เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นนอนตามเวลาปกติ กินข้าวเช้าที่ฮายาชิทำให้ แล้วก็ออกจากบ้าน
นั่งรถไฟไปสักพักก็ถึงมหาลัย มหาวิทยาลัยตอนเช้าตรู่ แม้แต่โรงอาหารที่ปกติจะเสียงดังจอแจตอนกลางวันก็ยังมีคนไม่มากนัก
“ฟู่”
ผมรู้สึกสบายใจกับบรรยากาศในโรงอาหารแบบนี้ เลยนั่งลงที่เก้าอี้แล้วเริ่มทบทวนบทเรียน
ขณะที่กำลังขีดเขียนดินสอกดไปได้สักพัก ผมก็นึกถึงบทสนทนากับฮายาชิเมื่อคืนนี้
เมื่อเช้าเธอไม่ได้พูดอะไร แต่ว่าเมื่อคืนก่อนนอน ยัยนั่นดันมาตั้งโจทย์ยากให้ผมว่าวันนี้ต้องไปคุยกับนักศึกษาสักคนให้ได้นี่นา
ผมถอนหายใจออกมา
ให้ตายสิ คำพูดที่คาดเดาไม่ได้เหมือนราชินีของยัยนั่นทำเอาผมปวดหัวไปหมด
เคยคิดไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยากมีเพื่อนอะไรขนาดนั้น แล้วก็ไม่คิดว่าจะเข้ากับพวกที่ชอบทำตัวเสียงดังเฮฮาได้อยู่แล้ว
…แต่ว่า รางวัลสินะ
พูดตามตรง การที่ไม่ได้รางวัลก็แอบเสียดายอยู่เหมือนกัน
เอาจริงๆ ช่วงนี้ผมค่อนข้างจะถังแตก ไม่ใช่เพราะว่าให้ฮายาชิมาอยู่ด้วยหรอกนะ ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ผมก็ทำงานพิเศษมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลายแล้วก็เก็บเงินมาตลอด ไม่ได้มีสถานะทางการเงินที่จะลำบากในทันที
เพียงแต่ว่า ตั้งแต่มาอยู่กับฮายาชิ จำนวนครั้งที่กลับบ้านเกิดมันเยอะมาก
ที่ผ่านมาหลายเดือน ไม่เคยย่างกรายเข้าไปใกล้บ้านเกิดเลยสักครั้ง แต่แค่สามเดือนนี้ ผมกลับบ้านเกิดพร้อมกับฮายาชิกี่ครั้งแล้วกันนะ
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่พอมาดูรายรับรายจ่ายต่อเดือนของเดือนที่แล้ว ก็ตกใจนิดหน่อยเหมือนกัน
แต่ก็นะ การที่จะให้ยัยนั่นที่กำลังถังแตกเหมือนกันควักเงินออกจากกระเป๋ามาให้มันก็รู้สึกเกรงใจอยู่ แต่ทางนั้นเป็นคนเริ่มพูดเองนี่นา
…ถ้าพูดเรื่องถังแตก กระเป๋าเงินของยัยนั่นมีเงินอยู่แน่เหรอ?
ยัยนั่น ก่อนที่จะเป็นอิสระจากแฟน DV นั่น ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นแม่บ้านเต็มตัว ทำงานพาร์ทไทม์ก็ไม่ได้ด้วยนี่นา
ถึงจะอยู่กับผมมาสามเดือนแล้ว… แต่ก็ไม่น่าจะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำขนาดนั้น
แค่ไม่กี่พันเยน แต่ให้ยัยนั่นควักเงินออกจากกระเป๋ามาให้มันก็รู้สึกผิดยังไงไม่รู้แฮะ
…อืม
รางวัลนี้ไม่ได้เด็ดขาด เลิกดีกว่า
ไม่ต้องให้รางวัลก็ได้ ผมก็เลยไม่ได้ไปคุยกับนักศึกษา
พูดแบบนี้แล้วก็จบเรื่องนี้ไปเลยดีกว่า
บรื้ด
สมาร์ทโฟนสั่นขึ้นมาในจังหวะที่ดี ผมเปิดหน้าจอขึ้นมาดู
การแจ้งเตือนแสดงข้อความจากฮายาชิ
ผมปลดล็อคหน้าจอ แล้วเปิดข้อความดู ดูเหมือนจะเป็นรูปภาพ
ผมถึงกับผงะ
ข้อความที่ฮายาชิส่งมา
เป็นรูปของอะไรบางอย่างที่ถูกห่อไว้ กับข้อความที่ว่า ‘ที่ห่อคราวก่อนยังเหลืออยู่’
‘ไม่ใช่ว่ายังเหลืออยู่ซะหน่อย?’
ผมรีบส่งข้อความกลับไปหาฮายาชิ
‘ลองไปเช็คในเว็บช็อปปิ้งออนไลน์ดูแล้ว อันนี้แพงน่าดูเลยนะ’
‘ไม่จำเป็นต้องขายสักหน่อย จะไปเช็คทำไม?’
‘ถ้าไม่ได้คุยกับนักศึกษาสักคนจะขายอุปกรณ์ทำความสะอาด เราตกลงกันไว้อย่างนั้นไม่ใช่เหรอ ยามาโมโตะ’
‘ไม่ใช่ซะหน่อย?’
แปลกๆ
หรือว่าแค่คืนเดียว ผมจะหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่งที่ความสัมพันธ์ของตัวละครเหมือนเดิมกันนะ?
‘งั้นเพิ่มเข้าไปด้วย!’
‘ไม่ใช่ว่าจะเพิ่มเข้าไปด้วยซะหน่อย’
ไม่มีข้อความตอบกลับจากฮายาชิ
ดูเหมือนว่าจะตั้งใจเมินกันซะแล้ว
…ให้ตายสิ
แบบนี้…
เผด็จการแบบนี้มันจะดีเหรอ?
เผด็จการ…เผด็จการแบบนี้มันแย่มาก แย่มากไม่ใช่รึไง!
ก็จริงอยู่ที่ช่วงนี้ผมเคยบ่นต่อหน้ายัยนั่นว่าอุปกรณ์ทำความสะอาดมันเริ่มเยอะขึ้นแล้ว…
เคยพูดว่าจะจัดระเบียบอุปกรณ์ทำความสะอาดสักหน่อยก็จริง
เคยพูดว่าแถวๆ นี้มันใช้ไม่ถนัด ขายทิ้งไปก็ดีเหมือนกันก็จริง!
…เอ๊ะ เริ่มรู้สึกว่ามันไม่มีปัญหาอะไรเลยนี่หว่า
สมาร์ทโฟนสั่นขึ้นมา เป็นข้อความจากฮายาชิ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตั้งใจเมิน แต่กำลังยุ่งอยู่
‘นายน่ะ คงไม่ได้เริ่มคิดว่าอุปกรณ์ทำความสะอาดแถวๆ นี้จะโดนขายไปก็ไม่เป็นไรหรอกนะ’
‘สายตาเฉียบจัง’
‘อย่ามาสารภาพนะ’
หลังจากได้รับสแตมป์รูปโกรธ ก็มีข้อความจากฮายาชิส่งมาอีก
‘ก็แค่คุยกับใครสักคน รีบๆ ทำไปซะสิ’
‘ก็นั่นเป็นวิธีที่เร็วที่สุดล่ะนะ’
‘ใช่ไหมล่ะ?’
‘อื้อ’
…แต่ว่า จะขายอุปกรณ์ทำความสะอาดก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนมือของฮายาชิเลยสักนิด
ตรงกันข้าม ถ้าไปรบกวนเธอด้วยเรื่องแบบนั้น ผมก็จะรู้สึกติดค้างแล้วก็เกรงใจเธอขึ้นมาน่ะสิ
ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องเริ่มจากการกระทำของตัวเอง
ถ้าไม่ทำแบบนั้นมันจะรู้สึกไม่สบายใจ
การคิดแบบนั้นมันคือนิสัยของผู้ชายที่ยุ่งยากแบบผมไม่ใช่รึไง
การที่คิดว่าให้เธอทำแบบนั้นไปก็ดีแล้วแค่ชั่ววูบ มันช่างน่าสมเพชจริงๆ
แต่ก็นะ นั่นอาจจะเป็นหลักฐานว่าผมเปิดใจให้ฮายาชิมากขนาดไหนก็ได้
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ ต่อให้ปากฉีกถึงหูก็ไม่มีทางพูดกับเจ้าตัวเด็ดขาด
เอาเป็นว่า ก็อย่างที่ฮายาชิพูดนั่นแหละ
สัญญางี่เง่าแบบนี้ รีบๆ ทำให้มันจบๆ ไปซะดีกว่า
ใช่แล้ว
แบบนั้นดีที่สุด
เอาจริงๆ ผมมีแผนอยู่แล้ว
เป็นแผนเด็ดที่เพิ่งคิดออกเมื่อกี้นี้เอง
‘นี่ ฮายาชิเอ๋ย’
‘อะไร?’
‘คาซาฮาระนับไหม?’
‘ไม่นับ’
เป็นช่วงเวลาที่แผนของผมพังทลายลง
MANGA DISCUSSION