“…ก็ พูดง่ายๆ คือไม่มีอะไรหรอก สุดท้ายแล้วฉันก็แค่ไม่อยากเจอหน้าคนในครอบครัว ก็เลยไม่คิดจะกลับมาง่ายๆ”
ก่อนจะพูดประโยคนั้น ยามาโมโตะก็หัวเราะเยาะตัวเองอย่างเหนื่อยใจ
ฉันเองก็หัวเราะแห้งๆ เมื่อได้ยินยามาโมโตะพูดแบบนั้น พอมาคิดดูแล้วมันก็จริงอย่างที่เขาว่า
เหตุผลที่ยามาโมโตะไม่กลับบ้าน
ไม่ว่าจะมองมุมไหน มันก็ไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากความคิดที่ว่า เขาไม่อยากกลับบ้าน ไม่จำเป็นต้องกลับ
“ที่ฉันอยากรู้คือเหตุผลจริงๆ เลิกพูดแบบผิวเผินเหมือนลูบน้ำแข็งบางๆ ได้แล้ว”
“…นั่นสินะ”
ยามาโมโตะยิ้มอย่างใจเย็น
มันช่างเป็นเรื่องน่าแปลก
เมื่อครู่นี้ ตอนที่ได้ฟังเรื่องราวในอดีตของยามาโมโตะจากปากชิโฮะจัง ฉันยังรู้สึกกดดันมากกว่านี้
แต่บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าตัวไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องหนักหนาอะไร ตอนนี้ฉันเลยสามารถยอมรับมันได้อย่างง่ายดาย
“…เธอคิดว่ายังไงล่ะ?”
“เอ๊ะ?”
“เหตุผลที่ฉันไม่กลับบ้าน เธอคิดว่าเป็นเพราะฉันอยากจะตีตัวออกห่างจากครอบครัวรึเปล่า?”
“…ตอนแรก ก็มีคิดบ้างนะ”
ฉันก้มหน้าลง
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวครอบครัวอันหนักอึ้งของยามาโมโตะแล้ว สำหรับคนทั่วไป การที่จะอยากตีตัวออกห่างจากครอบครัวบ้างก็อาจจะเป็นเรื่องธรรมดา
ไม่สิ ไม่ใช่
จริงๆ แล้ว ไม่ว่าจะมีเรื่องราวครอบครัวที่หนักหนาสาหัสหรือไม่ก็ตาม เด็กหนุ่มอายุสิบเก้าก็คงอยากจะออกจากบ้านพ่อแม่ อยากจะไปเที่ยวเล่นในเมืองใหญ่มากกว่ากลับบ้านบ่อยๆ
การคิดแบบนั้นก็ไม่น่าจะแปลกอะไร
แต่ฉันคิดว่าสำหรับยามาโมโตะแล้วมันไม่ใช่
เพราะยามาโมโตะน่ะ
ยามาโมโตะที่ฉันรู้จัก…
“แต่นายไม่ใช่คนที่จะหนีปัญหาไม่ใช่เหรอ?”
ฉันรู้ดี
ว่าไม่มีใครอีกแล้วที่ใจดีกับคนอื่น แต่เข้มงวดกับตัวเองเท่ากับผู้ชายคนนี้
ฉันรู้ดีอยู่แล้ว
ไม่มีทาง
เพราะเป็นยามาโมโตะ ถึงได้ไม่มีทาง
ไม่มีทางที่จะทอดทิ้งครอบครัว หรือหนีจากเรื่องที่น่ารำคาญใจ
แต่เพราะอย่างนั้นแหละถึงได้สงสัย
ถ้าอย่างนั้นแล้วยามาโมโตะ… ทำไมถึงไม่เคยกลับบ้านเลยสักครั้งตั้งแต่ย้ายไปโตเกียว
น่าจะมีโอกาสตั้งหลายครั้ง พวกเราก็กลับจากโตเกียวมาบ้านเกิดกันหลายครั้งแล้วจนถึงวันนี้ ตอนนั้นเขาก็น่าจะหาเวลาแวะกลับมาได้บ้าง
แต่ยามาโมโตะก็ไม่เคยทำ
“…สมัยก่อนน่ะ ตอนที่แม่แต่งงานใหม่ แล้วก็รู้ว่าท้องชิโฮะ พ่อกับแม่ดีใจกันมากเลยล่ะ”
ยามาโมโตะเริ่มเล่าเรื่องด้วยสายตาที่มองไปไกล
“ฉันพยายามอย่างสุดชีวิตที่จะปรับตัวให้เข้ากับมัน คนที่ไม่รู้จักกลายมาเป็นพ่อ แม่ก็เหมือนกลายเป็นคนที่ไม่รู้จัก พอคิดแบบนั้นแล้ว ฉันก็เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นครอบครัวของบ้านนี้รึเปล่า ตอนนั้นฉันสับสนไปหมด”
ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“ตอนนั้น ฉันที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ก็ร้องไห้ฟูมฟายแล้วก็ตะคอกใส่แม่ไปว่า อย่ามีลูกเลยนะ ใบหน้าของแม่ตอนนั้น ฉันยังจำได้ไม่ลืมเลย ไม่ได้โกรธ แต่เป็นใบหน้าที่ดูเศร้าสร้อย ท่านขอโทษแล้วก็เข้ามากอดฉันไว้ มันเป็นความรู้สึกที่น่าสมเพชมากเลยนะ ทำให้พ่อแม่ตัวเองต้องเสียใจ ฉันอยากจะทำอะไรกันแน่ หลังจากกลุ้มใจอยู่สามวันสามคืน ในที่สุดฉันก็เผชิญหน้ากับมันแล้วก็เข้าใจ ว่าฉันน่ะ อยากจะเป็นครอบครัวกับแม่”
“…อืม”
“แต่หลังจากนั้นไม่นานฉันก็เข้าใจได้อีกอย่างหนึ่ง ว่าการที่ท่านให้ที่อยู่อาศัย ให้เสื้อผ้าอาหาร ให้ความรักกับฉัน พวกเราก็เป็นครอบครัวกันอย่างสมบูรณ์แล้วไม่ใช่เหรอ… ฉันเข้าใจแล้ว”
ยามาโมโตะหัวเราะเยาะตัวเองเล็กน้อย
“การกระทำอันโง่เขลาของตัวเองที่ไม่เข้าใจเรื่องที่มันควรจะเข้าใจได้ และยังไปทำให้คนที่สำคัญต้องเสียใจ มันเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ ตั้งแต่นั้นมาแหละ ที่ฉันเลิกที่จะหนีปัญหา”
อาจเป็นเพราะเรื่องเล่าจบลงแล้ว ยามาโมโตะจึงเงียบไปครู่หนึ่ง
แล้วก็อีกครั้ง…
“เธอบอกว่าการที่ฉันไม่แวะกลับบ้าน ไม่ใช่เพราะการหนีปัญหาสินะ นั่นเป็นความจริง ในใจของฉันน่ะ ไม่ได้มีปมอะไรกับครอบครัวอีกแล้ว ทุกคนคือครอบครัวที่สำคัญของฉัน จริงๆ แล้วฉันก็อยากจะกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ถ้าอย่างนั้น ทำไม…?”
“เพราะว่าฉันยังไม่ได้ทำอะไรสำเร็จเลยสักอย่าง”
ใบหน้าของยามาโมโตะเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
“…ฉันออกมาจากบ้านด้วยความเอาแต่ใจของตัวเอง เริ่มใช้ชีวิตคนเดียวที่โตเกียว ทั้งๆ ที่ดึงดันทำตามใจตัวเองขนาดนั้น แล้วจะให้กลับมาบ้านบ่อยๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องไม่ใช่เหรอ เพราะฉันย้ายมาโตเกียวเพื่อทำในสิ่งที่อยากทำไม่ใช่รึไง? เพราะฉะนั้น จนกว่าจะมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ฉันก็ไม่อยากกลับมาบ้าน”
“…อะไรกันเนี่ย”
แค่เรื่องย้ายมาอยู่เมืองหลวงแค่นี้เนี่ยนะ ผู้ชายคนนี้…
เข้มงวดกับตัวเองอย่างไม่ธรรมดาจริงๆ
…แต่มันก็เป็นเหตุผลที่สมกับเป็นเขาจริงๆ
ใจดีกับคนอื่น เข้มงวดกับตัวเองอย่างผิดปกติ ไม่หนีปัญหา และแสดงให้เห็นถึงเจตจำนงอันแน่วแน่ที่จะบรรลุเป้าหมายให้ได้
มันเป็นเหตุผล… ที่สมกับเป็นเขาจริงๆ
“ชิโฮะจังคิดว่านายเกลียดเธออยู่ ไปแก้ความเข้าใจผิดซะด้วยล่ะ”
“…เข้าใจแล้ว”
ยามาโมโตะทำหน้าเหมือนจะถามว่า “ทำไมถึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้?” แต่เขาก็พยักหน้ายอมรับแต่โดยดี คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ
“ขอโทษนะ”
“หา?”
พอฉันขอโทษ ยามาโมโตะก็ส่งเสียงแปลกๆ ออกมา
“ก็นายบอกว่าไม่อยากกลับมาจนกว่าจะมีผลงานไม่ใช่เหรอ? แต่สุดท้าย ฉันก็ทำให้นายต้องกลับมามือเปล่า”
“ไม่ใช่การกลับมามือเปล่าซะหน่อยนี่ การกลับมาวันนี้”
“เอ๊ะ?”
“ก็มีเธออยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ”
…ตอนนี้ ฉันทำหน้าตาแบบไหนอยู่นะ
หน้าร้อนผ่าวไปหมดแล้ว
พูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาเลยนะ
…น่าอายชะมัด
“ถ้าพ่อกับแม่กลับมาแล้ว จะแนะนำให้รู้จักอย่างเป็นทางการเลยนะ ว่าเป็นเพื่อนคนสำคัญของฉัน”
“…ฝากตัวด้วยนะ”
MANGA DISCUSSION