ก่อนที่ยามาโมโตะจะกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น ฉันก็นึกขึ้นได้แล้วก็เริ่มทานอาหารเย็น
ขณะที่ตักข้าวเข้าปาก ฉันก็เหลือบมองใบหน้าของยามาโมโตะที่นั่งลงตรงข้าม ใบหน้าของเขาดูหงอยเหงาอย่างเห็นได้ชัด
“โทรศัพท์เป็นไงบ้าง”
ฉันแสร้งทำเป็นไม่สนใจ ก็แค่เห็นท่าทางของนายแล้วก็เลยสงสัยขึ้นมาเฉยๆ ฉันถามไปพลางทำท่าทางแบบนั้น
“อืม ก็ช่างมันเถอะน่า…”
ยามาโมโตะยังคงทำหน้าหงอยเหงา แล้วก็เริ่มค่อยๆ ตักข้าวเข้าปาก
ท่าทางของเขาในตอนนี้ไม่เหมือนกับคนที่พูดว่า “ช่างมันเถอะน่า” เลยสักนิด ดูเหมือนว่าคงจะโดนพูดอะไรบางอย่างมาตอนที่โทรกลับบ้านจริงๆ
แต่ว่าจะทำหน้าหงอยเหงาขนาดนี้เชียว
โดนพูดอะไรมากันแน่นะ?
“ทำหน้าแบบนั้นแล้วจะบอกว่าช่างมันเถอะน่าได้ยังไง”
“ถ้าไม่ใส่ใจก็จะช่วยได้มากเลย”
“ไม่เอา”
“ขอร้องล่ะ…”
ยามาโมโตะอ้อนวอน ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยากจริงๆ
…รู้สึกเหมือนโดนกระตุ้นสัญชาตญาณซาดิสม์เลยแฮะ
“ฉันไม่ได้ถามเพราะอยากจะแกล้งนะ”
“แล้วทำไมล่ะ”
“เพราะเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน…?”
พูดไปพลาง ฉันก็รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา
ต่อให้จะโดนกระตุ้นสัญชาตญาณซาดิสม์แล้วก็อยากจะเค้นให้ได้ว่ายามาโมโตะโดนพูดอะไรมา แต่ก็ไม่คิดว่าจะโดนสวนกลับมาแบบนี้
ไม่สิ จะว่าสวนกลับก็ไม่เชิง เรียกว่ายิงตัวตายจะดีกว่า
“…เหรอ”
“อุ อื้ม เพราะงั้นบอกมาเถอะน่า”
ยามาโมโตะดูเหมือนจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
เป็นเรื่องที่ไม่อยากจะพูดขนาดนั้นเลยเหรอ
ตอนแรกก็แค่อยากรู้เฉยๆ แต่พอมาถึงขั้นนี้แล้วก็อยากจะเค้นออกมาให้ได้
ยามาโมโตะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็เริ่มเล่า
“โดนบอกให้กลับบ้านน่ะ”
“…อื้ม แล้วไงต่อ”
“เอ๊ะ?”
“เอ๊ะ?”
พวกเรามองหน้ากันแล้วก็เอียงคอ
“กะ ก็แค่นั้นแหละ…”
“แค่นั้นเองเหรอ”
แล้วเมื่อกี้ยามะโมโตะก็เลยทำหน้าหงอยขนาดนั้นเลยเหรอ?
“…ขอยืนยันหน่อยนะ นายไม่ได้ทะเลาะกับพ่อแม่ใช่ไหม”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไง”
เป็นคำพูดที่เหมือนจะประชดฉันเล็กน้อย
“ถ้างั้น ก็ไม่เห็นจะต้องไม่อยากกลับบ้านขนาดนั้นเลยไม่ใช่เหรอ”
“…มันมีอะไรหลายอย่างน่ะ”
อะไรหลายอย่างคืออะไร?
อยากจะถามต่อ แต่ดูเหมือนว่าคงจะไม่ยอมพูดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
ฉันเงียบแล้วก็เริ่มทานอาหารเย็นต่อ
“…แล้วจะกลับไหม”
เพิ่งจะเริ่มทานได้ไม่นาน ฉันก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง
คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเขวไปบ้าง แต่สุดท้ายแล้วหมอนี่จะกลับบ้านรึเปล่านะ?
“ก็คงต้องกลับ”
“คงต้องกลับสินะ”
“…อืม เพราะโดนชิโฮะพูดใส่แล้วน่ะนะ…”
ปิ๊ก
คิ้วของฉันกระตุกเล็กน้อย บางทีอาจจะกระตุกเบาจนผู้ชายที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างยามาโมโตะไม่ทันสังเกตเห็นก็ได้
…ไม่อยากให้เข้าใจผิดนะ แต่นี่ไม่ใช่ความหึงหวง
เรื่องนั้นน่ะชัดเจนอยู่แล้ว
ฉันก็แค่โกรธที่หมอนี่เรียกชื่อผู้หญิงอย่างสนิทสนมก็เท่านั้นเอง
ก็แหม หมอนี่ยังเรียกฉันด้วยนามสกุลอยู่เลย แล้วก็ยังเรียกอาคาริที่เคยคบกันด้วยนามสกุลเหมือนกัน
แล้วหมอนี่… เรียกชื่อเล่นงั้นเหรอ?
แบบนี้มันเป็นเรื่องใหญ่เลยนะ
“…เหรอ แล้วเด็กที่ชื่อชิโฮะนั่นเป็นคนแบบไหนเหรอ”
“เอ๊ะ? …อ้อ เป็นเด็กที่น่ารักนะ แต่เสียอย่างเดียวคือดื้อไปหน่อย”
เด็กน่ารัก…!
…ไม่ใช่ความหึงหวง
นี่น่ะ ไม่ใช่ความหึงหวง
เรื่องนั้นน่ะชัดเจนอยู่แล้ว
“เหรอ… เป็นอะไรกันเหรอ”
“พี่น้องกัน”
…จริงด้วยสิ โทรศัพท์ของยามาโมโตะเมื่อกี้ ก็ดูไม่เหมือนคุยกับพ่อแม่
พี่ชายที่โดนน้องสาวที่น่ารักจนเกลียดไม่ลงบีบบังคับจนยอมแพ้ ท่าทีในการโทรศัพท์ของเขามันเป็นแบบนั้น…
…อืม?
ก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะนะ?
ก็คิดไว้อยู่แล้ว
แล้วก็นี่ไม่ใช่ความหึงหวงด้วย เรื่องนั้นน่ะชัดเจนอยู่แล้ว
…หึ อยากจะรู้จักกับความพ่ายแพ้ซะแล้วสิ
“สมกับเป็นนายจริงๆนะ น้องสาวต้องพึ่งพาได้แน่ๆ”
เพราะรู้สึกโล่งใจ ปากของฉันก็เลยเบาขึ้นมาทันที
ตรงกันข้ามกับฉัน ยามาโมโตะยังคงทำหน้าลำบากใจไม่เปลี่ยน
ต่อจากหึงอุปกรณ์ก็น้องสาวสินะ
MANGA DISCUSSION