หลังรับกินอาหารเย็นและอาบน้ำเสร็จ ลิเลียนาก็บอกกับมารีแอนน์ว่าจะพักผ่อนแต่หัวค่ำ แล้วรีบกลับเข้าห้องนอนไป เธอล็อกประตูและสร้างบาร์เรียเวทเพื่อกันไม่ให้ใครรู้สิ่งที่จะทำ เธอยังร่ายเวทเผื่อไว้อีกว่าหากมีใครมาเคาะประตู จะได้ย้อนกลับมายังห้องในทันที
จากนั้นจึงใช้เวทควบคุมอนุภาคควอนตัมรอบตัว เพื่อทำให้ตนเองล่องหนต่อสายตาคนทั่วไป โดยปกติแล้ว เวทล่องหนจะต้องใช้เวทมนตร์ธาตุความมืด แต่วิธีของลิเลียนานั้นใช้ธาตุลมซึ่งเธอถนัดกว่า อีกทั้งยังประหยัดพลังเวทมหาศาลด้วยหลักการเวทที่เธอคิดค้นขึ้นเองโดยอิงจากวิทยาศาสตร์ในชาติก่อน
ที่เหลือก็แค่เดินสำรวจภายในคฤหาสน์ เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะเจออะไรในทันที และยังมีเวลาอยู่อีกหลายวัน คืนนี้จึงแค่สำรวจเบื้องต้นเท่านั้น
และในตอนที่ลิเลียนากำลังร่ายเวทบนตัวเอง เตรียมออกจากห้องเสียงเคาะเบาๆ ดังขึ้นที่ประตู
(ใครกันนะ)
เธอรับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่หลังประตู ดูเหมือนจะลังเลอยู่ด้วย แต่ใครกันล่ะ ขณะคิดเช่นนั้นเธอจึงคลายเวทที่ใช้พรางตนและแง้มประตูดู เมื่อแอบชะโงกหน้าออกไป เธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่คาดคิด ใบหน้านั้นดูอ่อนเยาว์กว่าภาพในความทรงจำมาก
(―ท่านพี่)
ไคลด์ เบนิโต คลาร์ก พี่ชายของลิเลียนาและว่าที่ดยุคคนถัดไป ในความทรงจำของลิเลียนา เขาอายุ 18 แต่ตอนนี้ร่างกายของเขายังไม่เติบโตเต็มที่ ใบหน้าก็ยังคงความเป็นเด็กอยู่ แววตาสีเทานั้นเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา และเส้นผมสีบลอนด์แพลตตินัมราวกับทูตสวรรค์
(ยังไม่ได้สวมแว่นสินะ)
ในเกม ไคลด์เป็นตัวละครที่ใส่แว่น ดูเฉลียวฉลาด เขาเริ่มฉายแววตั้งแต่เด็กและเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต เป็นชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะมีเบื้องหลังหลายชั้น
แต่ตอนนี้ ไคลด์ยังอายุแค่ 11ปี อารมณ์บนใบหน้าสะท้อนตรงกับความรู้สึกภายใน ถึงเจ้าตัวจะพยายามทำท่าทางเรียบเฉย แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าลิเลียนาที่ไม่ได้พบกันมาหลายปี ก็เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกประหม่า
ลิเลียนาก็อยากรักษาความสัมพันธ์อันดีไว้กับไคลด์เช่นกัน หากนางเอกของเกมเลือกรูทของไคลด์ การมีความสัมพันธ์ที่ดีอาจช่วยให้เธอไม่ต้องพบจุดจบอันเลวร้าย ไม่ว่าจะเป็นการถูกวางยา หรือถูกขังไว้ ดังนั้น ไคลด์ไม่ใช่คนที่สามารถเลี่ยงได้เหมือนกับเป้าหมายคนอื่นๆ
“―ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ลิลี่ เอ่อ…ขอโทษที่มารบกวนตอนกลางคืน แต่ขอเข้าไปได้ไหม?”
ไคลด์ถามอย่างลังเล ลิเลียนาลังเลเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้า แม้จะเป็นพี่ชาย แต่การอยู่กันตามลำพังในยามวิกาลก็ไม่เหมาะนัก และแม่ของเธอก็อยู่ในคฤหาสน์นี้ หากรู้ว่าลูกสาวที่ตนรังเกียจพูดคุยสนิทสนมกับลูกชายสุดรัก คงจะกลายเป็นปัญหาในภายหลัง อีกทั้งคำว่า “ลิลี่” ที่พูดออกมาอย่างชัดเจน ก็ทำให้เธอรู้สึกคิดถึง
เมื่อเธอเปิดประตูออกเพียงเล็กน้อย ไคลด์ก็เข้ามาในห้องอย่างเงียบๆ
เขากวาดตามองห้องอันเรียบง่าย แล้วเผยสีหน้าเศร้า
“ทั้งที่เธอกลับมาบ้านแท้ๆ แต่ดันย้ายห้องของเธอโดยพลการ ขอโทษด้วยนะ ผมทำอะไรไม่ได้เลย”
เขากล่าวอย่างเศร้าหมอง ไหล่ลู่ลงเหมือนกำลังโทษตัวเองที่ไร้ความสามารถ
(โอ้ ดูเหมือนจะพูดจากใจจริง)
ลิเลียนาจึงเปลี่ยนความคิดที่เคยสงสัยว่าเขาอาจจะเสแสร้งเพื่อเอาใจ จากความทรงจำในชาติที่แล้ว ทำให้ลืมไปว่าเธอเพิ่งอายุ6ขวบ และไคลด์อายุแค่11เท่านั้น
(ถ้าอายุแค่นี้แต่มีเล่ห์เหลี่ยมขนาดนั้นได้ล่ะก็ อนาคตคงน่ากลัวจริงๆ)
ในเกม ไคลด์เป็นคนเจ้าเล่ห์ เป็นนักวางแผน เธอมองไคลด์ตรงหน้าแล้วนึกไม่ออกเลยว่าเด็กหนุ่มแสนบริสุทธิ์คนนี้จะกลายเป็นอย่างนั้นได้ยังไง
ไคลด์ที่เห็นเธอนิ่งเงียบ ก็เอียงคอเล็กน้อย แล้วพูดขึ้น
“อ้อ จริงสิ เธอยังพูดไม่ได้สินะ สบายดีไหม?”
ลิเลียนายิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็ชี้ให้ไคลด์นั่งที่โซฟา ก่อนจะหยิบกระดาษกับปากกาจากโต๊ะเขียนหนังสือ แล้วนั่งลงบนโซฟาเยื้อง ๆ กับเขา
<ดีใจที่ได้พบอีกครั้งนะคะ ท่านพี่>
ลิเลียนาเขียนคำทักทาย ไคลด์ดูตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มตอบกลับอย่างอ่อนโยน
“ผมก็เหมือนกัน”
“ผมเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้เองว่าเธอล้มป่วยจนพูดไม่ได้ ท่านพ่อกับท่านแม่ดูเหมือนจะรู้กันอยู่แล้ว แต่ผมกลับไม่รู้เรื่องเลย…”
เขาพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ เหมือนจะตำหนิตัวเอง ลิเลียนาเอียงคอเล็กน้อย แล้วเขียนตอบ
<ไม่เป็นไรค่ะ ที่ท่านพี่มาเป็นห่วง ก็ทำให้ฉันยินดีมากแล้วค่ะ>
ไคลด์ยิ้มออกมา
(รู้สึกแปลกๆ ท่านพี่เป็นคนแบบนี้ด้วยหรือ)
เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ ครั้งสุดท้ายที่เจอกับไคลด์คือตอนอายุ5ขวบ และก็แค่ร่วมโต๊ะอาหารกันเท่านั้น ไม่นับว่ามีปฏิสัมพันธ์อะไรมากนัก ความทรงจำจึงไม่ชัดนัก แต่เธอจำได้ว่าไคลด์ควรจะเย็นชากว่านี้
(เกิดอะไรขึ้นกันนะ)
ตอนนี้ไคลด์กำลังศึกษาเพื่อเตรียมสืบทอดตำแหน่งดยุกที่คฤหาสน์ในเขตฟอร์เทีย แต่ไม่นานมานี้ก็ได้อยู่ที่เมืองหลวง และเริ่มสร้างความสัมพันธ์กับบุตรหลานขุนนางระดับสูงคนอื่นๆ ด้วย แหล่งข่าวก็คือเหล่าคนรับใช้ของคฤหาสน์
ลิเลียนายิ้มอย่างสุภาพ พยายามสังเกตท่าทีของไคลด์ ขณะที่อีกฝ่ายมองกลับมาด้วยสายตาห่วงใย
“เธอจะอยู่ที่นี่สิบวันใช่ไหม ระหว่างนี้ถ้ามีอะไรอึดอัดใจก็บอกได้เลยนะ”
<ขอบคุณมากค่ะ ท่านพี่>
คำตอบของลิเลียนาทำให้ไคลด์พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ดูเหมือนเขาจะดีใจที่น้องสาวพึ่งพาเขา จากนั้นเขาก็พูดต่ออย่างระมัดระวังว่า
“ตอนนี้เธอพูดไม่ได้ คงจะลำบากมากใช่มั้ย”
ลิเลียนายังคงยิ้มอยู่ แต่แก้มก็เกร็งไปชั่วขณะ ไคลด์ไม่ทันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงนั้น
“ถ้าเธอต้องการ ผมจะช่วยติดต่อนักเวทที่เก่งๆให้ได้นะ”
เมื่อได้ยินคำนั้น ลิเลียนาชะงักไปชั่ววูบ เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของไคลด์
<ต้องหานักเวทเลยหรือคะ? แต่หมอก็บอกว่าควรสังเกตอาการต่ออีกสักหน่อย ฉันคิดว่ารออีกนิดก็คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ>
เธอรีบเขียนตอบ และโล่งใจที่มือไม่สั่นสีหน้าก็ยังควบคุมได้ดี เธอค่อยๆปาดเหงื่อที่เริ่มซึมบนมือซ้ายโดยไม่ให้ไคลด์สังเกตเห็น
ไคลด์เอียงคออย่างไม่แน่ใจเมื่อเห็นข้อความของเธอ
“แต่ว่า ลิลี่ เธอคือหนึ่งในว่าที่คู่หมั้นขององค์ชายรัชทายาทเลยนะ ถ้ายังพูดไม่ได้มันจะไม่ลำบากเอาหรอ?”
<ค่ะ แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นแค่ “ว่าที่” เท่านั้นค่ะ>
ด้วยความกังวล เธอไม่อาจคิดข้อแก้ตัวดีๆ ได้ จึงตอบกลับอย่างลนลาน ไคลด์เงียบไปพลางครุ่นคิดบนใบหน้าอันเรียบร้อย และลิเลียนาก็รอฟังคำตอบ
ไคลด์ดูเหมือนไม่อยากบังคับอะไรเธอ สุดท้ายจึงพูดว่า “เข้าใจแล้ว” แล้วลุกขึ้นยืน
เขายิ้มแล้วโอบเธออย่างแผ่วเบา
“ขอโทษที่รบกวนยามดึกนะ”
“ไว้คุยกันใหม่พรุ่งนี้นะ ถ้ามีเวลาเรามาคุยกันยาวๆนะ”
ดูเหมือนการมาเยือนของไคลด์จะจบเพียงเท่านี้ ลิเลียนาวางปากกากับกระดาษลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเพื่อส่งเขา ไคลด์เดินไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนจะเปิดออก เขาหันกลับมามองเธอผ่านไหล่
“―ถ้าเธอเปลี่ยนใจ บอกได้เลยนะ จะพาไปหานักเวทฝีมือดีให้เอง”
ราตรีสวัสดิ์ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะออกจากห้องไป ลิเลียนาโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ และเมื่อประตูปิดลง เธอก็ถอนหายใจ
(อา เกือบหลงกลไปแล้ว)
รอยยิ้มของไคลด์ตอนพูดว่าจะ “แนะนำนักเวท”―สีหน้าที่ฉาบอยู่บนใบหน้าอันยังไร้เดียงสานั้น เธอจำมันได้
(ในเกม ไคลด์เองก็ยิ้มแบบนั้น)
แม้จะยังไม่สมบูรณ์นักและยังดูอ่อนเยาว์อยู่บ้าง แต่ความงดงามของเขา คำพูดอ่อนโยน และรอยยิ้มนั้นอาจเป็นอันตรายได้หากเผลอไผลไป
(ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเบี้ยของท่านพ่อ แต่ก็ควรเฝ้าระวังไว้จะดีกว่า)
ลิเลียนาหยิบขวดน้ำผลไม้ออกจากกระเป๋าในตู้เสื้อผ้า เป็นของที่เพทร่าให้มา เธอใช้เวททำให้เย็น แล้วดื่มเพื่อคลายความเหนื่อยล้า
ตามตรงแล้ว เธออยากนอนต่อไปเลย แต่ตั้งแต่คืนพรุ่งนี้ ผู้คนจะเริ่มทยอยเข้าคฤหาสน์ เธอจึงอยากสำรวจทุกอย่างให้เสร็จก่อน
ลิเลียนาดื่มน้ำไปครึ่งขวด แล้วร่ายเวทพรางตัวกับตนอีกครั้ง จากนั้นก็ออกจากห้องอย่างเงียบงัน โดยไม่มีใครเห็น
MANGA DISCUSSION