ขณะที่เสียงโลหะแหลมสูงดังขึ้นราวกับมีบางอย่างกระทบกัน ฟิลิปก็รีบรุดเข้ามาหาลิเลียน่ากับคนอื่นๆ ทุกสายตาต่างหันไปมองเขา หลังจากฟิลิปโค้งให้ดยุกคลาร์กและเบิร์กสันแล้ว เขาก็ประกาศการมาขององค์รัชทายาท โดยที่ลิเลียน่าถูกมองข้ามไปอย่างสมบูรณ์
(―ถึงอย่างไร องค์รัชทายาทก็คือคู่หมั้นของฉันนะ)
ลิเลียน่าจ้องฟิลิปด้วยแววตาเย็นชา ทว่าเธอก็ยอมรับว่าการมาของเขาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปจริงๆ ดูเหมือนดยุกคลาร์กและเบิร์กสัน รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ จะถูกเบี่ยงความสนใจออกไปจากการที่ลิเลียน่าปฏิเสธการถอนคำสาปเพื่อให้ได้เสียงคืน
(พูดอีกอย่างก็คือ… เสียงของฉันมีค่าน้อยกว่าการมาเยือนขององค์รัชทายาทสินะ ถ้าองค์รัชทายาทถูกลากเข้ามาเกี่ยวด้วยล่ะก็ จะลำบากกันหมด)
“อย่าได้พูดอะไรเกินความจำเป็นล่ะ” ลิเลียน่าคิดในใจให้ไรลีย์ พลางแสร้งยิ้ม แน่นอนว่าไม่ใช่การสื่อสารด้วยเวท เธอได้แต่หวังจากใจว่าแผนการคืนเสียงให้เธอจะถูกลืมไปโดยสมบูรณ์
เธอเดินตามหลังท่านพ่อและเบิร์กสัน โดยมีฟิลิปนำทางไปยังหน้าประตูใหญ่ คงเพราะได้รับแจ้งล่วงหน้าแล้ว พี่ชายของเธอ ไคลด์ จึงมารอการมาถึงของไรลีย์อยู่ก่อนแล้ว
หน้าประตูมีรถม้าหรูหราประดับตราสิงโตและดาบของราชวงศ์จอดอยู่พอดี เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว องค์รัชทายาทไรลีย์ในชุดแฟรคโค้ตก็ลงจากรถม้า โดยมีอัศวินคุ้มกันอยู่ทั้งหน้าและหลัง ดยุกคลาร์กก้าวออกมาข้างหน้าเพื่อกล่าวต้อนรับ
“องค์รัชทายาท วันนี้การเสด็จมายังคฤหาสน์ของตระกูลเรา ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
ดยุกคลาร์กกล่าวด้วยถ้อยคำอ่อนช้อยไร้ช่องว่าง แต่ไรลีย์ยกมือขึ้นเบาๆ เป็นเชิงบอกให้หยุด
“ดยุกคลาร์ก วันนี้ไม่ต้องพิธีอะไรมากหรอก นี่เป็นงานของเพื่อนร่วมชั้นและคู่หมั้นของข้านี่นา”
“ขอบพระคุณยิ่งนัก”
“ไคลด์ เจ้ายังแข็งแรงดีสินะ ดีแล้วล่ะ”
ไรลีย์หันไปยิ้มให้ไคลด์อย่างอ่อนโยน แล้วจึงกล่าวทักทายลิเลียน่า ก่อนจะกล่าวกับเบิร์กสันว่า “เจ้าก็มาด้วยสินะ”
“เจ้าก็คอยช่วยข้าอยู่ตลอดเลยนะ เบิร์กสัน”
“ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ กระผมกลับรู้สึกว่าตัวเองยังไร้ความสามารถอยู่มาก”
(―ไร้ความสามารถเหรอ?)
ลิเลียน่าเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัย แต่ไรลีย์กับเบิร์กสันก็ไม่ได้ขยายความต่อ
คำพูดของเบิร์กสันนั้น หากคิดในทางลบก็อาจถือว่าเป็นการไม่เคารพ ทว่าไรลีย์ก็ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด เขาถอดเสื้อคลุมให้ข้ารับใช้ แล้วเปลี่ยนเป็นชุดทักซิโด้ ก่อนจะเดินตามดยุกคลาร์กไปยังสวนหลังคฤหาสน์
ด้านหลังของกลุ่มทั้งห้า ฟิลิปก็จัดการควบคุมขนสัมภาระของไรลีย์เข้าคฤหาสน์อย่างคล่องแคล่ว
ลิเลียน่ามองดูสถานการณ์ไปพลาง คิดว่าถ้าไรลีย์เริ่มยุ่งกับการทักทายแขกคนอื่นเมื่อไหร่ เธอจะอาศัยจังหวะนั้นถอนตัวออกมา เนื่องจากทั้งคู่เจอกันบ่อยอยู่แล้วในพระราชวัง และในเมื่อเธอพูดไม่ได้ จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ต่อ
ทว่าไรลีย์กลับยื่นแขนมาให้เธอด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ดูเหมือนว่าเขาตั้งใจจะพาเธอเดินไปที่สวนด้วยตัวเอง ลิเลียน่าแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เพราะคิดว่าเขาจะเดินไปคุยกับพ่อของเธอเสียอีก แต่เธอก็ไม่ได้ละทิ้งรอยยิ้มอันงดงามที่เคยมี และวางมือลงบนแขนของไรลีย์อย่างนุ่มนวล
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ลิเลียน่า สบายดีหรือเปล่า?”
〈ขอบพระคุณค่ะ ฉันสุขภาพดีอยู่ค่ะ〉
มันคงสะดวกกว่าหากเธอสามารถใช้โทรจิตโต้ตอบได้ แต่เธอไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องนั้นนอกจากเพทร่า
ลิเลียน่ายิ้มขึ้นเล็กน้อยพร้อมพยักหน้าให้เขา ไรลีย์จึงยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
“ดีแล้วล่ะ ขอให้รักษาสุขภาพไว้นะ”
เธอรู้สึกกังวลว่าเขาอาจจะพูดถึงเรื่องเสียงของเธอ แต่ไรลีย์ก็ไม่กล่าวถึงอะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพ แม้เธอจะรู้สึกได้ว่าพ่อและพี่ชายจ้องอยู่ แต่ก็ไม่มีใครพูดเรื่องถอนคำสาปขึ้นมาอีก
ในขณะที่ลิเลียน่ากำลังรู้สึกโล่งใจ ขุนนางระดับสูงที่สังเกตเห็นไรลีย์ก็เริ่มเดินเข้ามาทักทาย ลิเลียน่าไม่สามารถขอตัวออกไปได้ จึงได้แต่ยืนยิ้มอย่างสง่างามอยู่ข้างๆเขา เบิร์กสันแยกตัวออกไป ส่วนดยุกคลาร์กกับไคลด์ยังคงยืนข้างไรลีย์และแนะนำแขกทีละคน
เพราะจำนวนแขกมีมาก จึงไม่มีเวลาพูดคุยนาน ลิเลียน่าจึงยังคงไม่ต้องพูดคำพูดใดเลย
(โดยเฉพาะพวกคนรุ่นเก่า มักมีความคิดว่าผู้หญิงควรอยู่เบื้องหลังเสมอ… ถือว่าช่วยฉันได้มากเลย)
หากเธอพูดอะไรออกไปตอนนี้ ก็มีแต่จะถูกตำหนิว่าไม่เรียบร้อย พองานเริ่มเข้าสู่ช่วงหลัง แขกที่อายุน้อยกว่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีแนวคิดที่เปิดกว้างกว่า ทว่าด้วยจำนวนคนมากขึ้น เวลาเฉลี่ยต่อคนก็น้อยลง ทำให้โอกาสที่เธอจะได้พูดก็ยังคงไม่มีอยู่ดี
หลังจากพิธีทักทายผ่านไป ไรลีย์ก็มอบของขวัญให้ไคลด์เพื่อแสดงความยินดี นั่นทำให้ขุนนางคนอื่นๆ เริ่มเดินเข้ามาอวยพรและมอบของให้ไคลด์ตามกันมาเป็นแถว
เมื่อลิเลียน่าไม่มีอะไรให้ทำอีก เธอก็ได้แต่ยืนดูอยู่เงียบๆ แต่หากเธอเดินออกไปเลย ก็อาจจะถูกลือว่าไม่ลงรอยกับพี่ชาย เธอจึงเลือกยิ้มค้างไว้และเฝ้าดูไคลด์พูดคุยกับแขกต่อไป
ในที่สุดเมื่อสถานการณ์เริ่มซา ดยุกคลาร์กก็ชวนไรลีย์ไปพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ดูเหมือนจะมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกัน ลิเลียน่าเองก็อยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่เธอก็ไม่มีเหตุผลจะอยู่ต่อแล้ว จึงตัดสินใจกลับเข้าห้องของตนเอง
ดูเหมือนไรลีย์จะเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง แต่สายตาทั้งคู่ก็ไม่สบกัน
(―แต่ฉันก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าท่านพ่อกับองค์รัชทายาทจะคุยอะไรกัน)
เธอหันไปเรียกมารีแอนน์แล้วบอกว่าจะกลับห้อง มารีแอนน์พยักหน้ารับคำเงียบๆ และเดินตามเธอไป
(ลองใช้ดูดีไหมนะ)
มีเวทหนึ่งที่ลิเลียน่าอยากทดลองใช้ดู แต่หากดยุกคลาร์กใช้เวทตรวจจับเวทมนตร์อยู่ก็จะยุ่ง ขณะเดียวกัน ถ้าใช้เวทเคลื่อนย้ายหรือภาพลวงตาเพื่อแอบไปยังห้องสนทนาโดยตรง ก็เสี่ยงต่อการถูกจับได้สูง
เมื่อกลับถึงห้อง ลิเลียน่าบอกมารีแอนน์ว่าเธอจะพักผ่อนสักครู่ แล้วขอให้ไล่คนอื่นออกไป เธอนั่งลงบนเก้าอี้ เปิดหนังสือขึ้น แล้วหันไปมองนอกหน้าต่าง
จากนั้น—
(【ตรวจจับเวทมนตร์】)
…ไม่มีปฏิกิริยาใดเกิดขึ้น
ลิเลียน่าจึงโล่งใจ แล้วจึงใช้เวทสอดแนมเพื่อตรวจสอบตำแหน่ง พบว่าทั้งดยุกคลาร์กและไรลีย์อยู่ในห้องรับรอง แล้วเธอก็ร่ายเวทอีกบทหนึ่ง
(【การได้ยินไกล】)
ทันใดนั้น เสียงสนทนาก็ดังขึ้นข้างหู เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยินอย่างชัดเจน
『――ดูเหมือนสถานการณ์ยังคงยื้อกันอยู่สินะ คงจะกังวลไม่น้อย』
『ขอบคุณสำหรับความห่วงใย ดยุก』
—สำเร็จแล้ว
ริมฝีปากงดงามของลิเลียน่าแย้มโค้งขึ้นอย่างพึงใจ
T/N:
เย่ หายแล้ว หลังจากนี้จะลงวันละตอนเหมือนเดิมแต่อาจมีหยุดบ้างบางวันนะ (แล้วแต่ความขก.)
พอดีมีแปลมังงะด้วย 😀
MANGA DISCUSSION