วันถัดมาหลังจากที่อาการดีขึ้น
ลิเลียนาจึงใช้เวลาอยู่ในห้องสมุดของคฤหาสน์เป็นส่วนใหญ่ โชคดีที่คุณลุงผู้ล่วงลับซึ่งเป็นนักสะสมและคนรักหนังสือได้ทิ้งมรดกไว้
คฤหาสน์คลาร์กเลยมีห้องสมุดใหญ่ซึ่งใหญ่กว่าของพระราชวังเสียอีก นอกจากห้องสมุดหลักที่อยู่ตัวอาคารแล้วยังมีอีกหนึ่งในสวนหลังบ้านซึ่งมีชั้นใต้ดินสองชั้นและชั้นบนอีกห้าชั้น
นับว่ามีหนังสือมากที่สุดในอาณาจักรเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าคฤหาสน์ใดในเมืองหลวงหรือในที่ดินของครอบครัวคลาร์ก ที่นี่คือแหล่งรวมหนังสือที่มากที่สุด
ทั้งหมดก็เพราะคุณลุงผู้คลั่งไคล้หนังสือและเป็นนักสักสมที่เคยอาศัยที่นี่ ในเกมเองก็มีห้องสมุดของพระราชวังปรากฏมา แต่ถ้าจำไม่ผิด มันก็ยังเล็กกว่าอยู่ดี
แม้ลิเลียนาจะอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็ก หนังสือส่วนใหญ่ที่เคยอ่านเป็นตำราเรียนในฐานะคุณหนูและคู่หมั้นองค์รัชทายาท ซึ่งก็เรียนจบเกือบครบหมดแล้ว อาจารย์หลายท่านที่สอนราชินีรุ่นก่อนๆต่างทึ่งที่ฉันซึมซับความรู้ได้เร็วเกินคาด คราวนี้จึงถึงเวลาเรียนรู้ศาสตร์อื่นๆ ที่พวกเขาไม่ได้สอน
สิ่งสำคัญอันดับแรกคือวิธีปกป้องตัวเอง ถึงจะสนใจดาบและศิลปะการป้องกันตัว แต่สิ่งเหล่านั้นต้องมีครูฝึก และการเริ่มฝึกร่างกายอย่างกะทันหันคงดูผิดปกติ ลิเลียนาจึงหันมามุ่งศึกษาเวทมนตร์แทน
(ปกติแล้วเชื่อกันว่าคำร่ายนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้เวท แต่คำร่ายเป็นแค่ภาษาชนิดหนึ่ง ภาษาที่ทำให้สิ่งเลือนลางมีรูปธรรม ถ้าหากว่าการใช้เวทมนตร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการออกเสียงแล้ว เธอก็น่าจะไม่ต้องใช้คำพูดก็ได้)
เธอคิดในใจ
หากสมมติฐานของเธอถูกต้องแล้ว การที่เธอพูดไม่ได้อาจกลายเป็นข้อได้เปรียบ เพราะคนส่วนใหญ่ก็คงคิดว่าการจะใช้เวทมนตร์นั้นต้องมีคำร่าย คงไม่มีใครคาดคิดว่าผู้หญิงใบ้คนหนึ่งจะใช้เวทได้ นี่จะช่วยให้เธอสามารถจัดการกับศัตรูได้โดยที่พวกนั้นไม่ทันตั้งตัว ซึ่งอาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพมาก
ลิเลียนาหยิบหนังสือเวทเบื้องต้นขึ้นมาอ่าน เวทมีพื้นฐานสี่ธาตุคือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และธาตุพิเศษคือ แสง และ ความมืด แต่ละคนจะมีถนัดธาตุหนึ่ง และการที่จะใช้ธาตุอื่นพร้อมกันต้องอาศัยพลัง ประสบการณ์ และพรสวรรค์สูง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถใช้ธาตุอื่น ๆ ได้เลย ส่วนสำหรับการใช้ธาตุ มืดและแสงนั้น คุณภาพของพลังเวทยมนตร์นั้นมีความสำคัญอย่างมากในการใช้ธาตุทั้งสอง และดูเหมือนว่าจะมีคนเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำแบบนั้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เวทมนตร์ธาตุมืดเพราะถูกจำกัดเนื่องจากความอันตรายของมัน
(ผู้ชายตระกูลคลาร์กส่วนใหญ่เชี่ยวชาญธาตุไฟ ส่วนผู้หญิงถนัดธาตุลม) เธอนึกขึ้นได้
ในเกม ลิเลียนานั้นถนัดธาตุลม
(แล้วจู่ๆ เธอกลับไปมุ่งศึกษาเวทมืด… เธอไปเรียนมันมาจากไหน)
หนังสือเบื้องต้นนั้นไม่มีข้อมูลของธาติพิเศษอย่าง มืดและแสง เธอลองอ่านผ่านๆดูแต่ก็ตามที่คาดไว้ เจอแค่คาถาเบื้องต้นและวิธีร่ายธาตุหลักทั้งสี่
(ก็สมควรแล้วล่ะนะ)
แต่การยอมแพ้ไม่ใช่ทางเลือก เธอลองย้ายไปอ่านหนังสือระดับกลาง แต่พอเปิดดูเล่มสองเล่มก็พบว่ายังเน้นแต่คาถาและเทคนิคร่ายคำพูด มองไปที่ชั้นหนังสือ เธอเห็นหนังสือแบ่งเป็นชุดตามธาตุ มีหลายเล่ม เธอลองอ่านดูแต่ทุกเล่มก็ยังคงเน้นคาถาและเทคนิคการร่ายอยู่ดี
(งั้นคงต้องฝึกเอง… อย่างที่คิด ไม่มีข้อมูลของเวทมืดมากนัก หนังสือขั้นสูงมีพูดถึงแค่เวทแสงนิดหน่อย แต่เวทมืดนั้นแทบไม่พูดถึงเลย)
ข้อมูลน้อยนิดที่เขียนไว้ พูดถึงเวทมืดส่วนใหญ่จะเป็น เวทลวงตา เทคนิคลวงศัตรู ของพวดนี้น่าจะไว้ใช้ในสงครามหรือการลอบสังหาร แต่ในหนังสือขั้นสูงนั้นจะเป็นการสอนวิธีขจัดลวงตา ดูเหมือนว่าถ้าไปใช้กับคนรู้วิธีโต้กลับ เวทมืดก็ไร้ประโยชน์
(ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะปิดบังเวทมืด บางทีมันอาจถือเป็นเวทต้องห้าม…)
เวทต้องห้ามไม่ใช่สิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้ในชีวิตประจำวัน มันอาจจะมีสอนในฐานะคู่หมั้นขององค์รัชทายาท แต่เนื่องจากเวทมนตร์อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงเวทมนตร์ จึงไม่น่าจะมีใครสอนให้กับเธอที่เป็นเพียงแค่ผู้ท้าชิงตำแหน่งคู่หมั้น
(นี่มันยิ่งลึกลับเข้าไปทุกที…)
ถึงตอนนี้ ลิเลียนาไม่รู้เลยว่าตัวเธอในเกมเรียนรู้เวทมืดมาจากไหน
เธอถอนหายใจ แต่เวทมืดไม่ใช่สิ่งสำคัญที่เธอต้องกังวล หากเป็นไปได้ เธออยากหลีกเลี่ยงมันโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เธอต้องการความสามารถที่สามารถปกป้องตัวเองได้
(ถ้าฉันสามารถใช้เวทมนตร์ได้โดยไม่ต้องใช้คำร่าย นั่นคือจะดีที่สุด)
ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเวทมนตร์ไร้คำร่ายในหนังสือขั้นสูงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในหนังสือรวบรวมบทความและงานวิจัยที่ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ—มีงานวิจัยบางชิ้นที่กล่าวถึงความเป็นไปได้ของเวทมนตร์ไร้คำราย ข้อสรุปของการวิจัยเหล่านี้คือ แม้ว่าจะเป็นไปได้ทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติกลับยังทำไม่ได้
ทว่าลิเลียน่ารู้ความจริงที่ต่างออกไป
(ลิเลียน่าในเกมเก่งทั้งกลยุทธ์และเวทมนตร์ แม้เธอจะไม่ได้แข็งแกร่งทางร่างกาย แต่ก็ใช้เวทมนตร์ได้อย่างเต็มที่ แม้กระทั่งตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับอัศวินหลวงและนักเวทของกระทรวงเวทมนตร์)
จากความทรงจำในชีวิตที่แล้วที่เต็มไปด้วยนิยายและเกม เธอรู้ว่ามีการตีความเวทมนตร์ที่หลากหลาย การผสมผสานความรู้นั้นเข้ากับเวทมนตร์ในโลกนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าเธออาจสามารถพัฒนาเวทมนตร์รูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ หลังจากได้อ่านหนังสือเบื้องต้น เธอก็นึกขึ้นได้ว่าจินตนาการคือกุญแจของเวทมนตร์ หากเธอสามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการทำด้วยเวทมนตร์อย่างมีเหตุผลได้ เธอก็จะสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ ส่วนสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผล ก็จะต้องใช้พลังเวทมนตร์มหาศาล
(แปลก… ถึงฉันจะมีความทรงจำจากชาติที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่เป็นแค่ความรู้ ฉันแทบจะไม่จำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสัมพันธ์ หรือแม้แต่ความรู้สึกได้เลย มันพร่ามัวไปหมด)
ความทรงจำที่เธอได้กลับคืนมาจากชีวิตที่แล้วแทบทั้งหมดเป็นเพียงข้อมูลที่เป็นความรู้ เธอแทบจะจำไม่ได้เลยว่ามีอารมณ์ใดบ้าง ชื่อของสมาชิกในครอบครัว หรือแม้กระทั่งความรู้สึกของตัวเอง เธอจำได้เพียงราง ๆ ว่าเธอเคยเป็นผู้หญิงในวัยสามสิบต้น ๆ มีเพื่อน แต่หลีกเลี่ยงครอบครัวของตนเอง และไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดได้—แต่พวกรายละเอียดนั้นกลับพร่ามัว
แต่การคิดถึงไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งสำคัญคือความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้าเธอ
ด้วยการใช้ประโยชน์จากคอลเล็กชันหนังสือมากมายของตระกูลคลาร์ก ลิเลียน่าตัดสินใจที่จะมุ่งมั่นฝึกฝนเวทมนตร์ไร้คำร่าย เธอเริ่มศึกษาหนังสือเวทมนตร์ต่าง ๆ จากยุคและภูมิภาคที่หลากหลาย
และหลังจากใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการอ่านหนังสือหนาหลายเล่ม—
(โอ้… ทำได้แล้ว)
หนังสือที่เธอกำลังอ่านลอยขึ้นและกลับไปยังชั้นหนังสือโดยตัวมันเอง
ลิเลียน่าเรียนรู้เวทลมได้อย่างง่ายดาย และใช้เทคนิคที่ว่ากันว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์ —เวทมนตร์ไร้คำร่าย
MANGA DISCUSSION