ตอนที่ฉันกำลังเดินขึ้นบันไดตามหลังยามาโมโตะนั่นเอง
“หาววววว…”
ยามาโมโตะหาวออกมาอย่างง่วงงุน
เมื่อกี้นี้ก็คิดอยู่แล้ว แต่วันนี้ยามาโมโตะดูไม่เกร็งเลยเมื่อเทียบกับตอนที่เราอยู่ด้วยกันที่ห้องเช่าในโตเกียว สงสัยจะเป็นเพราะว่าเขาคงรู้สึกสบายใจกับที่นี่มากสินะ
ก่อนจะมาบ้านเกิดของเขา เอาตามตรงฉันก็แอบเป็นห่วงยามาโมโตะอยู่เหมือนกัน
ยามาโมโตะก่อนจะมาถึงที่นี่ ดูยังไงๆ ก็เหมือนไม่อยากจะเข้าใกล้บ้านเกิดตัวเองเลย พอได้เห็นท่าทางบูดบึ้งไม่พอใจของเขาซึ่งหาได้ยาก ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วง
แต่ว่า พอได้ฟังเหตุผลที่ไม่อยากกลับบ้านเกิดจากปากของยามาโมโตะโดยตรง ฉันก็รู้ตัวว่าตัวเองเข้าใจผิดไป
และยามาโมโตะก็ยังคงเป็นยามาโมโตะเหมือนเคย
ครึ่งหนึ่งคือคำชม
อีกครึ่งหนึ่งคือคำประชด
ฉันรู้สึกกับเขาแบบนั้น
รู้สึกเหมือนว่าระยะห่างระหว่างฉันกับยามาโมโตะได้ขยับเข้ามาใกล้อีกนิดหน่อย
…นี่จริงจังนะ ใครก็ได้ช่วยชมฉันที
ผู้ชายคนนี้ทั้งเซนส์ช้า ทั้งหัวรั้น ทั้งตัดใจง่าย
แค่ทำให้ระยะห่างมันลดลงมาได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้วนะ?
แต่ว่า ฉันไม่อยากจะพอใจแค่นี้
อยากได้มากกว่านี้…
ถึงจะพูดกับยามาโมโตะตรงๆ ไม่ได้ก็เถอะ แต่อยากได้มากกว่านี้…
อาจจะเป็นโอกาสก็ได้
ฉันคิดออกแล้ว
ทั้งคุณแม่ของยามาโมโตะ ทั้งชิโฮะจัง
ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะเป็นพวกเดียวกับฉัน ถ้ามีสองคนนี้อยู่ล่ะก็ ต่อให้ทำอะไรบ้าๆ ไปบ้างก็คงจะยอมรับได้แน่
และยามาโมโตะที่รักครอบครัวไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ถ้าค่อยๆ ตีจากวงใน เขาอาจจะยอมอ่อนข้อให้ก็ได้
เพราะฉะนั้น นี่ต้องเป็นโอกาสแน่ๆ
เป็นโอกาสที่จะได้เรียกร้องสิ่งที่มากกว่านี้ ไม่ผิดแน่…!
อะแฮ่ม
ฉันแกล้งกระแอมออกมาให้ดูมีพิรุธ
“ดูง่วงๆ นะ”
“เอ๋? อ่า… สงสัยความตึงเครียดมันคลายลงแล้วล่ะมั้ง”
“อะไรนะ? เกร็งอยู่เหรอ?”
“อ่า… อืม ก็คงงั้นมั้ง”
น้ำเสียงหย่อนยานไม่เหมือนยามาโมโตะตามปกติ ดูเหมือนจะง่วงจริงๆ สินะ
พอได้ฟังความในใจที่ซื่อตรงจากยามาโมโตะแบบนั้น ใจฉันก็เต้นตึกตัก
ก็แหม… การที่ยามาโมโตะพูดอะไรตรงๆ แบบนี้ มันรู้สึกสดใหม่จัง…
“ดีแล้วนี่ ที่เขาต้อนรับเป็นอย่างดี”
“อืม…”
หาววว ยามาโมโตะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
แล้วพวกเราก็มาถึงห้องของยามาโมโตะ
…แปลกจัง
แปลกจังแฮะ
ตั้งแต่ตอนที่เดินอยู่บนโถงทางเดินแล้ว หัวใจมันเจ็บแปลบๆ
ทั้งๆ ที่เมื่อกี้ก็คิดไปแล้วแท้ๆ ว่าการนอนห้องเดียวกับยามาโมโตะน่ะ ก็เคยทำมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งที่ห้องในโตเกียว
แค่เปลี่ยนสถานที่ ทำไมหัวใจมันถึงเจ็บขนาดนี้กันนะ
สงสัย… ฉันคงจะกำลังตื่นเต้นอยู่แน่ๆ
กับโอกาสที่หาไม่ได้อีกแล้ว
กับสถานการณ์ที่เหมือนเกมหมากรุกที่เห็นชัยชนะอยู่รำไร
กับความรู้สึกที่ไม่อาจปล่อยให้พลาดได้
ฉันกำลังตื่นเต้นอยู่สินะ
“เหนื่อยหน่อยนะ ยามาโมโตะ”
พลางข่มความรู้สึกใจเต้นระรัวเอาไว้
“วันนี้ พยายามได้ดีมากเลยนะ”
ฉันค่อยๆ เปล่งเสียงออกมา
“กลับมาได้เรียบร้อยดีนี่”
ถึงยามาโมโตะที่พึ่งพาได้เสมอ
“เมื่อวานเป็นห่วงแทบแย่แน่ะ นึกว่านายจะเทซะแล้ว”
ถึงยามาโมโตะที่ฉันเอาแต่พึ่งพา
“แต่ก็กลับมาจริงๆ แถมยังแนะนำฉันให้รู้จักอีก”
เพื่อที่จะได้ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไปอีก…
“…ขอบคุณนะ”
ฉันเงยหน้ามองยามาโมโตะด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“นี่ ยามาโมโตะ?”
ยามาโมโตะที่ฉันช้อนตามอง…
“จะให้รางวัลเอามั้ย”
ยามาโมโตะที่ดูง่วงกว่าปกติ…
“สำหรับนายที่พยายามมาอย่างดี จะให้รางวัลเอามั้ย”
ดูเป็นเด็กน้อยต่างจากทุกที… หัวใจของฉันก็บีบรัดแน่น
“จะนอนเป็นเพื่อน…ให้เอามั้ย…?”
เตียงในห้องของยามาโมโตะมีเตียงเดียว
สงสัยทั้งคุณแม่ของยามาโมโตะ ทั้งชิโฮะจัง…
ที่ตั้งใจให้ฉันนอนที่ห้องของยามาโมโตะ ก็คงเพราะเหตุนี้
…ยามาโมโตะน่ะ
“ไม่เป็นไร จะนอน”
เขากระโจนลงเตียงไป
“…เอ๊ะ”
…นี่มันเป็นการตัดสินชี้ขาดครั้งเดียวในชีวิตเลยนะ?
เลือกความง่วงมากกว่าผู้หญิงเนี่ยนะ?
ในไม่ช้า เสียงลมหายใจของคนหลับก็ดังมาจากยามาโมโตะที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง
MANGA DISCUSSION