หลังจากจิบชายามบ่ายและลิ้มรสขนมเสร็จเรียบร้อย ไรลีย์ก็พูดขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“เลดี้ลิเลียน่า เธออยากเดินชมสวนกับฉันสักครู่ไหม? เราพึ่งปลูกดอกไม้ชนิดใหม่ไป”
ลิเลียน่าพยักหน้า แล้วลุกขึ้นให้ไรลีย์คอยเชิญออกจากซาลอนไปยังลานด้านนอก
ขณะที่สายตาเธอมุ่งไปยังน้ำพุ เธอสังเกตเห็นว่ารอบๆ น้ำพุถูกปกป้องด้วยกำแพงเวทมนตร์อันแข็งแกร่ง เหมือนกับที่อยู่รอบๆ ไรลีย์ที่ไม่ได้สังเกตความสนใจของเธอ ถามไปว่า
“เลดี้ชอบดอกไม้หรือ?”
ลิเลียน่าหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าอย่างเรียบง่าย เธอรู้ว่าการเขียนตอบขณะเดินไม่น่าจะสะดวก ไรลีย์ดูจะเข้าใจ จึงเปลี่ยนเป็นคำถามที่ตอบได้แค่ใช่หรือไม่ใช่
“มีดอกไม้โปรดหรือเปล่า?”
ค่ะ
“พันธุ์ไหนหรอ? มองเห็นจากตรงนี้ไหม?”
อื่ม
เพราะไรลีย์ถามเธอเลยชี้ไปยังดอกเดลฟิเนียม ดอกสีฟ้าอ่อนเรียงกลีบอวดโฉมเต็มที่ ไรลีย์ยิ้มออกมา
“สวยงามเหมือนเธอจริงๆ”
ลิเลียน่าตอบด้วยรอยยิ้มสุภาพ เธออายุพอจะรู้ว่าคำชมเชยเช่นนี้เป็นเพียงมารยาททางสังคม
อีกไม่กี่ปี ไรลีย์ก็จะไปเจอ นางเอก แล้วตกหลุมรัก เมื่อถึงตอนนั้น ลิเลียน่าก็จะกลายเป็นเพียงเศษฝุ่นสำหรับเขา
นั่นคือเหตุผลที่เธอหวังจะถอนหมั้นก่อนถึงเวลานั้น
ซ่อนความนึกคิดเหล่านี้ไว้ในใจ ลิเลียน่าปล่อยให้ไรลีย์นำทางไปลึกขึ้นในสวน ดอกไม้ยิ่งเบ่งบานงดงามขึ้นเรื่อยๆ บรรยากาศเงียบสงบ มีเพียงลมเย็นสบายพัดผ่าน พวกเขาเดินช้าลง
ท่ามกลางดอกป็อปปี้แคลิฟอร์เนียและเคล็มแม็ททิส ไรลีย์หยุดยืนตรงนั้นอย่างจริงจัง
“เลดี้ลิเลียน่า มีสิ่งหนึ่งที่ต้องบอก”
ลิเลียน่ากะพริบตา เงยหน้ามองพร้อมเอียงหัวเชิงบอกให้เขาพูดต่อ
ไรลีย์กลืนน้ำลายก่อนกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
“เกี่ยวเรื่องกับการหมั้นของเรา”
ลิเลียน่ากะพริบตาอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ ไรลีย์หลบสายตา ก่อนพูดต่อด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“เธอได้ยินอะไรบ้างหรือไม่?”
เมื่อเธอพยักหน้า ไรลีย์จึงมั่นใจขึ้นและก้มเสียงลงอีก
ถ้าเสียงไม่กลับมาในสี่ปีข้างหน้า… ท่านพ่อบอกว่าอาจต้องถอนหมั้นของเรา
ไรลีย์เผยอาการเกร็งบนใบหน้า แม้ลิเลียน่าจะได้รับจดหมายจากบิดาตัวเองด้วยข้อความเดียวกันแล้ว แต่เธอก็พยักหน้าอย่างเงียบๆ ไรลีย์ถอนหายใจ
“แต่ท่านพ่อ—กษัตริย์—ยังเห็นว่าเลดี้ลิเลียน่ายังเป็นคู่หมั้นที่ดีที่สุด แต่ว่าดยุกคลาร์กดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย”
อะไรนะ—?
ลิเลียน่าตาค้างด้วยความตกใจ คำพูดนั้นเกินคาด
ถ้าเป็นไปตามที่ไรลีย์พูด แปลว่ากษัตริย์อยากให้ลิเลียน่าเป็นคู่หมั้นของไรลีย์แม้เธอจะไร้เสียง แต่ท่านพ่อของเธอกลับต้องการดึงเธอออกจากรายชื่อผู้สมัคร
ความรู้สึกของลิเลียน่ากลับตรงกันข้าม ราชวงศ์คงไม่อยากมีพระราชินีที่พูดไม่ได้ ขณะเดียวกัน ดยุกคลาร์กในฐานะนายกรัฐมนตรีผู้มีอำนาจสูง คงอยากรักษาอำนาจด้วยการผลักดันให้ลิเลียน่าเป็นราชินี
นี่เรื่องอะไรกัน?
ทั้งกษัตริย์และท่านพ่อของเธอล้วนคลุมเครือ ไรลีย์ดูไม่ทันสังเกตความสับสนในแววตาลิเลียน่า เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“แน่นอนว่าการหมั้นไม่สามารถตัดสินกันได้เพียงความรู้สึกส่วนตัว แต่ฉัน—”
ไรลีย์กัดริมฝีปาก พลิกตัวมาสบตาลิเลียน่าอย่างแน่วแน่ ดวงตาเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ลิเลียน่าถึงกับชะงัก
นี่คืออีกด้านหนึ่งของไรลีย์ที่เธอไม่เคยเห็น เขาจริงจังแต่เงียบขรึมเสมอมา ไม่ใช่คนที่จะเอาตัวเองมาตัดสิน เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและจริงใจ แม้คล้ายเศร้าเล็กน้อย
แต่ตอนนี้… ไม่เหมือนเดิม
ลิเลียน่ารวมสมาธิ พยายามอ่านความรู้สึกในสายตาไรลีย์
ก่อนเสียงเธอหาย เธอไม่เคยสนใจอ่านสีหน้า ท่าทางของคนอื่น—แค่คำพูดมักเพียงพอ แต่หลังเสียงหายไป เธอเรียนรู้ว่าความรู้สึกส่วนใหญ่สามารถอ่านข้อความไม่ได้ด้วยสายตา
เธออ่านอารมณ์ไรลีย์ได้แม่นยำ แต่ไม่อาจรู้ความจริงเบื้องหลังนั้นได้
ความสับสน… ความไม่แน่ใจ ความกลัว และ—
“ฉัน—”
ไรลีย์สูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง
ทันใดนั้น—
“ฝ่าบาท”
เสียงทักทายดังขึ้นขัดจังหวะ
เป็นเสียงหญิงผู้ทั้งไรลีย์และลิเลียน่าคุ้นเคยดี
เธอคือมาร์เชอเนส ฟินซ์—คุณหญิงผู้เป็นอาจารของทั้งสอง
T/N:
เด็ก 8 ขวบกับ 6 นะ เนี่ย //- .-//
MANGA DISCUSSION