เช้าวันถัดมา ลิเลียน่ารับประทานอาหารเช้าในห้องของตัวเอง นั่นเป็นความใส่ใจของมารีแอนน์ คงเพราะเธอคิดถึงความรู้สึกของลิเลียน่าว่าหากบังเอิญเจอท่านแม่หรือพี่ชายที่ห้องอาหารเข้าจะรู้สึกไม่ดีเอา
(แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจถึงขนาดนั้นหรอก)
หลังจากที่ลิเลียน่าเสียเสียงไป มารีแอนน์ก็ยิ่งแสดงความเป็นห่วงมากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่มีเหตุผลจะต้องไปห้องอาหาร ดังนั้นหลังจากทานข้าวเสร็จ ลิเลียน่าจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นในสวน เธอสวมเดรสที่เรียบง่ายแต่สง่างาม เคลื่อนไหวสะดวก แล้วพามารีแอนน์ออกจากคฤหาสน์ไปด้วย
สวนขนาดใหญ่ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงและปาร์ตี้น้ำชาอยู่บ่อยครั้ง แปลงดอกไม้ที่เตรียมไว้สำหรับงานเลี้ยงในวันถัดไปถูกประดับไปด้วยดอกไม้สวยงามตระการตา ลมที่พัดผ่านหอบกลิ่นหอมอ่อนๆ มาแตะปลายจมูก ลิเลียน่าดื่มด่ำกับภาพตรงหน้า ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนหลังคฤหาสน์ ที่ลึกเข้าไปจะเป็นครัวของเหล่าคนรับใช้ และถัดจากนั้นคือป่าลึกอันเงียบสงัด
แม้จะให้ความรู้สึกคุ้นเคย แต่คฤหาสน์และสวนที่ถูกทิ้งไว้ในความทรงจำอันเลือนรางเหล่านี้ก็ทำให้ลิเลียน่าเดินอย่างผ่อนคลาย ระหว่างที่เข้าใกล้บริเวณที่พักของเหล่าคนรับใช้ เธอก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่ง และหยุดฝีเท้าลง
เมื่อมองไป ก็พบเพทร่าสวมเสื้อคลุมยืนมองเธออยู่ สีหน้าเต็มไปด้วยความขมขื่นบางอย่าง
ลิเลียน่าเอียงคอน้อยๆ ขณะนั้นเอง เพทร่าก็เอ่ยขึ้นว่า “อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณหนู” พร้อมเดินเข้ามาใกล้
[อรุณสวัสดิ์ค่ะ]
ลิเลียน่ายิ้มและโค้งให้น้อยๆ ขณะใช้โทรจิต ตอบกลับ เพทร่านั้นได้ยินเสียงของลิเลียน่า แต่มารีแอนน์ที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้นไม่ได้ยิน ดูเหมือนเพทร่าจะเข้าใจเจตนาของลิเลียน่า ที่ต้องการสื่อสารกับเธอเพียงคนเดียวโดยไม่ให้คนอื่นรู้ว่าใช้โทรจิตได้ เธอจึงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“คฤหาสน์ดูดีมากเลยนะ ถึงห้องของฉันเป็นห้องสำหรับคนรับใช้ก็เถอะ แต่ก็กว้างกว่าหอพักที่เคยอยู่อีก”
เพทร่าหัวเราะเบาๆ มารีแอนน์ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ดูจะโกรธขึ้นเรื่อยๆ ลิเลียน่าจึงขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างลำบากใจ พร้อมเอียงหัวเล็กน้อย
[คฤหาสน์นี้ไม่รู้จะมีใครมองดูอยู่บ้าง เก็บความรู้สึกพวกนี้ไว้ก่อน ตอนกลับคฤหาสน์แล้วค่อยเล่าให้ฟังบนรถม้าเถอะค่ะ]
เพทร่าเบิกตากว้างเล็กน้อยก่อนจะกลับไปยิ้มสบายๆ ดังเดิม แวบนั้นเอง มารีแอนน์ก็ไม่ได้ทันสังเกตอะไร เพทร่าก็พูดคุยต่ออย่างอารมณ์ดี
“อาหารก็อร่อยมากเลยนะ อยากทำงานที่นี่เลยด้วยซ้ำ แต่เสียดาย ฉันรับงานนอกไม่ได้ตอนนี้”
“―เหรอคะ”
มารีแอนน์ตอบแทนลิเลียน่าที่พูดไม่ได้ ด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อ เพทร่าเดินเข้าไปใกล้ลิเลียน่าอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วยื่นมือไปที่ต้นคอของเธอ มารีแอนน์ตกใจจนแทบโวยวาย แต่ลิเลียน่ายกมือห้ามไว้ เธอเงยหน้ามองเพทร่า ดวงตาสีม่วงของจอมเวทเปล่งประกายแปลกประหลาด
เพทร่าสอดมือผ่านเส้นผมยาวของลิเลียน่า พลางจัดปกเสื้อบริเวณคอให้ แล้วจึงถอนมือกลับ และกระซิบเสียงเบาเฉพาะลิเลียน่าเท่านั้นว่า
“นี่คือเครื่องราง อย่าให้ใครเห็นนะ คฤหาสน์นี่กลิ่นมันชวนคลื่นไส้แปลกๆ”
―ยิ่งกว่ากระทรวงเวทมนตร์อีก
ลิเลียน่าขอบคุณเธอด้วยโทรจิต เครื่องประดับที่ไม่ได้มีอยู่ก่อนหน้านี้ ปรากฏอยู่ใต้ชุดของเธอ มันเย็นนิดๆ น่าจะเป็นโลหะหรืออัญมณี เพทร่าเรียกว่าเครื่องราง ก็คงมีเวทมนตร์บางอย่างอยู่
[ขอบคุณมากค่ะ]
เพทร่าหันไปมองมารีแอนน์ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ปกเสื้อมันเบี้ยวน่ะ ฉันคงไม่ได้ทำอะไรในคฤหาสน์หรอกเพราะงานฉันคือกำจัดมอนสเตอร์ระหว่างทางไปกลับ แต่ถ้ามีอะไรก็บอกได้นะ”
ลิเลียน่าโค้งให้น้อยๆ เพทร่าหันออกไปและบรรยากาศรอบตัวมารีแอนน์ผ่อนคลายลง เพทร่าหัวเราะพลางยกมือข้างหนึ่ง แล้วเดินจากไปอย่างไร้กังวล
เมื่อเธอลับสายตาไปในคฤหสน์ มารีแอนน์ก็เดินเข้ามายืนข้างลิเลียน่า
“ช่างเป็นคนที่เสียมารยาทจริงๆ”
ดูเหมือนจะไม่ใช่เพราะฐานะหรือรูปลักษณ์ของเพทร่า แต่เป็นท่าทางที่ไม่เคารพ ลิเลียน่าเห็นมารีแอนน์ที่ปกติเรียบร้อยโกรธแบบนี้ก็อดยิ้มไม่ได้
(มีเพทร่าอยู่ด้วย มารีแอนน์ก็มีสีสันขึ้นเยอะเลย)
ดูเหมือนเพทร่าตั้งใจแหย่มารีแอนน์ และมารีแอนน์เองก็ไม่สามารถเมินเฉยใส่เพทร่าได้
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างขบขัน และลิเลียน่าก็เดินต่อไปอย่างผ่อนคลาย
*****
―แต่ครอบครัวนี้มันก็แปลกจริงๆ
ลิเลียน่าถอนหายใจเบาๆไม่ให้ใครได้ยิน
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันในห้องเรียบร้อยแล้ว เธออ่านหนังสือที่เอามาด้วย และพออยากเปลี่ยนบรรยากาศจึงออกจากห้อง แม้จะบอกกับมารีแอนน์ว่าไม่ได้จะออกไปนอกคฤหาสน์ แต่มารีแอนน์ก็ตามมาติดๆ โดยอ้างว่าไม่มีงานอื่น
ลิเลียน่าเริ่มรู้สึกว่าควรจะหาทางทิ้งเธอไว้
ยืนอยู่บนพรมในโถงทางเดินอันกว้างขวาง ลิเลียน่าเผชิญกับภาพที่ไม่น่าอภิรมย์นัก
ท่านแม่ของเธอกำลังเดินสวนมา และใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวไปด้วยความเกลียดชัง
“น่ารังเกียจ”
เพียงคำเดียว ทว่ามีน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง คำพูดที่เข้าไปในหูและทะลวงไปถึงประสาททั่วทั้งร่าง
ลิเลียน่ายืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ท่านแม่จะกล่าวต่อว่า “ไสหัวออกไปจากคฤหาสน์ไป ไปอดตายสักที่แล้วให้พวกมอนสเตอร์กินซะเถอะ” แล้วก็ปิดประตูเสียงดังปัง
“―คุณหนู…”
เสียงของมารีแอนน์ที่พูดออกมาอย่างยากลำบากทำให้ลิเลียน่าหันไปหา ใบหน้าของเธอซีดเผือดด้วยความโกรธและเจ็บปวด
ลิเลียน่าเพียงยิ้มบางและส่ายหน้าเบาๆ เพื่อปลอบใจ เธอไม่อยากให้เรื่องนี้ใหญ่เกินไป แต่พอเห็นมารีแอนน์มีสีหน้าเจ็บปวด ก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก เธอจึงเดินต่อไปอย่างเงียบๆ
(ดูเหมือนจะถูกมองว่าน่าสงสารแล้วสิ ―รู้สึกผิดจริงๆ)
อาจเพราะความทรงจำในอดีตย้อนกลับมา ลิเลียน่าเลยไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย เธอชินกับการถูกแม่เกลียด และเข้าใจมาตั้งแต่เด็กแล้วว่า
―เพราะไม่ได้เป็นเหมือนพี่ชายผู้เพียบพร้อม เพราะเกิดมาด้วยชาติกำเนิดที่น่ารังเกียจ การมีตัวตนของเธอจึงเป็นสิ่งต้องห้ามในบ้านหลังนี้
แม้จะเคยดิ้นรนเพื่อให้ได้รับการยอมรับ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเศร้า เป็นเพียงสัญชาตญาณที่บอกว่า ต้องทำเช่นนั้นเพื่อให้มีชีวิตรอด
แต่หลังจากได้ความทรงจำในชาติก่อนกลับคืนมา ความต้องการนั้นก็หายไป เป้าหมายเดียวของเธอคือการหลีกเลี่ยงฉากจบแบบพังพินาศ
(มองจากภายนอกอาจดูน่าสงสาร แต่นี่คือเรื่องปกติของฉัน เลยไม่รู้จะรู้สึกอะไร)
ลิเลียน่าอดกลั้นไม่ให้ถอนหายใจ เพราะถ้ามารีแอนน์ได้ยิน ก็คงจะวุ่นวายขึ้นไปอีก
(ว่าแต่ ท่านแม่จะสามารถทำหน้าดีๆ ให้จบงานเลี้ยงได้มั้ยนะ…?)
ดยุกคลาร์กต้องการแสดงภาพครอบครัวที่กลมเกลียวต่อสายตาคนภายนอก ลิเลียน่าเองตั้งใจจะหาจังหวะเหมาะๆ แล้วค่อยๆ ถอยออกจากงาน แต่แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆ ที่อยู่ในงาน ท่านแม่ก็คงทนไม่ได้หากต้องอยู่ร่วมที่เดียวกับเธอ
แต่อย่างนั้นก็ไม่ใช่หน้าที่ของลิเลียน่าอยู่ดี เธอเพียงแค่ใช้เวลาอย่างสงบและไม่จำเป็นต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับครอบครัวอีก
ถึงท่านพี่ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวละครหลักของเกมอย่างไคลด์จะเป็นข้อยกเว้น และเธอเองก็อยากรักษาความสัมพันธ์ที่ดีพอควรไว้ แต่อิงจากท่าทีของเขาเมื่อคืน ถ้าลิเลียน่าไม่แสดงอาการอิจฉานางเอก หรือคิดลอบสังหารองค์รัชทายาท ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
ลิเลียน่าจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ แต่แล้วก็พบว่ามีคนใช้พื้นที่นั้นไปก่อนแล้ว
ที่โต๊ะซึ่งตั้งอยู่ในสวน มีท่านปู่กับท่าย่าที่เพิ่งมาถึงในเช้านั้นนั่งพูดคุยกันอยู่ ลิเลียน่าไม่เคยพูดคุยกับทั้งคู่มาก่อน โดยเฉพาะท่านปู่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเคร่งครัดและไม่ค่อยลงรอยกับเด็ก
ตามคาด แม้จะเห็นลิเลียน่าแล้ว ท่านปู่ก็ไม่หันมามองเลยแม้แต่น้อย ส่วนท่านย่าก็เพียงแค่ชำเลืองก่อนจะเบือนหน้าหนี
แต่ลิเลียน่ากลับสังเกตเห็นว่า ท่านย่าเหลือบตามองสีหน้าของท่านปู่ราวกับเกรงใจเล็กน้อย
“เอ่อ—”
เธอดูเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วหยุด ลิเลียน่าตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางไปยังซาลอนแทน เพราะมีหลังคาและกำแพงบังลมได้ดี
เธอนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา ผ่านไปไม่นานก็รู้สึกถึงเงาอะไรบางอย่าง ลิเลียน่าเงยหน้าขึ้น พบว่าท่านย่ากำลังยืนอยู่ตรงหน้า
แม้ภายนอกดูเป็นหญิงสูงวัยที่เคร่งครัด แต่ในแววตามีแววความห่วงใยเจือจาง
“กินนี่สิ”
ท่านย่ายื่นจานใส่คุกกี้มาให้ ลิเลียน่ารับไว้และโค้งให้น้อยๆ พร้อมมองด้วยความแปลกใจ สีหน้าของท่านย่ายังคงเรียบนิ่ง เธอเบือนหน้าจากลิเลียน่าเล็กน้อยก่อนจะพูดเร็วๆ ด้วยเสียงเบาที่แทบไม่ได้ยิน
“เขานั้นน่ะ— ปู่ของเจ้าน่ะ เป็นคนเคร่งครัด ในหัวไม่เคยมีใครอื่นเลย มีเพียงผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น และเขาก็มีชีวิตอยู่เพื่อเธอ ผู้เป็นพ่อของเจ้าก็ไม่ต่างกัน ในฐานะสมาชิกของตระกูลดยุกนี้เจ้าต้องรู้ไว้บ้าง”
ฟังเผินๆ อาจดูราวกับถูกสั่งให้ยอมรับว่าตนไม่มีความสำคัญ แต่ลิเลียน่ากลับไม่รู้สึกอะไรนัก เพราะท่านย่าอย่างน้อยก็ยังมีท่าทีห่วงใยแม้จะดูไม่เก่งเรื่องแสดงออก
(ดูท่าแล้ว ครอบครัวนี้ก็ไม่เข้ากันสักเท่าไร)
ลิเลียน่ามองแผ่นหลังที่หันหลังเดินจากไปของท่านย่า
คงเป็นความพยายามของเธอ ที่ถึงจะไม่คล่องนักแต่ก็อยากปลอบใจหลานสาวของตน
(ถ้าท่านพ่อและท่านปู่ต่างก็มีชีวิตอยู่เพื่อผู้หญิงคนเดียวเช่นนั้น―แบบนี้จะเรียกว่ากรรมพันธุ์ได้ไหมนะ)
แล้วผู้หญิงคนนั้นคือใครกันแน่ ถ้าเป็นคู่ชีวิตของท่านปู่ก็พอเข้าใจ เพราะทั้งคู่ก็อยู่ด้วยกันตลอดเวลา
แต่กับท่านพ่อกลับรู้สึกขัดใจแปลกๆ
(เอาเถอะ จะเป็นใครก็ช่าง)
ลิเลียน่าถอนหายใจแล้วกัดคุกกี้เบาๆ แม้จะพยายามคาดเดา แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าคนนั้นไม่ใช่เธอแน่นอน และมันก็ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงอะไร
คุกกี้ที่ท่านย่าให้ร่วนในปาก แม้จะเหมาะกับรสนิยมของคนในบ้านนี้แต่ลิเลียน่าไม่ค่อยชอบรสชาตินั้นนัก
T/N:
น่าจะไม่ได้ลงซัก 2-3วันนะคับ ติดโควิดน่ะ
เพิ่งหายป่วยมาก็โควิดเลย ดีจิมๆ * sigh* แต่ไม่มีอาการมาก มปร.
MANGA DISCUSSION