ตอนที่ 216 – กวีพเนจร
“ฉันต้องใคร่ครวญอีกหน่อย” หลี่อีนั่วกล่าวอย่างสงบนิ่ง “ในฐานะคนของตระกูลหลี่ ฉันไม่ต้องการให้คนนอกมาสอดมือในกิจการของตระกูลเราเลย ฉันเชื่อว่าทุกคนในตระกูลหลี่ล้วนเป็นอย่างนี้ แต่ฉันจะใคร่ครวญข้อเสนอของคุณอย่างจริงจัง ในเจ็ดวันจะให้คำตอบกับคุณ”
“จะรอข่าวดีนะครับ” ชิ่งเหวินพูดจบก็หมุนตัวจากไป
หลี่อีนั่วมองแผ่นหลังของชิ่งเหวินเงียบ ๆ ไม่พูดจา
เดิมทีเธออยากจะปฏิเสธตรง ๆ แต่จู่ ๆ เธอก็คิดถึงศักดิ์ฐานะของชิ่งเฉิน……
หลี่อีนั่วพบกับชิ่งเฉินที่ป่า ข้อมูลที่หลี่ซูถงเปิดเผยต่อเธอมีเพียงข้อเดียว: ชิ่งเฉินเป็นนักเรียนของหลี่ซูถง ชิ่งเฉินสำเร็จด่านเป็นตายที่หนึ่งที่สถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 แล้ว
เธอเดาว่าชิ่งเฉินเป็นผู้ท้าชิงเงา เพราะว่าในเรือนจำหมายเลข 18 จู่ ๆ ปรากฏผู้ท้าชิงเงาคนหนึ่ง และหลี่ซูถงจู่ ๆ ก็รับนักเรียนที่แซ่ชิ่งมาคนหนึ่ง
นี่บังเอิญเกินไปแล้ว บนโลกไหนเลยจะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้น
คิดถึงตรงนี้ ในใจหลี่อีนั่วมีแผนการแล้ว เธออยากจะคลุกคลีกับผู้ท้าชิงเงาสักหน่อย ดูว่าสามารถช่วยเรื่องบางอย่างกับชิ่งเฉินได้หรือไม่
จากมุมมองด้านความสัมพันธ์ใกล้ชิดเหินห่าง ช่วยนักเรียนของอาเจ็ดดีกว่าช่วยผู้ท้าชิงคนอื่นเสมอ
ยิ่งไปกว่านั้นนางเคยติดต่อกับชิ่งเฉินแล้ว เด็กหนุ่มนั่นไม่ทำให้คนรู้สึกรังเกียจ
เวลานี้ เธอมองไปทางหลี่ถงอวิ๋นและหนานเกิงเฉินที่อยู่ข้างกายถามว่า “เธอสองคนเห็นว่าไง?”
หลี่ถงอวิ๋นเอ่ยอย่างเชื่อฟังว่า “เรื่องประเภทนี้พี่สาวตัดสินใจเองก็พอค่ะ”
หนานเกิงเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “อีนั่วคุณตัดสินใจเองก็พอ เรื่องประเภทนี้พวกเราก็ไม่เข้าใจ”
ก่อนทะลุมิติครั้งนี้ ชิ่งเฉินจัดประชุมเล็กกับทั้งสองคนแล้ว ตัดสินแนวคิดหลักในลำดับถัดไป:
หลี่อีนั่วดีต่อหลี่ถงอวิ๋นกับหนานเกิงเฉินด้วยใจจริง ดังนั้นไม่สามารถใช้เธอ ให้เธอเอาตัวเข้าเสี่ยง
อนาคตจะต้องมีผู้ท้าชิงเงามาหาหลี่อีนั่ว แต่ไม่ว่าจะตัดสินใจอะไรล้วนให้หลี่อีนั่วทำเอาเอง ส่วนหลี่ถงอวิ๋นและหนานเกิงเฉินเพียงต้องส่งต่อข่าวสารให้ชิ่งเฉินก็พอแล้ว
อีกอย่าง ในสถานการณ์ที่ไม่ให้หลี่อีนั่วเอาตัวเข้าเสี่ยง หลี่ถงอวิ๋นและหนานเกิงเฉินก็สามารถทำเรื่องมากมายได้เช่นกัน
หลี่อีนั่วคิดแล้วกล่าวว่า “ฉันตัดสินใจจะเสาะหาผู้ท้าชิงเงาสักคนมาร่วมมือ ชิ่งเหวินมีประโยคหนึ่งที่พูดได้ถูกต้องมาก อย่างนี้อย่างน้อยจะไม่ทำให้ฉันเพิ่มศัตรูอีกคน”
หนานเกิงเฉินมองหลี่อีนั่วกล่าวว่า “ผมกำลังคิดถึงปัญหาข้อหนึ่ง ในเมื่อชิ่งเหวินสามารถมาหาคุณ งั้นผู้ท้าชิงเงาคนอื่นก็สามารถไปหาคนอื่น คุณสามารถไม่ต้องการแรงสนับสนุนภายนอก แต่อย่างน้อยที่สุดคุณต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าคนอื่นมีแรงสนับสนุนภายนอกอะไรหรือไม่ ตรวจสอบให้ชัดเจนว่าผู้ท้าชิงคนไหนกำลังช่วยเหลือคนตระกูลหลี่คนไหน รู้เขารู้เราอย่างนี้จึงจะสามารถรบร้อยชนะร้อย”
หลี่อีนั่วมองไปทางหนานเกิงเฉิน “เบบี๋วันนี้จู่ ๆ ฉลาดขึ้นมาแล้วนะ”
“พอไหวครับ พอไหว” หนานเกิงเฉินเอ่ยอย่างถ่อมตัว ถึงแม้ว่านี่ล้วนเป็นสิ่งที่ชิ่งเฉินสอนเขามา
หลี่ถงอวิ๋นที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวว่า “อีกอย่างนะคะพี่อีนั่ว ถ้าพี่รับปากชิ่งเหวินว่าจะร่วมมือกับเขาจริง ๆ ก็ไม่ต้องร่วมมือกับแค่เขานะคะ เก็บความลับไว้ดี ๆ พี่ถึงขนาดสามารถให้ผู้ท้าชิงเงาเจ็ดคนสนับสนุนพี่ให้หมดได้เลย……”
หลี่อีนั่วดวงตาเป็นประกาย “เธอสองคนวันนี้เป็นไรเนี่ย แต่ละคนช่างสมองฉับไหว”
หลี่ถงอวิ๋นกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “ปกติพี่สาวสอนมาดีไงคะ”
นี่ก็คือแนวคิดหลักข้อที่สองที่ชิ่งเฉินอธิบายต่อหลี่ถงอวิ๋นกับหนานเกิงเฉิน:
ถ้าหลี่อีนั่วตัดสินใจจะจับมือกับผู้ท้าชิงเงา งั้นก็มอบข้อเสนอแนะที่สมเหตุสมผลให้กับเธอสักหน่อย
เขาต้องเข้าร่วมสังเวียนแห่งเงา หลี่อีนั่วต้องเข้าร่วมสังเวียนแห่งตระกูลหลี่ เขาช่วยหลี่อีนั่วออกอุบาย หลี่อีนั่วช่วยให้เขาได้รับข้อมูลของผู้ท้าชิงเงาที่ชัดเจน
อย่างนี้ ผลประโยชน์ของเขากับหลี่อีนั่วจะสอดคล้องกัน ทุกคนล้วนไม่ต้องรู้สึกลำบาก
……
……
เช้าวันที่สอง ชิ่งเฉินเปิดตู้เสื้อผ้าของตนเอง ค้นพบด้วยความตื่นตะลึงว่าข้างในล้วนเป็นชุดกีฬาสีขาวล้วน ๆ ยังมีรองเท้ากีฬาสีขาว เขางุนงง นี่น่าจะเป็นสิ่งที่หลี่ซูถงซื้อมาให้เขาทั้งหมด แต่ทำไมสีมันมีสีเดียวอย่างนี้?
ในห้อง เสียงของหนึ่งดังขึ้นมาว่า “ฉันว่าคุณสวมตัวที่สามจากทางซ้ายจะดีหน่อย”
“มีความแตกต่างอะไรเหรอ? ไม่ใช่ชุดกีฬาหมดเลยเหรอ?” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างงุนงง
“ตัวที่สามทางซ้ายเหมาะกับรูปร่างคุณกว่า ไม่ได้หลวมเกินจนดูเหยาะแหยะ แล้วก็ไม่ได้ฟิตเกินจงใจโชว์กล้าม จงใจโชว์กล้ามจะทำให้คนกลายเป็นมันเยิ้ม สูญเสียความรู้สึกหนุ่มสาว” หนึ่งกล่าว
“เดี๋ยวนะ ถึงที่คุณพูดจะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่ทำไมคุณต้องแคร์ว่าผมจะสวมชุดอะไรด้วยล่ะ” ชิ่งเฉินไม่ปลื้ม
“เพราะวันนี้คุณต้องไปพบหน้าเพื่อนทางเน็ตแทนฉันไง ตามเงื่อนไขข้อตกลง คุณย่อมต้องทำให้เจ้านายพึงพอใจ” หนึ่งกล่าวอย่างจริงจัง “ต้องทราบว่า คุณไปเป็นตัวแทนฉัน ก็ไปเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ฉัน คุณได้โปรดมีสปิริตมืออาชีพหน่อย”
ชิ่งเฉินหยิบชุดกีฬาตัวที่สามทางซ้ายออกมาเปลี่ยนด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ตอนที่เปลี่ยนจู่ ๆ เขารู้สึกอิหลักอิเหลื่อขึ้นมา
จนกระทั่งเขาเดินไปที่ห้องน้ำซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่มีกล้องจึงรู้สึกว่าตนเองผ่อนคลายลง
ในบ้านก็ไม่ได้จงใจติดตั้งกล้อง ทว่าในยุคสมัยปัจจุบันนี้ โทรทัศน์, คอมพิวเตอร์ ล้วนมีฟังก์ชั่นส่งข้อความทันทีแบบฮอโลแกรม และหนึ่งสามารถมองเห็นเขาผ่านกล้องพวกนี้
ต้องทราบว่า หนึ่งเป็นผู้หญิง ถึงอีกฝ่ายจะเป็นสิ่งมีชีวิตจักรกล นั่นก็ไม่สามารถเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าผู้หญิง
คิดถึงตรงนี้ ชิ่งเฉินพูดออกไปข้างนอกว่า “คุณสามารถปิดกล้องในเวลาปกติได้รึเปล่า ให้ผมมีความเป็นส่วนตัวหน่อย?”
หนึ่งคิดแล้วกล่าวว่า “เห็นไปหมดแล้วล่ะ คุณก็น่าจะรู้ว่าสกิลความทรงจำของฉันไม่ด้อยกว่าคุณ”
ชิ่งเฉิน “……”
“ยังมี ฉันรู้สึกว่าตอนที่คุณเผชิญหน้ากับฉันไม่ต้องมีความรู้สึกอับอายพิลึก ๆ ประเภทนี้เลย ฉันเป็นเอไอนะ!”
“ตอนนี้คิดได้ว่าคุณเป็นเอไอแล้ว? เรื่องที่คุณทำ อันไหนที่เป็นสิ่งที่เอไอควรจะทำบ้าง?”
ชิ่งเฉินเปลี่ยนชุดเสร็จออกจากห้อง ตอนที่เดินเข้าลิฟต์ยังมีสามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังพูดคุยกัน “เมื่อวานตอนกลับบ้านคุณเห็นรถลอยฟ้ารึเปล่า? ที่นั่นถึงกับมีรถลอยฟ้าเพิ่มมาคันหนึ่ง ก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นที่มอเตอร์โชว์ ว่ากันว่าราคาแปดเก้าล้าน ก็ไม่รู้ว่าคนที่ขับรถประเภทนี้ทำไมมาอยู่ที่นี่ของเราได้”
ชิ่งเฉินฟังบทสนทนาของพวกเขาเงียบงันไม่ส่งเสียง
ตอนที่ประตูลิฟต์จวนจะปิด นอกประตูมีเสียงเด็กสาวผมเงินเจิ้งอี้ดังขึ้นมาว่า “รอเดี๋ยวค่ะ รอเดี๋ยว!”
เด็กสาวยังรีบเร่งเหมือนเคย สะพายกระเป๋าใบเล็กเหมือนเคย ผมยุ่งเหมือนเคย ราวกับทุกสิ่งล้วนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เพียงแต่ สามีภรรยาที่อยู่ในลิฟต์เห็นเธอก็ถามอย่างประหลาดใจว่า “คุณคือนักเรียนที่อยู่ในขบวนเดินขบวนวันนั้น ในรายงานข่าวของสำนักข่าวซีวั่งมีรูปคุณ”
ผมสีเงินทั้งศีรษะของเจิ้งอี้สะดุดตาอยู่บ้าง ถูกคนจดจำออกทันทีเลย
ก่อนหน้านี้ยางยางเคยพูดกับชิ่งเฉินว่า เส้นผมนั่นไม่ใช่เด็กสาวไปย้อมเอง ทว่าเป็นความผิดปกติทางพันธุกรรมแต่กำเนิด
เด็กสาวมองสองสามีภรรยาในลิฟต์ ก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไร
สองสามีภรรยาเห็นเธอไม่พูดไม่จาจึงเอ่ยอย่างอยากรู้ว่า “มีคนบอกว่าหลังจากนี้พวกคุณยังจะจัดนัดหยุดงานหยุดเรียน มีเรื่องนี้ไหม?”
ครั้งนี้เจิ้งอี้อธิบายอย่างจริงจังว่า “ไม่มีค่ะ วันนั้นมี สส.บอกว่าอยากเสนอข้อเรียกร้องแทนพวกเรา ดังนั้นตอนนี้พวกเราก็รอผลลัพธ์ของการปฏิรูปการศึกษาอยู่ ไม่ได้คิดจะขยายเหตุการณ์อย่างมืดบอดเลย”
“โอ้ ดีเลย” ผู้ชายกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ทุกคนล้วนกินข้าวไม่พอ อย่าอยู่ว่างไม่มีอะไรทำก็ไปนัดหยุดงานเลย”
เจิ้งอี้เม้มริมฝีปากไม่พูด แล้วก็ไม่คิดจะโต้แย้ง
เธอมองชิ่งเฉิน วันนั้นเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้ไปเข้าร่วมการเดินขบวนตั้งแต่ต้นจนจบ
วันนี้ชิ่งเฉินไม่ได้วางแผนจะไปโรงเรียน ทว่าขึ้นลิฟต์มาที่โรงจอดรถชั้น 67 ตรง ๆ เข้าไปนั่งในรถลอยฟ้า
ในรถลอยฟ้า หนึ่งอธิบายเป็นพิเศษว่า “จำไว้นะ ตอนนี้คุณไม่ได้เป็นนักเรียนม.ปลายปีสามคนหนึ่งอีกแล้ว ทว่าเป็นกวีพเนจรที่หลังจบม.ต้นก็ดรอปเรียนคนหนึ่ง”
ชิ่งเฉินบ่นในใจ เอไอยังจะสร้างตัวตนปลอมมให้ตัวเองทางอินเทอร์เน็ตอีกเหรอ?
“จุดนัดพบอยู่ที่ไหน?” ชิ่งเฉินถาม
“เขตที่สี่ ร้านกาแฟอวิ๋นจี๋” หนึ่งตอบ
“แต่ผมมีคำถามข้อหนึ่ง กวีก็กวี ทำไมเป็นกวีพเนจรล่ะ?” ชิ่งเฉินสงสัย “เมืองหมายเลข 18 นี่ไม่มีวีซ่าทำงานมันเข้าออกตามใจชอบยากมาก คุณจะพเนจรไปได้ถึงที่ไหนกัน?”
“ฉันพเนจรจากเขตที่หนึ่งถึงเขตที่เก้า มีไรปะ?” หนึ่งกล่าว
รถลอยฟ้าแล่นบนฟ้าเหนือเมือง ตอนที่ผ่านอาคารที่สูงตระหง่านก็เสมือนกับการเดินท่องผ่านต้นไม้ใหญ่สูงเสียดฟ้าขนาดมหึมา
ตอนที่รถค่อย ๆ ลงจอดเหนือร้านกาแฟอวิ๋นจี๋ ชิ่งเฉินจู่ ๆ มองลงไปข้างล่าง “เดี๋ยวนะ ที่ประตูร้านกาแฟอวิ๋นจี๋ทำไมมีรถลอยฟ้าของตระกูลชิ่งเจ็ดคันจอดอยู่ล่ะ?”
กลับเห็นว่าบนรถลอยฟ้าสีดำเจ็ดคันนั้นล้วนติดสัญลักษณ์ใบแปะก๊วยสีขาวของตระกูลชิ่งเอาไว้……
จนกระทั่งถึงเวลานี้ หนึ่งจึงกล่าวว่า “อืม คู่นัดหมายที่มาพบครั้งนี้แซ่ชิ่ง ชื่อชิ่งซือ”
ชิ่งซือ? ชิ่งซือที่เป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงเงา?!
“คุณรอก่อนนะ” ชิ่งเฉินเอามือปิดหน้าผาก เขาเรียบเรียงความคิดอย่างรวดเร็ว
เมื่อวานหนึ่งเคยเผยรายละเอียดมาหนึ่งอย่าง: หนึ่งกับอีกฝ่ายเดิมคุยกันทางไกล เด็กสาวสองคน คนหนึ่งอยู่เมืองหมายเลข 1 คนหนึ่งอยู่เมืองหมายเลข 10 เดิมทีทุกคนอาจจะไม่ได้พบกันไปชั่วชีวิต แต่เด็กสาวสองคนกลับจู่ ๆ ก็มาที่เมืองหมายเลข 18
จริงสิ ระหว่างเมืองสหพันธรัฐคบหากันง่ายขนาดนั้นที่ไหน แค่ป่าก็มีอันตรายมากมายแล้ว หนทางก็เดินทางยาก ออกจากเมืองยังต้องมีวีซ่า
ดังนั้นเด็กสาวที่สามารถมาพบกันถึงต่างถิ่นอย่างกะทันหันย่อมมีศักดิ์ฐานะ
ยิ่งไปกว่านั้นในจังหวะสำคัญของศึกตระกูลหลี่, สังเวียนแห่งเงา เด็กสาวที่จู่ ๆ มายังเมืองหมายเลข 18 ย่อมเป็นไปได้มากว่าจะเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง!
ชิ่งเฉินถามด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “ให้ผมเดานะ เด็กสาวอีกคนน่าจะแซ่หลี่ใช่ปะ?”
หนึ่งอุทานชมเชยจากก้นบึ้งจิตใจว่า “ชิ่งเฉิน คุณเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่มีปฏิกิริยาเร็วที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมาจริง ๆ ยินดีด้วยที่คุณตอบถูก อีกคนแซ่หลี่จริง ๆ นั่นล่ะ”
ชิ่งเฉิน “……”
…………………………………………….
ตอนที่ 217 – เงินส่วนตัวของหนึ่ง
MANGA DISCUSSION