ความทรงจำที่จำได้คือบนรถไฟ
ในรถไฟที่กำลังสั่นไหว ฉันยังคงรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปบ้านของยามาโมโตะ ส่วนยามาโมโตะก็คอยปลอบฉันที่กำลังตื่นเต้นด้วยท่าทางเอือมระอา แล้วเมื่อไหร่ไม่รู้ฉันก็เผลอหลับไป
“นี่ ฮายาชิ ตื่นได้แล้ว”
“อือ”
พอโดนยามาโมโตะปลุก ฉันก็ตื่นขึ้นมา
เพราะว่านั่งหลับบนเก้าอี้ ก็เลยรู้สึกปวดตัวนิดหน่อย
“เมื่อวานไม่ได้นอนดีๆ ล่ะสิ”
“ขอโทษๆ”
“ใกล้จะถึงแล้วนะ”
“อื้ม”
อีกไม่กี่นาทีต่อมา รถไฟก็มาถึงสถานีที่ใกล้บ้านของยามาโมโตะที่สุด
บ้านเกิดของพวกเราเป็นแอ่งกระทะ เพราะอย่างนั้นอุณหภูมิก็เลยสูงกว่าในเมืองนิดหน่อย ทั้งๆ ที่จะเข้าเดือนตุลาคมแล้ว แต่บรรยากาศก็ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนฤดูร้อนอยู่ ทำให้ฉันนึกถึงวัยเด็กขึ้นมาเล็กน้อย
“งั้นไปกันเถอะ”
“อื้ม… ว่าแต่ว่า ไม่มีคนมารับเหรอ”
“ไม่มี เดินกลับกัน”
“…อื้ม”
ฉันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่มีคนมารับ ถึงจะดูหน้าด้านไปหน่อย แต่ก็รู้สึกเบื่อที่จะต้องเดินไปอีกสักพักในอากาศที่ร้อนจนเหงื่อออกขนาดนี้
“บ้านนายอยู่ไกลจากที่นี่แค่ไหนเหรอ”
“ประมาณสิบห้านาที”
ถ้างั้นก็คงพอไหว
“แต่ว่า ระหว่างทางอยากจะแวะที่หนึ่งก่อน”
“ที่ไหนเหรอ”
“โรงเรียนกวดวิชา”
“โรงเรียนกวดวิชา?”
ฉันเอียงคอสงสัย
ยามาโมโตะคงจะไม่ได้ไปโรงเรียนกวดวิชาอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็คงจะเป็นเพราะมีครูที่รู้จักอยู่ที่โรงเรียนกวดวิชางั้นเหรอ?
…ไม่สิ ถ้าดูจากนิสัยของยามาโมโตะแล้วก็คงจะไม่ใช่
ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไมล่ะ
ฉันนึกขึ้นมาได้ว่ายามาโมโตะดูเหมือนจะมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง
บางที ยามาโมโตะคงจะไปรับน้องสาวที่กำลังขยันเรียนอยู่ที่โรงเรียนกวดวิชา แล้วค่อยแวะกลับบ้านล่ะมั้ง
“ว่าแต่ว่า น้องสาวของนายอายุกี่ขวบแล้วเหรอ อยู่มัธยมปลายแล้วรึยัง”
“ไม่ อยู่ประถม”
…เป็นพี่น้องที่อายุห่างกันมากเลยนะ
ถึงจะไม่ได้พูดออกไปก็เถอะ
“ปีนี้อยู่ป.5 ปีหน้าก็จะสอบเข้าม.1 แล้ว”
เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็เลยกำลังขยันเรียนอยู่ที่โรงเรียนกวดวิชา
คำพูดของยามาโมโตะสั้นกระชับและเข้าใจง่ายมาก
“อยู่ประถมก็ต้องไปโรงเรียนกวดวิชาแล้วเหรอ แถมยังต้องไปวันหยุดอีก เวลาว่างก็น้อยลง ไม่ชอบเลยนะ”
“อืม ฉันก็คิดเหมือนกัน”
“ฉันก็ด้วย… นายตอนอยู่ประถมไม่ได้ไปโรงเรียนกวดวิชาเหรอ”
“อืม ไม่เคยไปโรงเรียนกวดวิชาเลยสักครั้ง”
จริงด้วยสิ ยามาโมโตะตอนอยู่มัธยมปลายก็รักษาตำแหน่งที่หนึ่งของระดับชั้นมาได้ตลอด
สำหรับพ่อแม่แล้วก็คงจะคิดว่ายามาโมโตะคงจะไม่มีปัญหาเรื่องเรียน ก็เลยไม่ได้ให้ไปโรงเรียนกวดวิชาล่ะมั้ง
พวกเราคุยกันไปพลางเดินออกจากประตูตรวจตั๋วของสถานี
ลงบันไดเลื่อนไปที่ทางออกทิศเหนือ แล้วก็เริ่มเดินไปตามวงเวียน
“พ่อแม่ของฉันเป็นพวกปล่อยปละละเลยน่ะ ยัยนั่นบอกว่าอยากจะไปโรงเรียนกวดวิชา ก็เลยให้ไป ก็แค่นั้นแหละ”
“เหรอ อยากไปโรงเรียนกวดวิชาเองเลยเหรอ ขยันจังนะ”
จริงด้วยสิ ผู้ชายที่ชื่อยามาโมโตะก็เป็นคนที่ขยัน… ก็ไม่เชิง แต่เป็นคนที่ดื้อรั้นและมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ความดื้อรั้นนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนในครอบครัวยามาโมโตะมีเหมือนกันหมดเลยรึเปล่านะ
“น่าจะเป็นเพราะว่าเพื่อนสนิทของยัยนั่นไปเรียนที่นั่นมากกว่านะ”
“…เพื่อน”
“เธอตอนนี้คงจะคิดว่าได้ยินคำพูดที่ไม่น่าจะได้ยินจากปากของฉันล่ะสิ”
“อื้ม รู้ได้ไงเนี่ย”
“แกล้งทำเป็นปฏิเสธหน่อยสิ”
เสียงจักจั่นนอกฤดูร้องระงมอยู่ไกลๆ
พวกเราเดินไปตามถนนพลางได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถยนต์
“…อืม ก็อาจจะเป็นเพราะว่าโดนปล่อยปละละเลยก็เลยถูกเลี้ยงมาแบบเอาแต่ใจไปหน่อย แต่โดยรวมแล้วก็เป็นน้องสาวที่น่ารักนะ”
“เหรอ”
“อืม คาซาฮาระก็บอกว่าน่ารักเหมือนกัน เพราะงั้นก็คงจะไม่ผิดหรอก”
“เอ๊ะ อาคาริเคยไปบ้านนายด้วยเหรอ”
“…อ่า”
ใบหน้าของยามาโมโตะที่เดินอยู่ข้างๆ กลายเป็นใบหน้าที่ลำบากใจ
“ถ้าจะให้พูดให้ถูกก็คือไม่เคยมาหรอก แต่ว่ายัยนั่นเอาแต่บอกว่าอยากจะเจอน้องสาว ก็เลยจำใจพาไปเจอครั้งหนึ่ง”
“…เหรอ”
“ยัยนั่นก็ดูจะสนิทกับคาซาฮาระดีนะ เพราะงั้นพอฉันบอกว่าเลิกกันแล้ว ก็โดนร้องไห้โวยวายใส่แล้วก็บอกว่าเกลียดพี่ชายที่สุดเลย”
“เหรอ…”
“เป็นอะไรไป ตั้งแต่เมื่อกี้ดูแปลกๆ นะ”
“…ไม่รู้”
“เหรอ”
ยามาโมโตะตอบกลับมาด้วยปฏิกิริยาที่บางเบาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พวกเราก็เดินไปตามถนนต่ออีกสักพัก
MANGA DISCUSSION