้เย็น เทใส่แก้วแล้วยื่นให้เธอ ระหว่างที่ฮายาชิจิบช้าๆ ความเงียบอึดอัดก็ปกคลุมห้อง
เพิ่งนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมพาผู้หญิงมาที่ห้อง ตั้งแต่มัธยมต้นก็แทบไม่มีเพื่อนผู้หญิง ไม่ได้ไปเที่ยวกับใครเลย
…ใจเต้นแรงแปลกๆ ตั้งสติหน่อยสิ
เหตุผลที่ผมพาฮายาชิมาวันนี้ ไม่ใช่เพราะคิดอะไรไม่ดี แต่เพราะอยากปกป้องเธอจากแฟนของเธอ
“ขอบใจนะ”
ฮายาชิที่ดื่มชาหมดแล้วพูดขอบคุณด้วยสีหน้าผ่อนคลายขึ้น
“ก็แค่ชาข้าวบาร์เลย์เอง”
“ไม่หรอก… มาตอนจังหวะพอดีเลย”
จังหวะพอดี? หมายถึงอะไรนะ
ผมพยายามคิดทบทวน สเวตเตอร์ในหน้าร้อน รอยช้ำที่ข้อมือ คนที่ทำร้ายเธอคือแฟน
สถานการณ์ของเธอตอนนี้…เรียกว่าโดนทำร้ายในครอบครัว หรือ DV นั่นแหละ
“แค่อยากให้ทั้งสองฝ่ายใจเย็นลงสักพักน่ะ”
ทั้งสองฝ่าย… ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเธอหมายถึงใคร
“เขาก็แค่หงุดหงิดนิดหน่อยเองมั้ง”
เขา…หมายถึงแฟนใช่ไหม
ถ้าใช่…
“เขา…หมายถึงแฟนเหรอ?”
“ใช่ ปกติเขาไม่ตีหรอก แค่วันที่งานมีปัญหา เขาจะอารมณ์เสีย ฉันเองก็ต้องคอยดูแลให้ดีกว่านี้ด้วย”
“ไม่คิดว่าจะได้ยินคำแบบนี้จากเธอสมัยมัธยมเลยนะ”
“หยุดเลย คนเราก็เปลี่ยนได้ป่ะ”
…เปลี่ยนไปในทางที่ดีหรือเปล่า ผมเองก็ตอบไม่ได้
ผมทบทวนคำพูดของฮายาชิอีกที ดูเหมือนที่เธอยอมมาห้องผมก็เพื่อให้ทั้งคู่ใจเย็นลง รอยช้ำที่ได้มาก็เพราะแฟน แต่เธอกลับมองว่าเป็นแค่เรื่องชั่ววูบ
ถ้าเป็นแบบนั้น การที่ผมเข้าไปยุ่งลึกๆ อาจจะไม่มีประโยชน์… ถ้ารู้แบบนี้คงไม่บอกให้เธอมาค้างที่นี่หรอก
แต่ก็แค่…ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ
“คืนนี้จะค้างที่นี่ไหม?”
“ได้เหรอ? ขอโทษนะ”
“เวลาลำบากก็ต้องช่วยกัน”
“นายก็พูดอะไรที่สมัยมัธยมคงไม่กล้าพูดเหมือนกันนะ”
ผมเงียบไป ผมไม่ได้เปลี่ยนอะไรจากตอนนั้น แต่ถ้าในสายตาเธอผมเปลี่ยนไป…
“ขออาบน้ำได้ไหม?”
“ตามสบาย”
“มีชุดเปลี่ยนไหม?”
“มีแต่ของผู้ชายนะ”
“ไม่เป็นไร”
“…นอนเตียงเถอะ เดี๋ยวผมนอนพื้นเอง”
“…ขอโทษนะ”
วันนี้เป็นวันพุธ แต่ช่วงนี้มหาวิทยาลัยปิดเทอม ผมเลยนอนยาวหลังเลิกงานกะดึก ฮายาชิเองก็คงไม่ได้นอนเหมือนกัน
ผนังห้องน้ำกับห้องนั่งเล่นบาง เสียงน้ำจากฝักบัวกลบเสียงทีวีหมด
“สดชื่นแล้ว ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร”
ผมแอบเสียใจที่ให้เสื้อยืดแขนสั้น เพราะเห็นรอยช้ำตามตัวเธออีกหลายจุด
“…ดูแย่ใช่ไหม?”
ฮายาชิพูดเหมือนไม่มีอะไร
“ทั้งหมดแฟนทำเหรอ?”
“ใช่”
“ดูเหมือนจะมีรอยที่ใกล้หายแล้วด้วยนะ?”
“แล้วไง?”
ฮายาชิทำหน้าบึ้ง ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะไม่พอใจ
อย่าพูดเรื่องนี้ต่อ… เธอสื่อแบบนั้น
…ถ้าผมเป็นเธอ ผมคงโกรธแฟนมากที่ทำร้ายกันขนาดนี้ แต่จากที่ฟังดู เธอกลับไม่รู้สึกแบบนั้นเลย หรือเพราะรักจนมองไม่เห็น หรือเพราะพึ่งพา ผมเองก็ไม่แน่ใจ
แต่ถ้าเธอไม่อยากให้ผมยุ่ง ผมก็ไม่ว่าอะไร ถ้าเธอจะกลับไปหาแฟนก็เรื่องของเธอ
เธอไม่คิดว่าตัวเองผิด ต่อให้ผมเสนอทางเลือกอื่น เธอก็คงไม่เปลี่ยนใจ
“ผมว่าการคบกับคนที่ทำร้ายกันมันไม่ถูกนะ”
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังอยากพูด
“นายจะไปรู้อะไร”
ฮายาชิเริ่มอารมณ์เสีย
“ผมไม่รู้หรอก นี่แค่ความเห็นของผม”
“ไม่ได้อยากฟังความเห็นนาย”
“ผมก็ไม่ได้บังคับให้ฟังนี่”
“…แล้วพูดทำไม”
“เพื่อตัวเองไง”
ผมยักไหล่ ฮายาชิก็ถอนหายใจ
“ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ คนอื่นก็จะมาถามผมว่าทำไมไม่ห้ามเธอ ตอนนั้นผมจะได้บอกว่าผมพยายามแล้ว มันต่างกันนะ”
“…นายก็ไม่ได้มีเพื่อนเยอะขนาดต้องแคร์สายตาคนอื่นนี่”
“เพราะไม่มีเพื่อนไง คนเราพอมีข้ออ้างดีๆ ก็พร้อมจะทำร้ายคนอื่นเพื่อระบายความเครียดได้หมด”
การลงโทษโดยสังคมที่เห็นบ่อยๆ ก็แบบนี้ ทั้งที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วย แต่พอเห็นคนโดนด่า ก็อดไม่ได้ที่จะซ้ำเติม ทั้งที่จริงๆ เรื่องควรจบแค่ระหว่างผู้เสียหายกับคนผิด คนอื่นไม่ควรยุ่ง แต่สุดท้ายก็มีแต่คนแปลกๆ ที่ชอบซ้ำเติม… น่าเบื่อจริงๆ
“แต่ช่างมันเถอะ ที่อยากบอกคือ คนเราก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้นแหละ”
“…แล้วไง”
“โดนตีเพราะแฟนเครียดจากงาน แบบนี้มันเพื่อเธอจริงเหรอ?”
“…นั่นมัน…”
“เธอแค่ถูกใช้เท่านั้นเองนะ”
ฮายาชิเงียบแล้วก้มหน้า
“ถ้าเธอจะกลับไปหาเขา ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก ที่ยังอยากอยู่ข้างเขาทั้งที่โดนทำร้าย… การใช้ชีวิตเพื่อคนอื่นมันก็ดี แต่สุดท้ายไม่มีใครยกย่องเธอหรอก วีรบุรุษที่สู้กับจอมมารยังได้รับการยกย่อง แต่เธอที่เสียสละตัวเองขนาดนี้ กลับไม่ได้อะไรเลย แม้แต่จากแฟนเองก็ยังไม่ได้”
สรุปคือ…ถ้ามองตามความจริง สิ่งที่ฮายาชิทำมันไม่คุ้มกับสิ่งที่เธอเสียไปเลย
ผมพูดประชดเพราะนิสัยไม่ดีของตัวเอง รู้ว่าพูดแบบนี้กับคนที่กำลังโมโหคงไม่ช่วยอะไร แต่ผมก็พูดได้แค่นี้
ผมทำเต็มที่แล้ว ถ้าเธอไม่ฟังผม ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้อีก
“…ไม่เอาแบบนั้นหรอก”
แต่ฮายาชิไม่ได้โกรธจนลืมตัวอย่างที่คิด เธอถอนหายใจยาวแล้วล้มตัวลงบนเตียงผม
“…ง่วงแล้ว”
“นอนพักเถอะ ค่อยคิดก็ได้ เวลายังมีอีกเยอะ”
“พูดเหมือนคนเข้าใจโลกเลย นายคงไม่เคยมีแฟนแน่ๆ”
“คนเข้าใจโลกถึงไม่มีแฟนเหรอ?”
ผมคงไม่มีแฟนเพราะแบบนี้แหละ รู้เพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
“ปิดไฟแล้วนะ”
ถึงจะปิดไฟ ห้องก็ยังสว่างอยู่ดี
ฮายาชิไม่ตอบ อาจจะหลับไปแล้ว ผมกดปุ่มแล้วนอนลงที่พื้น
ผมนอนเล่นมือถืออยู่พักหนึ่งจนเบื่อแล้วหลับตา
แต่ไม่รู้เพราะนอนพื้นหรือเพราะมีผู้หญิงอยู่ในห้อง ผมนอนไม่หลับเลย
“นี่”
อีกสักพัก ฮายาชิที่คิดว่านอนอยู่ก็เรียกผม
“จะทำไหม?”
หัวใจผมเต้นแรง แต่ผมเลือกเงียบ ไม่ถามว่าเธอหมายถึงอะไร วันนี้ที่ผมให้เธอมาค้างก็แค่เพราะอำเภอใจ ถ้ากลายเป็นคืนเดียวกันจริงๆ ผมก็คงไม่มีสิทธิ์ไปว่าร้ายแฟนเธอ
หลังจากนั้นเธอก็เงียบไป ดูเหมือนจะยอมแพ้
แต่จู่ๆ ก็รู้สึกอุ่นที่หลัง
“เฮ้ย!”
โดนแตะที่หลังจนสะดุ้ง
“ฮะๆ ตื่นอยู่จริงด้วย”
“เธอ…จะทำอะไร”
“แค่กอดเองน่า”
“ใครบอกให้กอด”
“กอดต้องขออนุญาตด้วยเหรอ?”
กับผมไม่ต้องขอ แต่กับแฟนเธอล่ะ? ถึงจะโดนทำร้ายแต่ก็ยังเป็นแฟนกันอยู่
แต่ตอนนี้ไม่ควรพูดเรื่องแฟนกับเธอ ผมเลยกัดริมฝีปาก
“…หรือว่านายยังไม่เคย?”
“ไม่ใช่”
“โกหก”
ผมเงียบ
“…ขี้อวดจัง เพิ่งคิดว่านายน่ารักก็วันนี้แหละ”
“…เงียบไปเลย”
ผมพยายามแกะเธอออก แต่ก็สังเกตว่าร่างเธอสั่น
เมื่อกี้เธอโกรธที่ผมพูดเรื่องแฟน แต่จริงๆ แล้วเธอก็คงไม่ไว้ใจแฟนเหมือนกัน
“ตอนแรกเขาไม่ใช่คนแบบนี้ อ่อนโยน ใส่ใจ แม้ฉันจะเอาแต่ใจก็ยังตามใจ เปลี่ยนไปหลังเราอยู่ด้วยกัน”
คงเพราะอยู่ด้วยกันถึงเผยนิสัยจริงออกมา
ผมไม่พูดอะไร เพราะคิดว่าคำพูดผมคงทำร้ายเธอ
“มันแย่มากเลย นอกจากเรื่องงาน ทุกครั้งที่อารมณ์เสียก็จะตีฉัน โมโหง่ายผิดปกติ อะไรนิดหน่อยก็โกรธแล้ว ฉันคิดแบบนั้นตลอด”
แรงกอดของฮายาชิแน่นขึ้น
“ตอนแรกบอกให้ฉันเป็นแม่บ้าน แต่พอผ่านไปหน่อยกลับบอกว่าทำไมอยู่ห้องเฉยๆ เป็นตัวถ่วง ไปทำงานบ้างสิ พูดแบบนี้ตลอด มันแย่มากจริงๆ”
“…เธอเก่งมากแล้วนะ”
“หือ?”
คำพูดที่ไม่คิดว่าจะหลุดจากปากผม หน้าเริ่มร้อน ไม่คิดว่าจะพูดให้กำลังใจเธอได้
…แต่พอคิดถึงสิ่งที่เธอเจอ ทั้งต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย ถูกพ่อแม่ตัดขาด ถูกแฟนทำร้าย ผ่านอะไรมาเยอะขนาดนี้ มันก็หลุดออกมาเอง
“เมื่อกี้พูดอะไรนะ?”
“…ไม่พูดซ้ำแล้ว”
“พูดอีกทีสิ”
“นอนแล้ว”
“อืม… ฮะๆ ก็ได้”
ผมอยากจะบ่นแต่คิดว่าถ้าพูดไปคงเถียงกันไม่จบ เลยเงียบ
“ขอบคุณนะ ไม่ได้ยินคำว่าเก่งมานานแล้ว…ดีใจมาก”
ฮายาชิกระซิบข้างหู
…เธอเก่งมากจริงๆ
พรุ่งนี้ค่อยคุยเรื่องอนาคตของเธอ ตอนนี้ขอพักผ่อนก่อน
MANGA DISCUSSION