เกือบปีแล้วที่ฉันได้อยู่ในเขตอัลคาเซีย แต่เนื่องจากท่านพ่อบอกว่ายังไม่จำเป็นต้องกลับไป ฉันเลยเริ่มฝึกอย่างหนักเพื่อเข้าร่วมกับหน่วยอัศวินของเมืองหลวง
แม้ว่าการที่ฉันจะผ่านการคัดเลือกแทบจะเป็นที่แน่นอนแล้ว แต่มันทำให้รู้สึกขุ่นเคืองที่คิดว่าฉันอาจจะถูกมองว่าแค่ใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของครอบครัว
อย่างไรก็ตาม ความจริงที่ว่าฉันเป็นบุตรชายคนที่สองของตระกูลแอร์เดรด หนึ่งในสามดยุก จะติดตามฉันไปตลอดชีวิต เพื่อต้องการให้คนอื่นยอมรับคุณค่าในตัวฉัน ฉันไม่สามารถประมาทได้
นอกจากนี้ ถ้าฉันมีประสบการณ์และความสำเร็จในหน่วยอัศวิน ฉันก็อาจจะได้เป็นราชองครักษ์ของไรลีย์อย่างเป็นทางการ แม้ว่าทุกคนจะบอกว่าฉันควรจะตั้งเป้าไปที่หน่วยที่หนึ่งหากต้องการคุ้มกันราชวงศ์ แต่ฉันไม่สนใจที่จะปกป้องกษัตริย์หรือราชวงศ์ เป้าหมายของฉันคือหน่วยที่เจ็ดที่ขึ้นชื่อในเรื่องคุณธรรมมากกว่า
“ออสติน มาฝึกกันหน่อยได้ไหม”
“นายแน่ใจเหรอว่าจะฝึกกับฉัน?”
“ไม่มีใครจะยอมสู้แบบไม่ออมมือนอกจากนายแล้ว”
ฉันไม่สามารถหยุดยิ้มอย่างขมขื่นได้ คนส่วนใหญ่ที่กลัวว่าจะทำให้องค์รัชทายาทบาดเจ็บมักจะยั้งมือไม่สู้จริงจัง แต่ฉันกลับฝึกจริงจังตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกับไรลีย์ ไรลีย์ดูเหมือนจะชอบแบบนี้ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็พูดอย่างเปิดเผยว่าฉันคือเพื่อนสนิทที่สุดของเขา
ฉันตามเขาไปยังสนามฝึก ฉันสงสัยว่าไรลีย์เข้าใจถึงความหมายของการพาฉันไปยังสนามฝึกที่มีไว้สำหรับราชวงศ์เท่านั้นในพระราชวังหรือเปล่า บางทีความไม่กังวลของเขาอาจจะมาจากธรรมชาติที่ค่อนข้างไร้เดียงสาของเขา ตามที่ขุนนางบางคนพูดถึง
อย่างไรก็ตาม ฉันไม่เคยปฏิเสธการฝึกกับเขา และที่น่าประหลาดใจคือตัวฉันเองก็เพลิดเพลินกับการฝึกนี้
เรากล่าวทักทายกันเล็กน้อยและค่อยๆ ยกระดับการต่อสู้ไปสู่ระดับที่เข้มข้นขึ้น เนื่องจากฉันได้ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเข้าร่วมหน่วยอัศวิน ทักษะของฉันได้พัฒนาขึ้นจนเกินไรลีย์ไปแล้ว ฉันพบว่าการจัดการกับเขาง่ายขึ้นกว่าเดิม ไรลีย์ดูเหมือนจะรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องนี้ แต่ฉันมักจะรู้ประหลาดใจเสมอว่าอนาคตของกษัตริย์จะอ่อนแอกว่าองครักษ์ของเขา
อย่างไรก็ตาม ฉันมียังกังวลเรื่องอื่นๆอยู่
ที่นี่มีองครักษ์ประจำอยู่ห่างๆ แต่ก็ไม่มีคนอื่นอยู่
ในเสียงที่เบากว่าปกติที่ไรลีย์เท่านั้นที่จะได้ยิน ฉันถามเขา
“วันนี้ได้เจอกับเลดี้ลิเลียนาหรือเปล่า?”
เมื่อฉันพูดถึงสิ่งที่ได้ยินจากมาร์เชอเนสฟินช์ ไรลีย์พยักหน้าโดยไม่แสดงท่าทางตกใจมากนัก เขาดูเหมือนจะรู้ดีว่าฉันได้ข้อมูลจากที่ไหน
“เธอยังไม่ได้เสียงกลับมาเลย”
“—ถามเธอคนนั้นมาเหรอ?”
น้ำเสียงของไรลีย์แสดงถึงความขมขื่น ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ถ้านายคิดอย่างนั้น หยุดเลย”
“มันทำไม่ได้หรอก”
ฉันเกือบจะถามว่าเพราะอะไร แต่ก็ลังเล ฉันไม่แน่ใจว่าจะถามเรื่องนี้ได้หรือไม่ เห็นท่าทางลังเลของฉัน ไรลีย์ก็พูดด้วยเสียงต่ำ
“มันเป็นคำขอจากองค์กษัตริย์ พระองค์ต้องการให้คอยดูแลเธออยู่เคียงข้างฉัน”
“เคียงข้าง—?”
“ใช่”
ไรลีย์นั้นมีผู้สมัครคู่หมั้นอื่นๆ นอกจากคุณลิเลียน่าอยู่ แต่ช่วงนี้เธอใช้เวลาอยู่กับไรลีย์มากกว่าผู้สมัครคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะความรู้สึกส่วนตัวหรือไม่ แต่แรงกดดันจากภายนอกก็ค่อยๆ ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกัน
บางครั้งฉันก็เข้าร่วมปาตี้น้ำชากับไรลีย์และเลดี้ลิเลียน่าอยู่บ้าง แต่ในขณะที่ไรลีย์ยังคงเป็นตัวของตัวเอง เลดี้ลิเลียน่ากลับดูระมัดระวังและบางครั้งก็หลีกเลี่ยงการพูดคุยกับไรลีย์
“—เพื่อปกป้องเธอ ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น”
หลังจากความเงียบไปสักพัก ไรลีย์ก็พูดคำนี้ออกมา น้ำเสียงของเขาบังคับให้ฉันตกตะลึง
—ปกป้องเธอ? หมายความว่าอะไร?
ดูเหมือนว่าการเก็บเลดี้ลิเลียน่าไว้ใกล้ๆ จะทำให้สถานการณ์แย่ลง หากคนอื่นเห็นว่าเธอใกล้ชิดกับไรลีย์
คนที่คิดไม่ดีต่อเธอก็จะเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงที่เธอจะเป็นเป้าหมายไม่สามารถถูกมองข้ามได้
ผู้สมัครคู่หมั้นไม่ใช่เป้าหมายการลอบสังหาร แต่การเป็นคู่หมั้นทางการจะทำให้เธอต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง การเป็นคู่หมั้นที่มีสถานะแค่ในนาม—แต่ก็ถือว่าเป็นคู่หมั้นทางการ—จะทำให้มันไม่ใช่แค่เรื่องของภาพลักษณ์อีกต่อไป
ไรลีย์คงรับรู้ถึงความลังเลของฉัน เพราะเขาให้รอยยิ้มขมขื่น
“ฉันก็ไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันยังไม่มีอำนาจ”
แสงแห่งความคลั่งปรากฏในดวงตาของเขา มันทำให้ฉันตกใจจนถึงกับสะดุดไปพักหนึ่ง ไรลีย์เหมือนจะเสียสมาธิไปชั่วขณะ แต่ฉันไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ฉันหลบการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย และไรลีย์ก็เดาะลิ้นในลักษณะที่ไม่เหมาะสมกับองค์รัชทายาท
“อย่าเดาะลิ้นสิ องค์ชาย”
“ไม่เป็นไรหรอก ก็มีแค่นายที่ได้ยิน”
นั่นแหละปัญหาล่ะ แต่ไรลีย์ก็จริงจัง
ฉันถอนหายใจในใจ
เขานั้นใจดีและจริงจังแต่ไม่มีความยืดหยุ่น เขาไม่ได้เจ้าเล่ห์ และในขณะที่เขาทำสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีความสามารถ เขาก็ไม่ได้โดดเด่น เขาไม่ได้เลวร้ายหรือดี แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เป็นกษัตริย์ที่โหดร้าย แต่ก็ไม่น่าจะเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาด ขุนนางรอบตัวเขามองเขาเป็นผู้สืบทอดที่ไม่มีอะไรโดดเด่น
ฉันเชื่อว่าขุนนางที่ตัดสินไรลีย์แบบนี้เข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง ไรลีย์มีศักยภาพกว้างไกล—มันกว้างจนบางครั้งมันดูเหมือนเป็นข้อบกพร่อง ธรรมชาติของเขาที่มีความเมตตาทำให้การตัดสินของเขายุติธรรม และไรลีย์ก็รักษาท่าทีสงบเสงี่ยมไม่ให้ความรู้สึกแสดงออกมา
—แต่ไรลีย์
ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาแสดงให้เห็นถึงความเครียดทางอารมณ์ ฉันสังเกตเห็นว่าเขาควบคุมความรู้สึกไม่ได้ และมันก็ทะลักออกมาแม้เขาจะพยายามเก็บมันไว้
ฉันรู้สึกสะดุดใจอย่างไม่คาดคิด ดูเหมือนว่าฉันยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ ฉันกัดฟันแน่น
เลดี้ลิเลียน่า อเล็กซานดรา คลาร์ก ที่ฉันพบมาไม่กี่ครั้ง เป็นสาวงามและมีความอ่อนน้อม แม้ว่าฉันจะยังไม่ได้เห็นเธอพูด แต่คำที่เขียนของเธอก็มีความสง่างาม และลักษณะการสื่อสารที่กระชับสะท้อนถึงปัญญาของเธอ เธอดูเหมาะสมมากองค์รัชทายาท จากคุณสมบัติของเธอเอง มันก็สมเหตุสมผลที่เธอเป็นผู้สมัครอันดับหนึ่ง
ฉันเองก็เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นด้วยความมั่นใจในการประเมินของตัวเอง
แต่สิ่งหนึ่ง—ดวงตาของไรลีย์นั้นเกินความคาดหมายของฉัน
ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกที่มาจากความยุติธรรมหรืออย่างอื่น ฉันยังไม่สามารถบอกได้
ดูเหมือนว่าไรลีย์ไม่ได้มองเลดี้ลิเลียน่าว่าเป็นคนที่พิเศษ หากเป็นเช่นนั้นก็คงไม่ต้องห่วงอะไรมาก เขาคือชายที่ควรจะเป็นกษัตริย์
แต่ถ้าเป็นกรณีอื่น—ไม่ว่าจะเธอควรจะเป็นราชินีในอนาคตหรือไม่ ฉันยังขาดข้อมูลลที่จะตัดสินได้
T/N:
3ตอนที่ผ่านมา สระ เ ของ ‘ลิเลียน่า’ หายหมดเลย somehow ;=;
ขอโทษทีพอดีไม่ได้เช็คในเว็บ เช็คแต่ใน editor แต่แก้ไปและ
MANGA DISCUSSION