“อรุณสวัสดิ์ เมกุจัง! ตื่นเช้าจังเลยนะ”
“อรุณสวัสดิ์ ชิโฮะจัง… ฮัดชิ้ว”
ณ ห้องนั่งเล่น
ฉันตอบชิโฮะจังที่กำลังนั่งดูทีวีสบายใจอยู่บนโซฟา แล้วก็จามออกมา
“นี่ นี่! เมื่อคืนเป็นไงบ้างเหรอ?”
“เอ๊ะ?”
“กับพี่ชายไง! ได้นอนด้วยกันใช่ไหมล่ะ?”
ชิโฮะจังดูตื่นเต้นดีใจ เธอรีบลุกจากโซฟาแล้วขยับเข้ามาใกล้ฉัน
“…อา…”
ฉันหลบสายตาจากชิโฮะจังคนนั้น
จะอธิบายเรื่องไหนดีล่ะ…
รู้สึกได้เลยว่าคงจะปิดบังไม่ได้แน่ๆ แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าจะลองปิดบังดูดีไหม
ก็แหม ถ้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไป ยามาโมโตะคงโดนชิโฮะจังโกรธแน่ๆ
…เรื่องที่ยามาโมโตะทำเมื่อคืน
คือการที่เขาทิ้งฉัน แล้วคิดจะยึดครองเตียงคนเดียว
แล้วก็ทิ้งฉัน ชิงหลับไปก่อนคนเดียว
และที่สำคัญที่สุด… กับฉันที่รวบรวมความกล้าหาญ…
หงุดหงิดขึ้นมาเลย
“ฟังฉันหน่อยสิ ชิโฮะจัง ยามาโมโตะน่ะร้ายกาจมากเลยนะ?”
ในวันฟ้าใสที่สดชื่น
“เมื่อคืนนี้ เขาดันหลับไปก่อนฉันอีกแล้ว”
ช่างเป็นคำบ่นที่ไม่เข้ากับอากาศดีๆ แบบนี้เอาซะเลย
“ก็แน่ล่ะ จากที่ใช้ชีวิตด้วยกันมาก็พอจะรู้อยู่แล้วล่ะนะ”
ไม่ว่าจะพูดไปเท่าไหร่ ไม่ว่าจะบ่นไปแค่ไหน
“…ว่าเขาไม่ได้เห็นฉันเป็นผู้หญิงเลยสักนิด…”
ก็ไม่มีวี่แววว่าอารมณ์จะดีขึ้นเลย
“แต่อย่างน้อยก็ช่วยใส่ใจกันบ้างสิ”
จริงๆ เลย…
เขาเป็นแบบนี้ตลอด
ถึงจะยั่วยุไปก็ไม่สะทกสะท้าน
พอรวบรวมความกล้าก็กลับเสียเปล่า
ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำในสิ่งที่ฉันต้องการ…
…หรือว่า
หรือว่าเขาจะเกลียดฉันเข้าแล้ว
“…เมกุจัง?”
“เอ๊ะ?”
“อ๊ะ คือว่า… เห็นทำหน้าตาแย่มากเลย”
“…หน้าแบบไหนเหรอ?”
ชิโฮะจังยิ้มแหยๆ อย่างจนใจ
ฉันทำหน้าแย่ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
…แต่ก็คงช่วยไม่ได้ล่ะมั้ง
เมื่อกี้ฉันฝัน
ฝันถึงความทรงจำกับยามาโมโตะสมัยมัธยมปลาย
ถึงจะเรียกว่าความทรงจำ แต่ฝันนั้นก็ไม่ใช่ฝันที่สวยงามอะไรเลย
สำหรับเขาแล้ว ฝันนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะนึกถึงเลยก็ได้
แต่ว่ามันก็มีอยู่แค่นั้น
เรื่องราวที่เชื่อมระหว่างฉันกับเขาสมัยมัธยมปลาย
พวกเราอยู่ห้องเดียวกันมาตลอดสามปี แต่ความสัมพันธ์กลับช่างผิวเผินขนาดนั้น
เคยมีอดีตที่ฉันเกลียดเขาฝ่ายเดียว
การมีอยู่ของฉัน อาจจะเป็นสาเหตุให้เขาเลิกกับอาคาริก็ได้
ก็คงงั้นสินะ เขาเองก็… ตอนนั้นเองก็คงจะช่วยซ่อนตัวฉันไว้อย่างช่วยไม่ได้
นั่นเป็นเพียงเพื่อรักษาหน้าตาตัวเอง แต่จริงๆ แล้วจะเกลียดฉันก็ไม่แปลกเลย
ไม่สิ ต้องบอกว่าเกลียดฉันน่ะเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
“…คาดหวังไปคนเดียว เหมือนคนบ้าเลย”
“เ-เมกุจัง?”
“ขอโทษนะ ชิโฮะจัง”
“เอ๊ะ?”
“…ขอโทษ”
ฉันขอโทษเรื่องอะไรกันแน่ก็ไม่รู้
พยายามจะคิดว่าขอโทษทำไม แต่พอคิดแล้วมันก็เจ็บแปลบที่หน้าอกจนต้องส่ายหัวแล้วทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา
ชิโฮะจังที่ตกตะลึงไปชั่วครู่ ก็ย้ายมานั่งลงข้างๆ ฉันที่ก้มหน้าอยู่
“พี่-พี่ชาย ตื่นสายจังเลยนะ!?”
เป็นน้ำเสียงที่พยายามจะทำให้สดใส
น่าอายจังที่ต้องให้เด็กแบบนี้มาคอยเป็นห่วง
“…หลับสบายเลยล่ะ”
“ง-งั้นเหรอ? แปลกจังเลย ปกติพี่ชายตอนอยู่บ้านจะตื่นเช้าตลอดเลยนะ! แล้วที่นู่นตื่นเวลานี้ตลอดเลยเหรอ?”
“อื้ม ปกติป่านนี้ตื่นไปนานแล้วล่ะ”
“เอ๋ งั้นเหรอ”
ว่าแต่ ยามาโมโตะวันนี้เป็นอะไรไปนะ
ปกติแล้วจะพูดว่า ความสม่ำเสมอคือพลังอะไรนั่น แล้วก็จะพยายามทำตามกฎที่ตัวเองตั้งไว้อย่างเคร่งครัดแท้ๆ
ขณะที่กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่ ประตูห้องนั่งเล่นก็เปิดออก
“ครืดดด…”
ยามาโมโตะนั่นเอง
เขาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยใบหน้าง่วงๆ พร้อมกับหาวไปด้วย
ฉันหันหน้าหนีจากยามาโมโตะทันที
“พี่ชาย วันนี้ตื่นสายจังเลยนะ”
“หืม? อื้อ ก็คงงั้น”
เสียงของยามาโมโตะยังงัวเงียอยู่
ฉันก็ยังคงหลบหน้าเขา
ชิโฮะจังมองพวกเราสลับกันไปมาด้วยความสับสน
“อ๊ะ หนูไปทำอาหารเช้านะ!”
“โอ้ ขอบใจมาก”
ยามาโมโตะขยี้ตาแล้วนั่งลงบนโซฟาพลางกล่าวขอบคุณ
ชิโฮะจังเดินเสียงสลิปเปอร์ดังแปะๆไปยังห้องครัว
ระหว่างฉันกับยามาโมโตะไม่มีบทสนทนาใดๆ
บางทีฉันควรจะเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน เพื่อไม่ให้ชิโฮะจังต้องรู้สึกอึดอัดไปมากกว่านี้
แต่ถ้าชวนคุย…
ฉันคงจะเผลอถามเขาไปแน่ๆ ว่าคิดกับฉันยังไง
แล้วถ้า…
แล้วถ้าเกิดว่า…
‘คิดกับเธอยังไงเหรอ? ไม่เห็นต้องบอกเลยนี่ แน่นอนว่าเกลียดสิ’
ถ้าโดนพูดแบบนั้นใส่ล่ะก็…
ไม่สิ
ไม่ ไม่ ไม่
ยามาโมโตะไม่มีทางพูดแบบนั้น…
ใช่แล้ว
ใช่แล้วล่ะ วันนั้นยามาโมโตะยอมให้ฉันซ่อนตัวอยู่ในห้องของเขา
เขาช่วยฉันออกมาจากผู้ชายคนนั้น
ยามาโมโตะไม่มีทางพูดแบบนั้น…
แต่ว่า…
“ฮายาชิ”
ฉันสะดุ้งสุดตัว
จู่ๆ
ก็ถูกเรียกขึ้นมา
…โดยยามาโมโตะ
ทำไงดี
น่ากลัว
กลัวว่าจะโดนปฏิเสธ…
ยามาโมโตะ…
“เมื่อวานขอบใจนะ”
เขาเอ่ยคำขอบคุณ
“ไม่เป็นไร”
ชั่วขณะหนึ่งฉันถึงกับนิ่งอึ้งไป แต่ก็ตอบกลับไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“ไม่เป็นไร ก็แค่ตอบแทนบุญคุณเท่านั้นเอง”
“…วันนี้ เผลอนอนตื่นสายซะได้”
“นั่นสิ”
“ต้องขอบคุณเธอนะ ฮายาชิ”
“…”
“เพราะเธอมาบ้านเกิดเป็นเพื่อนฉันไง เอาจริงๆ ก็แอบกังวลนิดหน่อยเหมือนกันนะเรื่องกลับบ้านเนี่ย”
…อะไรกันเล่า นั่นมัน
“แต่เพราะมีเธออยู่ด้วย ก็เลยผ่านไปได้ด้วยดี”
“อะไรกันเล่า”
ยามาโมโตะพูดไปพลางขยี้ตาที่ยังง่วงอยู่
อย่างนี้นี่เอง เพราะยังไม่ตื่นดีสินะ ถึงได้พูดจาตรงไปตรงมาไม่เหมือนเขาทุกที
เพราะยังไม่ตื่นดี…
นี่คือความรู้สึกที่แท้จริงของยามาโมโตะเหรอ
“ดีใจที่ได้แนะนำเธอให้ครอบครัวรู้จัก”
“…ทำไมล่ะ?”
เสียงของฉันยังคงสั่นไม่หยุด
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ?”
“เพราะเธอคือครอบครัวของฉันไงล่ะ”
…ว่าแต่
เหมือนเขาเคยพูดแบบนั้นกับฉันครั้งหนึ่ง
ครอบครัว
…ครอบครัว งั้นเหรอ
“อย่างนี้นี่เอง”
อย่างนี้นี่เอง
อย่างนี้นี่เองสินะ
ครอบครัวสินะ
“…นี่ ยามาโมโตะ?”
ฉันรู้สึกโล่งใจไปหมด
แต่เสียงของฉันก็ยังคง…สั่นเครืออยู่ดี ทำไมกันนะ… ใบหน้าก็ยังคงก้มมองพื้นห้อง
“ฉันน่ะ อาจอยากจะมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าครอบครัวกับนาย…ก็ได้นะ?”
เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
พอถูกพูดว่าเป็นครอบครัว ฉันก็เคยลองรุกยามาโมโตะดูครั้งหนึ่ง
บางที ความรู้สึกที่ฉันมีต่อยามาโมโตะในตอนนี้ ก็คงเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนนั้น
ฉันถึงได้พูดอะไรแบบนี้ออกไป
พูดรุกยามาโมโตะไปว่าอยากจะมีความสัมพันธ์ที่มากกว่าครอบครัว
เคยมีใครบางคนเรียกฉันว่าราชินี
แต่คำพูดและการกระทำของฉันในตอนนี้ ช่างน่าสมเพชเกินกว่าจะเป็นราชินีได้
ตอนนี้ก็ยังขี้ขลาดอยู่เลย
พูดจาคลุมเครือไม่ชัดเจนอีกแล้ว
แต่…
แต่ ถ้าเป็นยามาโมโตะล่ะก็…
ต้อง…ตอบรับความรู้สึกฉันแน่
“นี่ ยามาโมโตะ?”
ฉันเงยหน้าขึ้น
ยามาโมโตะ…
“คร่อก”
หลับไปอีกแล้ว
หลับไปอย่างสบายใจเฉิบ
“ข้าวเสร็จแล้วจ้า… อ้าว พี่ชายหลับอีกแล้ว”
“ชิโฮะจัง”
“หืม?”
“ส่วนของพี่ชายเธอนี้ ฉันกินเอง”
“เอ๊ะ อื้ม”
อาหารเช้าของชิโฮะจังอร่อยมาก
หลังจากนั้นไม่นาน ยามาโมโตะที่ตื่นแล้วกับฉันก็นั่งรถไฟเพื่อกลับไปยังห้องเช่าที่โตเกียว
“นี่ ฮายาชิ ทำไมดูอารมณ์ไม่ดีเลยล่ะ?”
“เปล่านี่”
บนรถไฟ ฉันยังคงทำท่าทีเย็นชาใส่ยามาโมโตะต่อไป
MANGA DISCUSSION