อากาศแจ่มใสในวันงาน เหล่าแขกผู้มีเกียรติต่างพากันยิ้มแย้มเดินถือแก้วเครื่องดื่มไปรอบๆโต๊ะ พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศไม่ตึงเครียดนัก คงเพราะทุกคนล้วนรู้จักกันดีและส่วนใหญ่ก็เป็นญาติพี่น้องกัน สถานที่จัดงานเปิดประตูระเบียงของห้องโถงใหญ่ไว้กว้าง แขกสามารถเพลิดเพลินกับอาหารและการสนทนาได้ทั้งในห้องและในสวน ตอนเริ่มต้นงานทุกคนรวมตัวกันอยู่ภายใน แต่พอได้เวลา หลายคนก็ออกไปด้านนอกเพื่อชมดอกไม้อันงดงาม เหลือเพียงผู้สูงวัยในรุ่นของปู่ย่าของลิเลียนาที่นั่งอยู่ภายในห้อง
ลิเลียนาแต่งตัวอย่างงดงามโดยฝีมือของมารีแอนน์ เดรสลูกไม้สีเขียวอ่อนออกแบบอย่างเรียบหรู ไล่เฉดเข้มขึ้นเรื่อยๆ ตรงชายกระโปรง ผสานความน่ารักและความสง่างามไว้ได้อย่างลงตัว เครื่องประดับสีเงินที่เธอสวมดูเรียบง่าย แต่ประดับด้วยเพอริดอตเขียวอ่อนและพาราอิบาทัวร์มาลีนเขียวเข้มอย่างมีรสนิยม เสริมเสน่ห์อันอ่อนหวานของลิเลียนาให้ยิ่งเด่นชัด มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังเป็นจุดสนใจ
ตอนที่ดยุกคลาร์กกล่าวเปิดงาน ลิเลียนายืนอยู่เคียงข้างครอบครัว แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีธุระอะไรอีก การพูดคุยกับแขกที่ได้รับเชิญเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับเธอ ด้วยเหตุนี้ลิเลียนาจึงพยายามหลบสายตาอยู่ให้ไกลที่สุด โดยยืนอยู่เงียบๆ ที่มุมสวนกับมารีแอนน์ แน่นอนว่าการที่เธอใช้เวทมนตร์ได้เป็นความลับ เธอจึงไม่อาจใช้เวทลวงตาในการลบตัวตนได้
เพราะยังอยู่ในบริเวณคฤหาสน์ จึงให้ทหารองครักษ์ทีมาจากเมืองหลวงลาดตระเวนรอบๆ ส่วนเพทร่านั้นหลบอยู่ภายในเพราะไม่ชอบพวกขุนนาง
ลิเลียนาแอบอิจฉาเพทร่าเล็กน้อย เพราะเธอก็อยากกลับห้องอยู่ แต่ดยุกนั้นกลับกำชับให้เธอยิ้มหวานอย่างอ่อนโยนในที่ที่มีผู้คน แน่นอนว่าไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่จนจบงาน แต่เป็นนัยว่าต้องอยู่รอต้อนรับองค์รัชทายาทไรลีย์ วิลเลียมส์ สลิแบกราด ว่าที่คู่หมั้นในอนาคต
ลิเลียนาคิดว่าท่านพ่อของเธอนั้นเป็นเหมือนทรราช—ไม่สิ จอมเผด็จการอย่างแท้จริง แต่ถึงจะต่อต้านไปก็ไม่มีประโยชน์ เธอรู้ดี
―ความเย็นชานั่น ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นฤดูหนาวก็ตามที แต่บรรยากาศกลับยิ่งเย็นเยียบยิ่งกว่า
การแสดงออกว่าเป็นครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกันอาจจะสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่พอคิดย้อนกลับมาก็รู้สึกเสแสร้งจนขนลุก ลิเลียนายกถ้วยชาขึ้นจิบเพื่อสงบสติอารมณ์
ทว่า…
(―ช่างแยบยลยิ่งนัก)
เธอเผลอคิด ชมฝีมือของดยุกคลาร์ก ผู้ที่ตั้งแต่เดินทางมาถึงคฤหาสน์ก็ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าลิเลียน่าเลย จากที่สังเกตดู เห็นว่าท่านพ่อไปพบกับท่านแม่และท่านพี่ แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นเลยสักนิด ทว่าในคำกล่าวเปิดงาน ท่านพ่อกลับรับบทบาท “บิดาผู้ห่วงใยบุตรสาว” ได้อย่างแนบเนียน เชื่อได้เลยว่าแขกแทบทุกคนคงเชื่อในภาพลักษณ์ครอบครัวแสนสุขของตระกูลดยุกคลาร์ก แม้ท่านแม่จะฝืนยิ้มอยู่บ้างแต่ก็สามารถสวมบท “มารดาผู้แสนอ่อนโยน” ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเช่นกัน
(ท่านพี่คุยอยู่กับบารอนที่เป็นญาติห่างๆ อยู่สินะ จำได้ว่าเขาครองดินแดนที่มีข่าวลือว่ามีพวกมอนสเตอร์ออกอาละวาดบ่อยช่วงนี้)
ส่วนท่านแม่ เนื่องจากเธอสูญเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก จึงอยู่ที่อีกฟากหนึ่งของสวนสนทนาอยู่กับญาติที่เหลือไม่กี่คน ดูเหมือนจะกำลังอวดอัญมณีกันอยู่ แม้เสียงจะไม่ได้ยินเพราะระยะห่าง แต่ลิเลียนาคิดว่าคงเป็นของมีมูลค่ามาก หนึ่งในนั้นกำลังโชว์สร้อยข้อมือที่ดูยังไงก็เป็นเครื่องรางเวทมนตร์ แม่เธอสวมเครื่องประดับจากตระกูลซึ่งมีชื่อเสียงด้านเวทมนตร์และศาสตร์ต้องสาป ว่ากันว่าบรรพบุรุษมีสายเลือดของคนต่างถิ่นทางเหนือ และจากตำนานที่ว่าเผ่าทางเหนือนั้นเป็นผู้มีพลังเหนือมนุษย์ หลายคนจึงยึดมั่นในความเชื่อว่าตนเองมีพลังพิเศษเหนือผู้อื่น
แต่จากที่ลิเลียนารู้ ผู้ที่มีพลัง “พิเศษ” จริงๆ มีแค่ตัวเธอกับดยุกผู้เป็นพ่อ และทั้งคู่ก็มีเพียงพลังเวทที่สูงกว่าคนทั่วไปเท่านั้น
บางทีด้วยเหตุผลนั้น ญาติของท่านแม่จึงมักนิยมสะสมเครื่องรางและของเวทมนตร์กันเป็นพิเศษ
(สักวันคงมีคนเอาไหแปลกๆ ที่เก็บจากไหนไม่รู้มาหลอกขายในราคามหาศาลแน่ๆ)
เธอคิดพลางถอนหายใจ เบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้าไปอีกทาง ก็เจอท่านพ่ออีกครั้ง ดยุกคลาร์กกำลังพูดคุยกับขุนนางที่ทำงานในวัง ในกลุ่มนั้นมีชายวัยกลางคนร่างเล็กคนหนึ่งใส่ชุดที่ต่างจากคนอื่น ชุดคลุมสีม่วงซึ่งประดับตกแต่งด้วยสร้อยทองที่มองเห็นได้อยู่ตรงช่วงอก
(ชุดคลุมนั่น… ดูเหมือนจะเป็นของนักเวทสินะ หรือเป็นคนรู้จักของท่านพ่อกัน)
ลิเลียนาแทบไม่เคยเจอกับนักเวทเลย คนเดียวที่เคยพบคือเพทร่า และแน่นอนว่าเธอไม่ใช่นักเวททั่วไปอย่างแน่นอน
ตรงกันข้ามกับเพทร่า ชายในชุดคลุมคนนี้กลับดูเหมือนเป็น “จอมเวทตามแบบฉบับ” อย่างที่ผู้คนมักจินตนาการไว้ แม้สีจะต่างกัน แต่รูปแบบของเสื้อคลุมก็ดูคล้ายกันอยู่
ขณะที่ลิเลียนากำลังแอบสังเกตอยู่โดยไม่ให้รู้ตัว ดยุกคลาร์กก็พูดอะไรบางอย่างกับชายในชุดคลุมนั้น ก่อนทั้งสองจะเดินแยกออกจากกลุ่มมาทางเธอ
(มีธุระอะไรกับฉันหรือเปล่า…?)
หากเป็นเช่นนั้นก็ชวนให้น่าสงสัย เพราะดยุกคลาร์กเคยหวังให้ลิเลียนาถูกถอดถอนจากตำแหน่งคู่หมั้นขององค์รัชทายาท จึงไม่คิดว่าเขาจะลงทุนจัดหาจอมเวทเพื่อรักษาเสียงให้เธอ
ดยุกคลาร์กเดินตรงเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเหมือนเป็นท่านพ่อผู้อ่อนโยนแล้วเรียกชื่อ “ลิเลียนา” อย่างแผ่วเบา
ลิเลียนาเงยหน้าขึ้นยิ้มบางพร้อมเอียงคอเล็กน้อย เหมือนถามว่า “มีอะไรหรือคะ” พลางส่งถ้วยชาให้มารีแอนน์ซึ่งรับไว้และรีบจัดการวางไว้บนโต๊ะอย่างคล่องแคล่ว
“นี่คือลูกสาวของข้าลิเลียน่า ลิเลียน่า เขาคือ นิโคลัส เบิร์กสัน รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์”
“โอ้ โอ้ ช่างเป็นคุณหนูที่งดงามเสียจริง ฉันเคยได้ยินว่าท่านภรรยาของดยุกนั้นงดงาม ทายาทชายก็มากความสามารถ นี่ถ้าคุณหนูก็งดงามถึงเพียงนี้ ก็คงเป็นที่อิจฉาในหมู่ชนชั้นสูงไม่น้อย”
เบิร์กสันกล่าวชมอย่างอ่อนหวานก่อนจะกุมมือลิเลียนาแล้วจุมพิตลงบนหลังมือเบาๆ
ลิเลียนาฝืนยิ้มด้วยใบหน้าแข็งค้าง แต่สิ่งที่ทำให้รอยยิ้มของเธอแทบแหลกสลายไปเลย คือคำพูดถัดไปของท่านพ่อ
“ลิเลียนา เจ้ายังพูดไม่ได้อยู่ใช่ไหม ถ้าแพทย์ยังรักษาไม่ได้ละก็ นั่นก็ต้องเป็น…คำสาปแล้วล่ะ”
มารีแอนน์ที่อยู่ข้างหลังกำมือแน่น ลิเลียนามองขึ้นไปยังดวงตาของเขาด้วยความสงบ แต่ก็เห็นสายตาเย็นชาไร้อารมณ์ หากแต่คำพูดกลับประหนึ่งเปี่ยมด้วยความห่วงใยและรักใคร่ปลอมๆ
“หากเป็นคำสาป นักเวทก็คงสามารถถอนมันได้ ท่านเบิร์กสันผู้นี้เป็นถึงหัวหน้ากระทรวงเวทมนตร์ ก็คือเป็นผู้มีพลังเวทอันดับหนึ่งของประเทศ หากเจ้ามิอยากให้องค์รัชทายาททอดทิ้งละก็ เจ้าย่อมเข้าใจใช่มั้ย?”
―เจ้าก็แค่หมากตัวหนึ่งของข้าเท่านั้น
เสียงจากอดีตของดยุกที่เคยกรีดแทงหัวใจของลิเลียนากลับมาอีกครั้ง ดยุกยิ้มลึกขึ้นคงเพราะคิดว่าเธอกำลังกลัวจนตัวสั่นแต่ในความจริง ลิเลียนากำลังสับสนจนแทบหาคำอธิบายไม่ได้
(นี่มันอะไรกันแน่?ท่านพ่อไม่ควรจะพอใจกับการที่ฉันไร้เสียงมากกว่าเหรอ?)
และที่น่าสงสัยกว่าคือคำพูดที่จงใจหลอกหลอน เธอพยายามประมวลผลให้เร็วที่สุด โดยไม่ทันสังเกตว่าเบิร์กสันเป็นฝ่ายพูดต่อ
“แน่นอน ถ้าเป็นฉันละก็ ถอนคำสาปได้แทบทุกชนิด เพียงแต่…ต้องให้เจ้าตัวเต็มใจเท่านั้น เวทถอนคำสาปนั้นละเอียดอ่อน หากผู้ถูกสาปไม่ปรารถนาอย่างแรงกล้า ผลก็จะลดลง คุณหนูคิดเช่นไรล่ะ?”
ลิเลียนาครุ่นคิด หากเธอกลับมาพูดได้อีก แผนทั้งหมดจะพังทลาย ต้องหาแผนใหม่เพื่อให้ถูกถอดถอนออกจากรายชื่อคู่หมั้นอีกครั้ง มันค่อนข้างน่ารำคาญแต่เวลาให้คิดมีไม่มาก
ลิเลียนาค่อยๆ ลบรอยยิ้มออกจากใบหน้า ทำให้หน้าซีดลง พร้อมแสร้งสั่นเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าอย่างช้าๆ ตอบรับคำถามของเบอร์กซัน
“คุณหนู…ไม่ต้องการให้ข้าถอนคำสาปอย่างนั้นหรือ?”
เธอพยักหน้า นี่คือการเสี่ยงครั้งใหญ่ หากดยุกสั่งให้ถอน ลิเลียนาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ถ้าเขาแสร้งเคารพความต้องการของเธอ แผนของเธอก็ยังรอด
มุมสายตาเหลือบเห็นใบหน้าของบิดา ซึ่งไม่อาจอ่านความรู้สึกได้
แล้วเบิร์กสันก็พึมพำอะไรบางอย่างพร้อมขมวดคิ้ว―
―ในวินาทีนั้นเอง
เสียงแหลมเสียดหูเหมือนโลหะกระทบกันก็ดังขึ้น แว่วกังวานไปทั่วบริเวณ…
MANGA DISCUSSION