ตอนที่ 211 – ขุดหลุมพรางให้พวกผู้ท้าชิง
ชิ่งเฉินไม่รู้ว่าสังเวียนแห่งเงาในอดีตมีภารกิจอะไรบ้าง เขาแค่รู้สึกว่าผู้ท้าชิงทั้งหมดจู่ ๆ เดินทางมายังเมืองหมายเลข 18 มันไม่ปกติเกินไป
ตามข้อมูลที่เขาทำความเข้าใจมา สายเลือดตระกูลชิ่งทั้งหมดกระจายอยู่ในเมือง 9 แห่ง ระหว่างฝักฝ่ายมีการต่อสู้วางอุบายใส่กันและกัน น้อยมากจะรวมตัวกัน
มีเพียงการประชุมใหญ่ของตระกูลสี่ปีครั้ง คนทั้งหมดจึงจะชุมนุมกันที่เมืองหมายเลข 5…… ค่ายใหญ่ของตระกูลชิ่ง
ดูจาก ณ ตอนนี้ นักท่องเวลาหลี่ซื่อคนนี้น่าจะเป็นบุคคลที่สามารถเกาะเกี่ยวตระกูลชิ่งได้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ใส่ใจสังเวียนแห่งเงาขนาดนี้
หลี่ซื่อถามในกลุ่มแชตว่า “ผู้ท้าชิงชุมนุมกันที่เมืองหมายเลข 18 มันเกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่เหรอ? เพราะอะไร?”
ฉ่วงหวางกล่าวว่า “พวกคุณไม่รู้เหรอ ท่านผู้เฒ่าคนนั้นของตระกูลหลี่ชีวิตไม่ยืนยาวแล้ว คฤหาสถ์ป้านซานเขตที่ 1 ที่อีกฝ่ายพำนักในสองเดือนที่ผ่านมาประกาศกฎอัยการศึกกะทันหันมา 3 ครั้งแล้ว ขณะนี้มีทีมแพทย์ประจำอยู่ที่คฤหาสถ์แล้ว ดูจากเบาะแสต่าง ๆ นานา ตระกูลหลี่กำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาวุ่นวาย”
ฉ่วงหวางกล่าวต่อว่า “ตอนที่อำนาจของกลุ่มการเงินประเภทนี้เปลี่ยนผ่านจะปรากฏปัญหาต่าง ๆ นานาเสมอ ตระกูลชิ่งมีเก้ามังกรชิงบัลลังก์ ตระกูลหลี่ก็ย่อมจะมี ปัจจุบันผู้ที่มีความหวังจะยึดครองตระกูลหลี่ที่สุดน่าจะเป็นบ้านใหญ่ตระกูลหลี่ แต่ผมเชื่อว่าคนอื่น ๆ ของตระกูลหลี่ก็จะไม่วางมือรอความตาย”
“แต่เรื่องของตระกูลหลี่ ผู้ท้าชิงเงาตระกูลชิ่งทำไมต้องไปเข้าร่วมความครึกครื้นด้วย?” หลี่ซื่อยังคงไม่เข้าใจ
“สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของเงาตระกูลชิ่งจากรุ่นสู่รุ่นก็คือวิธีการที่ไม่อาจพบเห็นแสงสว่างชนิดต่าง ๆ” ฉ่วงหวางอธิบาย “คุณนึกว่าการไม่อาจเห็นแสงสว่างชนิดนี้ก็คือวิ่งลงถนนเอาก้อนอิฐทุบคนเหรอ? ย่อมไม่ใช่ การไม่อาจพบเห็นแสงสว่างที่ว่านี้ก็คือการแทรกซึมจารชน, ประสานแนวดิ่งพันธมิตรแนวนอน*, สามารถกล่าวได้ว่าเรื่องภายนอกทั้งหมดล้วนอยู่ในกำมือเงา ดังนั้น ผมระแวงว่าภารกิจรอบที่สองนี้ของตระกูลชิ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนถ่ายอำนาจตระกูลหลี่ ไม่แน่ว่าจะเป็นการให้พวกเขาเลือกคนสกุลหลี่หนึ่งคนมาสนับสนุนลับ ๆ? อย่างนี้ ตระกูลหลี่เปลี่ยนมือแล้ว เงารุ่นถัดไปของตระกูลชิ่งก็สามารถรักษาสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตระกูลหลี่ได้ ฮา ๆ ผมพูดอย่างนี้ พวกคุณก็ฟังเล่น ๆ ได้”
ชิ่งเฉินขบคิด การคาดเดาของฉ่วงหวางนี้เหมือนจะเป็นเรื่องเป็นราวทีเดียว
เวลานี้ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือในมือหนานเกิงเฉินมาส่งข้อความลงกลุ่ม
เป็ดน้อยตัวหนึ่ง “ได้ยินว่าภารกิจรอบที่หนึ่งของสังเวียนแห่งเงาคือทุกคนจะต้องหยิบวัตถุต้องห้ามหนึ่งชิ้นได้สำเร็จ? เป็นงั้นไหม?”
ฉ่วงหวางตอบอย่างร่าเริงว่า “ข่าวสารของพี่น้องเป็ดน้อยคนนี้ค่อนข้างฉับไวเลยนะ ไม่ผิด เป็นอย่างนี้เลย ก่อนหน้านี้ชิ่งไฮวเข้าสถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 ก็เพราะว่าในภารกิจคือต้องได้วัตถุต้องห้ามชิ้นหนึ่งที่ชื่อว่างูเจ้าเล่ห์ ACE-003”
ชิ่งเฉินพิมพ์ช้า ๆ กล่าวว่า “หรือก็คือ บนตัวผู้ท้าชิงเงาทุกคนจะต้องมีวัตถุต้องห้ามหนึ่งชิ้น งั้นไม่ใช่ว่าพวกเราลงมือปล้นพวกเขาก็จะสามารถฉวยวัตถุต้องห้ามบนตัวพวกเขาได้เหรอ? งั้น พวกเราร่วมมือกันเป็นไง วัตถุต้องห้ามทุกชิ้นมีประโยชน์ที่ทรงพลังเป็นพิเศษเลย เป็นต้นทุนในการรักษาเนื้อรักษาตัวที่โลกภายใน”
หนานเกิงเฉินเป็นผู้ที่รู้ศักดิ์ฐานะผู้ท้าชิงเงาของชิ่งเฉิน เขาอ่านข้อความบรรทัดนี้ของชิ่งเฉินอยู่ด้านข้าง ก็ซูฮกทันที!
พี่เฉินนี่อยากชิงวัตถุต้องห้ามที่ไหน เห็นชัด ๆ ว่าอยากกระตุ้นความปรารถนาที่จะแย่งชิงวัตถุต้องห้ามของคนอื่น จากนั้นปูเส้นทางสังเวียนแห่งเงาให้ตนเองสักหน่อย!
นี่จึงเป็นเป้าหมายที่พี่เฉินแทรกเข้าแชตกะทันหัน!
ครั้งก่อนอ้าปากขุดหลุมพรางใส่ผู้ถือครองแสตมป์มารร้าย
ครั้งนี้อ้าปากขุดหลุมพรางใส่พวกผู้ท้าชิงเงา
ชิ่งเฉินไม่ใช่กำลังขุดหลุมพรางใส่คนก็กำลังอยู่บนเส้นทางจะไปขุดหลุมพรางใส่คน
ในกลุ่มแชตจู่ ๆ เงียบกริบ ทุกคนเหมือนจะกำลังครุ่นคิดเรื่องเกี่ยวกับววัตถุต้องห้ามอย่างถี่ถ้วน
ตอนที่ชิ่งเฉินกำลังคิดว่าถัดไปควรจะคุมห้วข้อแชตอย่างไร ฉ่วงหวางกลับเอ่ยสนับสนุนกะทันหันว่า “ฮี่ ๆ เกี่ยวกับข้อเสนอของพี่น้องเป็ดน้อย ผมคิดอย่างจริงจังแล้วก็ไม่ใช่ไม่ได้นะ อย่างน้อยผมสามารถแจ้งข้อมูลได้สองอย่างคือ พวกผู้ท้าชิงเงาที่ไปยังเมืองหมายเลข 18 ครั้งนี้ อย่างน้อยที่สุดมีสามคนที่ไร้รากฐานสักนิดที่เมืองหมายเลข 18”
“อีกอย่าง ปัญหาอยู่ที่พวกเขาเข้าร่วมสังเวียนแห่งเงา ย่อมต้องเข่นฆ่ากันและกัน ส่วนพวกเราเหล่านักท่องเวลาย่อมสามารถนั่งบนภูดูพยัคฆ์สู้กัน ขอเตือนอย่างเป็นมิตรว่า ว่ากันว่าบนตัวผู้ท้าชิงเงาสักคนมีวัตถุต้องห้ามสองชิ้น”
คำพูดสองประโยคนี้ของฉ่วงหวางปลุกเร้าอารมณ์ของทุกคนในกลุ่มอย่างไร้ข้อกังขา
วัตถุต้องห้าม
คนมากมายได้ลิ้มรสความแปลกประหลาดของวัตถุต้องห้ามมาแล้วเหมือนกัน ตัวอย่างเช่นวัตถุต้องห้ามประเภทฟังก์ชันอย่างแสตมป์มารร้าย ถึงจะไม่มีความสามารถสนับสนุนการต่อสู้อันทรงพลัง แต่ก็เร้นลับเหมือนกัน
สิ่งของประเภทนี้ สำหรับนักท่องเวลาที่เพิ่งจะได้สัมผัสเรียนรู้ความเร้นลับ มีแรงดึงดูดอันยากจะต้านทาน
ชิ่งเฉินส่งข้อความว่า “แต่ผมคิดว่ายังไงปลอดภัยไว้ก่อนเถอะ ทุกคนร่วมมือกันจะดีกว่า”
กลับเห็นลู่ยาส่งข้อความในกลุ่มว่า “เรื่องร่วมมือไม่จำเป็น ต่างคนต่างอาศัยความสามารถส่วนตัวเถอะ”
ชิ่งเฉินถอนหายใจโล่งอก มีคนฮุบเบ็ดก็พอ ส่วนการร่วมมือไม่ร่วมมืออะไรนั่น เขาก็ไม่มีทางร่วมมือกับคนแปลกหน้าพวกนี้
ขอเพียงสร้างศัตรูให้ผู้ท้าชิงเงาคนอื่นบ้างก็พอ
เขาเงยหน้าขึ้น กลับค้นพบว่าหลี่ถงอวิ๋นและหนานเกิงเฉินสองคนกำลังมองตนเองอย่างว่างเปล่า
“พี่ชิ่งเฉิน พี่ก็ใจร้ายเกินไปนะคะ” เด็กหญิงกล่าว
ชิ่งเฉินค้นพบรายละเอียดหนึ่งได้อย่างเฉียบคม หลี่ถงอวิ๋นพูดว่าเขาใจร้ายเกินไปแล้ว
ถ้าเป็นคนนอก คนที่ไม่รู้ว่าศักดิ์ฐานะผู้ท้าชิงเงาของเขา เห็นบันทึกการแชตนี้อย่างมากที่สุดก็จะนึกว่าเขาละโมบต่อวัตถุต้องห้าม มีเพียงคนที่รู้ศักดิ์ฐานะของเขาจึงรู้ว่าเขาวางแผนจะขับสุนัขป่ากลืนกินพยัคฆ์!
ชิ่งเฉินมองไปทางหลี่ถงอวิ๋นอย่างครุ่นคิด กลับเห็นเด็กหญิงจู่ ๆ ปิดปากตัวเอง “โอ๊ย โป๊ะแตก”
“เธอยืนยันศักดิ์ฐานะของฉันได้เมื่อไหร่? ใช้เบาะแสอะไร?” ชิ่งเฉินอยากรู้
หลี่ถงอวิ๋นเอ่ยอย่างเชื่อฟังว่า “ไม่ต้องใช้เบาะแสอะไรหรอกค่ะ หนูคิดว่า ถ้าเบื้องหลังเรื่องพวกนี้จะต้องมีคนควบคุมเงียบ ๆ งั้นก็จะต้องเป็นพี่ ก็มีแค่พี่ชิ่งเฉินที่มีความสามารถนี้ ดังนั้น หนูมั่นใจศักดิ์ฐานะของพี่ก่อนหน้านี้ตั้งนานแล้ว พี่ชิ่งเฉินร้ายกาจที่สุด!”
ชิ่งเฉินตะลึงงัน คนมากมายล้วนเสาะหาเบาะแสมาพยายามขุดศักดิ์ฐานะแท้จริงของเขาออกมา แต่ทว่าหลี่ถงอวิ๋นกลับใช้ความเชื่อมั่นและบูชาอย่างไร้เงื่อนไขสักนิดมาระบุศักดิ์ฐานะของเขาตรง ๆ
กลับได้ยินชิ่งเฉินกล่าวกับเขาว่า “เสี่ยวหนาน ในเมื่อตอนนี้พวกนายสองคนเปิดเผยตัวตนของกันและกันแล้ว งั้นหลังจากนี้ก็เป็นพาร์ตเนอร์กันที่โลกภายในนะ ช่วยเหลือกันสุดความสามารถ มีเรื่องอะไรที่ตัดสินใจไม่ได้ก็สามารถถาม ๆ เสี่ยวถงอวิ๋นมาก ๆ……”
หนานเกิงเฉินอยู่ด้านข้างยิ่งฟังยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง……
ชิ่งเฉินมองไปทางหลี่ถงอวิ๋น “ท่านผู้เฒ่าคนนั้นของตระกูลหลี่ สถานการณ์ไม่ดีมากจริง ๆ เหรอ?”
“อืม” หลี่ถงอวิ๋นพยักหน้า “สามวันก่อนหนูเคยไปดูเขา ตอนนั้นสติชัมปชัญญะของเขายังไม่เลว แต่หนูได้ยินข้ารับใช้ของคฤหาสถ์ป้านซานพูดว่า ก่อนหน้านี้เขาเคยหมดสติไป ลำบากมากเลยถึงช่วยชีวิตกลับมาได้ หลายวันนี้ ในคฤหาสถ์ป้านซานมีคนเข้า ๆ ออก ๆ ตลอด สมาชิกตระกูลหลี่ที่อยู่ในกองพลสหพันธรัฐก็ถูกเรียกตัวเดี่ยว ๆ มาทีละคน น่าจะเป็นคุณปู่หลี่จัดแจงเรื่องข้างหลังน่ะค่ะ ข้ารับใช้พูดว่าถึงตอนนี้เขายังกำลมหายใจไว้หนึ่งเฮือกก็เพราะว่าเรื่องราวยังจัดการไม่แล้วเสร็จ”
“งั้นตอนนี้คนที่มีหวังยึดครองสิทธิ์ขาดที่สุดที่ตระกูลหลี่เป็นใคร?” ชิ่งเฉินถาม
“ตอนประชุมภายในหนูได้ยินแค่บางส่วน ได้แต่นั่งอยู่ในมุมอย่างเชื่อฟัง สังเกตสีหน้ากับรายละเอียดของทุก ๆ คนไม่ได้” หลี่ถงอวิ๋นกล่าว “ดูตอนนี้ คนที่มั่นอกมั่นใจที่สุดในที่ประชุมยังคงเป็นบ้านใหญ่ตระกูลหลี่ เหมือนกับชัยชนะอยู่ในกำมือแล้ว แต่หนูรู้สึกว่าไม่ได้เรียบง่ายขนาดนี้ สุนัขที่กัดคนไม่เห่า พ่อบ้านชราคนนั้นของหนูบอกว่าเมืองหมายเลข 18 จะไม่สงบสุขเกินไป ต่อไปจะมีคนตายมากมาย”
ชิ่งเฉินพยักหน้า ผู้นำตระกูลกลุ่มการเงินในโลกภายในไม่ต่างจากจักรพรรดิ ในประวัติศาสตร์มีดินแดนกี่แห่งที่สามารถเปลี่ยนผ่านได้อย่างสันติ?
ดังนั้น สิ่งที่พ่อบ้านชราพูดไม่ผิดเลย ถัดจากนี้เมืองหมายเลข 18 จะมีคนตายมากมาย
บนโลกมีคนจำนวนมากนึกว่า สังเวียนแห่งเงาของตระกูลชิ่งเป็นกระบวนการที่โหดร้ายมาก แล้วก็โง่เขลามาก
ถึงอย่างไรสังเวียนแห่งเงาสิบกว่าปีครั้งจะพลีชีพผู้โดดเด่นรุ่นเยาว์ในตระกูลหลายคนเสมอ ดังนั้นระบบนี้ดูแล้วเหมือนกับเป็นการเอามีดจ้วงแทงตัวเอง
แต่หลังจากทำความเข้าใจกลุ่มการเงินเหล่านี้อย่างจริงจังแล้ว ชิ่งเฉินจู่ ๆ ตระหนักว่า อันที่จริงสังเวียนแห่งเงาเป็นระบบที่ชาญฉลาดมาก เพราะว่ามันใช้กระบวนการที่ยาวนานเป็นพิเศษถ่ายโอนอำนาจให้เสร็จสิ้นก่อนที่สถานการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดจะปะทุขึ้น
อีกอย่าง ระบบสังเวียนแห่งเงาก็จะคัดเลือกผู้สืบทอดที่โหดสุด ฉลาดสุด แกร่งสุด ให้กับตระกูล
ถึงแม้ว่าผู้ท้าชิดฃงเริ่มแรกจะเป็นคนจิตใจดี เมื่อเดินผ่านกระบวนการนี้ไปแล้วก็คงยากมากที่จะรักษาความจิตใจดีเอาไว้
ระบบชนิดนี้สำหรับผู้ท้าชิงแล้วโหดเหี้ยม แต่มีประโยชน์ต่อตระกูล
ที่องค์กรขนาดมหึมาอย่างกลุ่มการเงินสามารถยืนหยัดที่สหพันธรัฐได้นานขนาดนั้น สิ่งที่จำเป็นไม่ใช่ความจิตใจดี ทว่าเป็นความโหดร้ายและสติปัญญา
มาถึงตอนนี้ ชิ่งเฉินจึงมองไปทางเวลาบนแขนของตนเอง
นับถอยหลัง 46:00:00
ตอนที่เป็นเวลาตี 2 หรือก็คือ การคืนกลับครั้งนี้มีเพียงระยะเวลาสองวันสั้น ๆ
“เสี่ยวถงอวิ๋นกลับไปนอนเถอะ พรุ่งนี้เธอยังต้องเข้าเรียนนะ” ชิ่งเฉินพูดแล้วก็พาหลี่ถงอวิ๋นไปส่งที่ชั้นสอง
ก่อนจะเข้าประตูบ้าน เด็กหญิงมองเขาตาวาว “รอคุณตาคุณยายกลับเมืองเจิ้งแล้ว หนูกับแม่จะไปพักกับพี่สักหลายวันได้ไหมคะ?”
“ได้” ชิ่งเฉินยิ้มอย่างตามใจ “กลับไปเร็ว ๆ เถอะ”
……………………………………..
*ประสานแนวดิ่งพันธมิตรแนวนอน เป็นนโยบายการทูตของยุคจ้านกว๋อ (ก่อนยุคจิ๋นซีรวมประเทศ) ซูฉินพยายามขายแนวคิดประสายแนวดิ่งคือให้แคว้นเล็กหกแคว้นผนึกกำลังต้านฉินที่แกร่งสุด (ฉินอยู่ตะวันตกคนเดียว ที่เหลือเขาอยู่ตะวันออกกันเรียงจากเหนือไปใต้เลยเรียกประสานแนวดิ่ง) ส่วนจางอี๋ที่เป็นคนแคว้นฉินก็ออกนโยบายตีโต้คือพันธมิตรแนวนอน ว่าง่าย ๆ คือยุให้พวกประสานแนวดิ่งแตกกันแล้วเอาบางส่วนมาเข้ากับฉินแล้วจะฮุบแคว้นเล็กที่เหลือนั่นแหละ ประสานแนวดิ่งเลยแตกแล้วสุดท้ายโดยฉินกลืนไปที่ละแคว้น………
ตอนที่ 212 – คนโง่หนึ่งเดียวในกลุ่ม
MANGA DISCUSSION