บทที่ 244: ไล่ล่ามอนสเตอร์แห่งบททดสอบ!
วันที่ 29 เดือนเพลิงแดง, ตอนกลางคืน, สถานที่คือห้องนั่งเล่นของหอพักเก่า—หรือจะพูดว่า ในเมื่อตอนนี้มีคนอาศัยอยู่แล้ว จะเรียกว่าหอพักเฉยๆ ก็ได้กระมัง, ผู้อยู่อาศัยของที่นี่อันได้แก่ ผม, ไซม่อน, ลิลี่, และฟิโอน่า, ทั้งสี่คนกำลังรวมตัวกันอยู่
ถึงจะเรียกว่าห้องนั่งเล่นก็เถอะ แต่จริงๆ แล้วมันก็เป็นแค่ห้องที่กว้างที่สุดที่เอาโต๊ะกับเก้าอี้ตามจำนวนคนมาตั้งไว้ แล้วก็ตั้งชื่อเรียกกันเองตามใจชอบเท่านั้นเอง ถึงกระนั้น พวกเราทั้งสี่คนก็มักจะมารวมตัวกันทานอาหารที่นี่อยู่บ้างเหมือนกัน
การที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตาทุกครั้งมันก็แอบจะเหงาอยู่บ้างก็จริง แต่ทุกคนต่างก็มีเรื่องที่ต้องทำของตัวเองอยู่ เพราะฉะนั้นการที่จะมีสมาชิกบางคนหมกตัวอยู่ในห้องของตัวเองมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แล้วก็ ครั้งนี้พวกเราทั้งสี่คนก็ได้มารวมตัวกันทานอาหารเย็นอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเสียที หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาของการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่แต่ละคนไปรวบรวมมา หรือก็คือ ช่วงเวลาของการพูดคุยสัพเพเหระนั่นเอง
“—โธ่ ถ้าต้องไปร่วมฝึกซ้อมสุดโหดของพี่เรียอีกครั้งล่ะก็ มีชีวิตกี่ชีวิตก็คงจะไม่พอหรอกนะ”
“ดูเหมือนจะกลายเป็นปมในใจไปเสียแล้วสินะ เรื่องเกี่ยวกับพี่สาวของนายน่ะ”
“อื้ม ตอนนี้ไม่ได้เจอหน้ากันทุกวันแล้ว ชีวิตในหอพักก็เลยดีมากเลยล่ะ แต่ว่า ยังไงซะเดี๋ยวอีกไม่นานก็คงจะมาตรวจเยี่ยมแบบไม่บอกล่วงหน้าแล้วก็มาบ่นนู่นบ่นนี่อีกแน่ๆ เลย เกลียดจังเลยน้า อา คุณพี่ ตอนนั้นจะใช้กำลังไล่กลับไปเลยก็ได้นะครับ”
“ไม่สิ สมกับที่เป็นอย่างนั้นจริงๆ นะ…”
มันคงจะแย่แน่ๆ ทั้งเป็นพี่สาวของไซม่อน ทั้งยังเป็นนายพลของสปาด้าอีกต่างหาก แล้วก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะสู้ชนะได้หรือเปล่าเลยนี่นา
ก็ ตอนนี้มันก็กลายเป็นเรื่องบ่นเกี่ยวกับพี่สาวของไซม่อนมากกว่าที่จะเป็นการพูดคุยสัพเพเหระไปเสียแล้วก็จริง แต่นั่นมันก็ดีเหมือนกันนะ ผมคิดว่าการทำแบบนี้มันจะช่วยให้พวกเราเข้าใจกันและกันได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปอีก
เอาเป็นว่า ผมเข้าใจดีแล้วล่ะว่าไซม่อนกลัวพี่สาวของเขามากขนาดไหน
“อย่ามองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้นสิ นี่ไง กินพุดดิ้งซะสิ”
“อื้ม ขอบคุณครับคุณพี่”
จะว่าไปแล้ว พุดดิ้งที่อุตส่าห์ตั้งใจทำมาอย่างเต็มที่ในฐานะของหวานก็กำลังประดับอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยนะ
มันเป็นปฏิกิริยาตอบรับที่ดีเยี่ยม ชวนให้นึกถึงตอนที่เคยทำไอติมแท่งที่หมู่บ้านไอร์สไม่มีผิด ทุกคนต่างก็กำลังลิ้มรสความหวานละมุนลิ้นนั้นอย่างเอร็ดอร่อย
มีอยู่คนหนึ่งที่กำลังตั้งอกตั้งใจเรียงถ้วยพุดดิ้งที่กินหมดแล้วขึ้นไปเป็นหอคอยอย่างต่อเนื่องก็จริงอยู่หรอกนะ
เอาเรื่องนั้นไว้ก่อนแล้วกัน ใกล้จะได้เวลาที่ผมจะเล่าเรื่องของตัวเองบ้างแล้วล่ะนะ
“อันที่จริง วันนี้ผมเพิ่งจะไปกิลด์มาเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งสัปดาห์น่ะครับ—”
ชีวิตนักเรียนมันก็สำคัญอยู่หรอกนะ แต่ว่าอาชีพหลักของผมคือนักผจญภัย จะมาละเลยทางนี้มันก็คงจะไม่ได้
“ถ้าพูดถึงกิลด์แล้ว คุณคุโรโนะมักจะไปหาคุณเอริน่า พนักงานต้อนรับสาวสวยเผ่าเอลฟ์คนนั้นอยู่เรื่อยเลยสินะคะ”
“คุณพี่ครับ คุณเอริน่าน่ะคู่แข่งเยอะนะครับ”
“เอ๊ะ อะไรกันเนี่ย ผมก็แค่ตั้งใจจะพูดเรื่องเควสต์อย่างจริงจังเท่านั้นเองนะ”
เพราะคำพูดที่แฝงหนามของฟิโอน่าแท้ๆ เรื่องมันก็เลยกลายเป็นว่าผมไปหลงเสน่ห์พนักงานต้อนรับเข้าให้เสียแล้วนี่สิ
ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปใช้บริการที่คุณเอริน่าอยู่ตลอดเวลาเสียหน่อยนี่นา แล้วก็ไม่ได้คิดจะไปจีบเธอด้วยซ้ำ
ผมกับเธอก็แค่ได้รู้จักกันนิดหน่อยจากเหตุการณ์ที่โจทฆาตกรผู้คลุ้มคลั่งด้วยคำสาปเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความคิดอกุศลอะไรเลยแม้แต่น้อย
เพราะฉะนั้นนะ ลิลี่ก็ช่วยเลิกส่งสายตาเย็นชามาทางผมจะได้ไหมนะ เมื่อกี้ตอนที่กินพุดดิ้งอยู่ยังเป็นเด็กอยู่เลยแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วสินะ
“นั่นสินะคะ ใกล้จะได้เวลารับเควสต์แรงก์ 3 สักเควสต์หนึ่งแล้วล่ะค่ะ”
โอ้ สมกับที่เป็นลิลี่จริงๆ ช่วยเปลี่ยนเรื่องที่น่าอึดอัดใจนี่ไปได้อย่างสวยงามเลย ขอบคุณนะที่ช่วยสงสัย—
“เรื่องผู้หญิงที่ชื่อเอริน่าอะไรนั่นน่ะ เดี๋ยวค่อยมาเล่าให้ฟังอย่างละเอียดทีหลังแล้วกันนะคะ”
อ๊ะ ไม่ได้เหรอครับ อย่างนั้นเองเหรอครับ
นี่มันดูเหมือนจะต้องใช้เวลาพอสมควรเลยนะกว่าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้… เอาความรู้สึกหดหู่นั่นไว้ก่อนแล้วกัน ตอนนี้มาพูดเรื่องงานกันดีกว่า
“ยังจำเรื่องมอนสเตอร์แห่งบททดสอบหกตัวนั่นได้อยู่ใช่ไหม?”
“ค่ะ ถ้าปราบมอนสเตอร์ได้เหมือนกับตอนราสปุน ก็จะได้รับพรพิทักษ์สินะคะ”
ฟิโอน่าตอบกลับมาอย่างถูกต้องแม่นยำ ถ้าเธอไม่ได้กำลังเอาช้อนเขี่ยพุดดิ้งเล่นอยู่ล่ะก็ บรรยากาศมันคงจะดูจริงจังกว่านี้อีกเยอะเลย
“อา หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะปรากฏตัวขึ้นมาใกล้ๆ นี่แล้วล่ะ”
หนึ่งในนั้นมีชื่อว่ากรีดกอร์ เป็นมอนสเตอร์ชนิดหนึ่ง
จากข้อมูลที่เคยหามาได้จากห้องข้อมูลของกิลด์ก่อนหน้านี้ ถิ่นที่อยู่อาศัยของเจ้านี่คือดันเจี้ยนแรงก์ 5 ที่ชื่อว่า ‘หุบเขามังกรปฐพี’ [เอลแกรนด์แคนยอน] ซึ่งอยู่ไกลออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสปาด้ามาก แถมยังเป็นมอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวออกมาน้อยครั้งมากอีกด้วย การที่จะเดินทางไกลขนาดนั้นไปปราบมัน ก็คงจะต้องมีข้อมูลการพบเห็นที่แน่นอนเสียก่อน
แล้วก็ ในที่สุดข้อมูลการพบเห็นกรีดกอร์นั้นก็เข้ามาถึงแล้ว แต่ว่า…
“ฟาห์เรนเหรอ? ถ้าพูดถึงฟาห์เรนแล้ว มันก็คือประเทศที่อยู่ติดกับสปาด้าสินะ”
อย่างที่ลิลี่พูด ข้อมูลการพบเห็นนี้มาจากฟาห์เรนซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของสปาด้านั่นเอง
“หุบเขามังกรปฐพี [เอลแกรนด์แคนยอน] มันอยู่ทางทิศตะวันตกมากกว่านี้นะ มันออกนอกเขตที่อยู่อาศัยของตัวเองมากเกินไปรึเปล่า?”
ข้อสังเกตของไซม่อนนั้นสมเหตุสมผลอย่างยิ่ง โดยปกติแล้วก็คงจะคิดว่าเป็นข้อมูลปลอมหรือไม่ก็แค่เข้าใจผิดกันไปเองเท่านั้นแหละ แต่ว่า…
“ทางกิลด์เองก็ยืนยันข้อมูลนี้แล้วเหมือนกัน มีผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนเลยด้วย และที่สำคัญที่สุดคือดูเหมือนว่ากองอัศวินฟาห์เรนที่กำลังฝึกซ้อมอยู่ก็ไปเผชิญหน้ากับมันเข้าพอดีด้วยล่ะ”
เมื่อลองไล่ตามข้อมูลการพบเห็นดูแล้ว ดูเหมือนว่าจุดเริ่มต้นของกรีดกอร์นั้นน่าจะเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยดั้งเดิมของมันคือหุบเขามังกรปฐพี [เอลแกรนด์แคนยอน] นั่นเอง จากตรงนั้นมันก็ค่อยๆ เคลื่อนที่มาทางทิศตะวันออก หรือก็คือมาทางนี้นั่นเอง
จะว่าไปแล้ว กองอัศวินฟาห์เรนที่เผชิญหน้ากับมันนั้น กรีดกอร์ได้หายตัวไปก่อนที่จะได้เริ่มต่อสู้กัน ก็เลยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บอะไร ว่ากันอย่างนั้นนะ
เมื่อพิจารณาถึงความอันตรายของแรงก์ 5 แล้ว กองอัศวินก็ได้รวบรวมกำลังพลเพื่อจัดตั้งกองกำลังปราบปรามขึ้นมาก็จริง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถค้นพบมันได้อีกเลย ว่ากันอย่างนั้น
“กรีดกอร์มันคิดอะไรอยู่ถึงได้มุ่งหน้ามาทางทิศตะวันออกตรงๆ แบบนี้ผมก็ไม่รู้หรอกนะ แต่จากความเร็วในการเคลื่อนที่ที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ คาดการณ์ได้ว่ามันน่าจะเข้ามาในอาณาเขตของสปาด้าแล้วหรือไม่ก็ใกล้จะถึงแล้วล่ะ”
“อย่างนี้นี่เองค่ะ หมายความว่ามันมาปรากฏตัวในที่ที่พวกเราจะไปปราบได้สะดวกพอดี อย่างนั้นสินะคะ”
ผมพยักหน้ายอมรับคำพูดของฟิโอน่า
ราวกับว่ามันจงใจปรากฏตัวออกมาเพื่อมอบบททดสอบให้เลยทีเดียวเชียว ถึงแม้ว่ามิอาจังจะเคยบอกไว้ว่าเป็น “เรื่องตามธรรมชาติ” ก็ตามทีเถอะนะ เพราะฉะนั้นมันก็คงจะไม่ได้มีเจตนาอะไรเป็นพิเศษหรอกกระมัง
“ข้อมูลการพบเห็นมอนสเตอร์แห่งบททดสอบในตอนนี้ก็ยังไม่มีตัวอื่นนอกจากเจ้านี่เลย ถ้าจะปราบมันล่ะก็คงจะมีแค่โอกาสนี้เท่านั้นแหละ ทางกิลด์ก็แค่แจ้งเตือนออกมาเท่านั้น ยังไม่ได้มีการออกเควสต์ปราบปรามอย่างเป็นทางการ เพราะฉะนั้นมันก็เท่ากับว่าเป็นอิสระโดยสมบูรณ์เลยก็ว่าได้ แต่ว่า จะมาด้วยกันไหมล่ะ?”
“แน่นอนอยู่แล้วสิยะ โอกาสดีๆ แบบนี้มันซื้อด้วยเงินไม่ได้หรอกนะ”
“ฉันเองก็คิดว่าดีเหมือนกันค่ะ”
“ขอบใจนะ ตกลงตามนี้เลยสินะ”
ความคิดเห็นเห็นพ้องต้องกันอย่างรวดเร็ว การปราบกรีดกอร์ก็เลยถูกตัดสินลงแล้ว
“ครั้งนี้เรามาเตรียมตัวให้พร้อมสมกับที่จะต้องไปสู้กับมอนสเตอร์แรงก์ 5 กันดีกว่านะคะ กรีดกอร์น่ะ ถ้าจำไม่ผิดมันใช้คุณสมบัติธาตุดินสินะคะ?”
ฟิโอน่าพูดจาได้สมกับเป็นนักผจญภัยที่พึ่งพาได้จริงๆ ถ้าที่มุมปากของเธอไม่มีเศษพุดดิ้งติดอยู่ล่ะก็ ผมคงจะนับถือได้อย่างสนิทใจเลยแท้ๆ
แต่ก็จริงอย่างที่ว่า ตอนที่สู้กับราสปุนนั้น เพราะไม่ได้เตรียมการรับมือกับความต้านทานเปลวเพลิงอันรุนแรงของมันเอาไว้ ก็เลยต้องลำบากอย่างหนักเลยทีเดียว
การเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมสำหรับมอนสเตอร์ที่จะเป็นเป้าหมายในการปราบปรามนั้น เรียกได้ว่าเป็นพื้นฐานของนักผจญภัยเลยก็ว่าได้
“อา กรีดกอร์มันใช้คุณสมบัติธาตุดิน คงจะแข็งน่าดูเลยล่ะนะ”
ตามข้อมูลแล้ว กรีดกอร์นั้นมีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์เหมือนกับดากาแร็ปเตอร์ ดูเหมือนจะเป็นไทแรนโนซอรัสฉบับต่างโลกอะไรทำนองนั้น
แถมเจ้านี่ยังสามารถควบคุมพื้นดินได้อย่างอิสระด้วยเวทมนตร์เฉพาะตัว [เอ็กซ์ตร้า] ธาตุดิน และยังสามารถเคลื่อนที่โดยการดำดินเหมือนกับตัวตุ่นได้อีกด้วย ช่างเป็นตัวที่เหลือเชื่อจริงๆ
“เอาเป็นว่าวางแผนกันก่อนแล้วกันนะ พอเตรียมตัวพร้อมแล้วก็ออกเดินทางเลย”
แล้วสองวันต่อมา วันที่ 31 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของเดือนเพลิงแดง พวกเรา ‘ปรมาจารย์ธาตุ’ [เอเลเมนท์มาสเตอร์] ก็ได้ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสปาด้าเพื่อปราบกรีดกอร์
หน้าหอพัก มีวิลกับเมดเซเลียที่อุตส่าห์มาส่งเป็นพิเศษ และไซม่อนที่ดูเหมือนจะอดนอนจนขอบตาคล้ำทั้งสามคนยืนอยู่
“โอ้ การแต่งกายด้วยชุดเกราะอันหนักแน่นเช่นนี้ ช่างเหมาะสมกับสมญานามนักรบคลั่ง [เบอร์เซิร์กเกอร์] ตัวจริงเสียงจริงเสียจริงๆ นะ คุโรโนะเอ๋ย!”
ผมเผลอหัวเราะแห้งๆ ให้กับวิลที่ตบไหล่ผมป้าบๆ ด้วยท่าทางที่ดูจะตื่นเต้นอยู่บ้างเล็กน้อย พอเห็นผมในสภาพนี้แล้วก็นึกอยู่แล้วว่าจะต้องพูดแบบนี้ออกมาแน่ๆ ที่ไหนได้ก็พูดออกมาจริงๆ ด้วยแฮะ
ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในชุดคลุมอันเป็นเครื่องหมายการค้าของนักเวทแล้ว แต่สวมใส่ชุดเกราะเหล็กกล้าที่เน้นพลังป้องกันเป็นหลัก
ในเมื่อมันใช้คุณสมบัติธาตุดิน ก็เท่ากับว่าเป็นการโจมตีทางกายภาพอย่างการขว้างปาหินอะไรทำนองนั้น แทนที่จะไปป้องกันความร้อนหรือไฟฟ้า การทำให้ร่างกายแข็งแกร่งทนทานขึ้นมันก็มีความหมายอยู่แล้ว
เพื่อรับมือกับกรีดกอร์ ผมก็เลยตัดสินใจซื้อชุดเกราะมาอย่างเด็ดเดี่ยว
แต่ทว่า ตอนนี้ผมยังไม่สามารถจะซื้อของชั้นสูงที่มีผลเสริมพลัง [เอนแชนท์] ป้องกันเวทมนตร์เหมือนกับที่พวกอัศวินหนักของกองทัพครูเสดสวมใส่ได้หรอกนะ มีเพียงแค่ของที่ผลิตจำนวนมากซึ่งมีพลังป้องกันตามวัตถุดิบเท่านั้นเอง ดีไซน์มันก็เรียบง่ายสุดๆ ด้วย
ถึงกระนั้น ผมก็ให้ฟิโอน่าช่วยสลักวงเวทของ ‘[อมตนิรันดร์]’ [เอทานิตี้] ลงไปด้วยตัวเอง แล้วก็ใช้เวลาทั้งวันค่อยๆ ทำให้กลายเป็นสีดำซ้ำๆ เพื่อเสริมพลังป้องกันให้สูงขึ้น
แต่ว่า คำอธิบายของฟิโอน่าน่ะสิ…
“คุณคุโรโนะคะ ตรงนี้ก็ใส่พลังเวทมนตร์เข้าไปตูมๆ เลยนะคะ แถวๆ นี้ก็ทำแบบฟู่วๆ หน่อยค่ะ อา ตรงนั้นก็กิ้วๆๆ—”
มันเต็มไปด้วยคำเลียนเสียงธรรมชาติแบบนั้น ก็เลยต้องใช้เวลาถอดรหัสอยู่นานมากเลยทีเดียวล่ะ
ก็ ผลลัพธ์มันก็ออกมาสำเร็จลุล่วงดีอยู่หรอกนะ ชุดเกราะของผมกลายเป็นสีดำทมิฬที่ไม่ค่อยจะสะท้อนแสงเท่าไหร่ ชวนให้นึกถึงสีสันของกิลด์นักผจญภัยที่หมู่บ้านอัลซัสขึ้นมาเลยทีเดียว
จะว่าไปแล้ว ถึงจะบอกว่าเป็นของที่ผลิตจำนวนมากแต่ชุดเกราะมันก็มีราคาสูงอยู่ไม่น้อยเลยนะ ลิลี่กับฟิโอน่าช่วยออกให้เกือบครึ่งหนึ่งเลย หนี้ของผมมันก็เลยมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ช่างน่าเศร้าใจจริงๆ
ถ้าจะให้พูดเพิ่มเติมอีกหน่อย ลิลี่ก็สวมชุดเดรสวันพีซผ้ากำมะหยี่โบราณ ส่วนฟิโอน่าก็สวมชุดแม่มดของตัวเองกับอุปกรณ์ป้องกันเหมือนเดิม หรือก็คือมันแสดงให้เห็นว่าในการต่อสู้กับกรีดกอร์ครั้งนี้ คนที่จะทำหน้าที่เป็นแนวหน้าที่จำเป็นต้องมีพลังป้องกันเป็นพิเศษก็คือผมนั่นเอง
นานๆ ครั้งก็อยากจะให้ช่วยนึกถึงชื่อคลาสอย่างเป็นทางการของผมบ้างเหมือนกันนะ
“ว่าแต่คุโรโนะเอ๋ย พอจะมีเรื่องอยากจะพูดด้วยอยู่หน่อยหนึ่งน่ะ…”
วิลทำท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ อย่างที่ไม่ค่อยจะได้เห็นเท่าไหร่ หรือว่าจะเป็นเรื่องที่พูดยากขนาดนั้นกันนะ ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ราวกับจะกระซิบกระซาบกัน
“อะไรเหรอ?”
“ขอโทษด้วยนะ ที่ที่คุโรโนะจะมุ่งหน้าไปต่อจากนี้คือทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสปาด้า แถวๆ ชายแดนที่ติดต่อกับฟาห์เรนสินะ”
ก็ถูกเผงเลย ที่ที่กรีดกอร์มีโอกาสจะปรากฏตัวออกมาก็คือแถวๆ นั้นแหละ เอาเป็นว่าพอไปถึงที่นั่นแล้วก็จะรวบรวมข้อมูลการพบเห็น แล้วหลังจากนั้นก็คงจะต้องอาศัยการเดินหาเอาเองล่ะนะ
ถ้าเข้าใกล้ได้ในระดับหนึ่งแล้ว บางทีตาซ้ายข้างนี้อาจจะช่วยชี้ทางให้ก็ได้ ผมก็แอบคาดหวังอยู่จางๆ เหมือนกัน
“อันที่จริงแล้ว น้องสาวของข้าที่เพิ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้เมื่อวันก่อนน่ะนะ…”
“เอ่อ คุณชาร์ล็อตจัง สินะครับ?”
พูดตามตรงแล้ว การพบกันครั้งนั้นมันไม่ได้สร้างความประทับใจที่ดีเท่าไหร่เลย สำหรับเจ้าหญิงแห่งสปาด้าคนนั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการติดต่ออะไรกันอีกเลย คาดเดาได้ว่าทางนั้นคงจะยังคงระแวดระวังผมอยู่มากโขแน่ๆ
ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปว่าอะไรเธอหรอกนะ แต่ถ้ามองจากมุมของผมเองแล้วก็ไม่อยากจะไปยุ่งเกี่ยวด้วยเท่าไหร่
“อะไรกัน เห็นว่ายกพวกกันไปทำเควสต์ทลายแก๊งโจรที่ก่อเหตุอยู่ในฟาห์เรนอะไรทำนองนั้นด้วยท่าทางฮึกเหิมน่าดูเลยนะ พอไปลองสืบดูแล้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีบอดี้การ์ดฝีมือดีอยู่ด้วย ถึงแม้จะเพิ่งจะเลื่อนขั้นเป็นแรงก์ 5 ก็จริง แต่มันก็น่าเป็นห่วงอยู่ดีนั่นแหละ”
อย่างนี้นี่เอง โจรสินะ
นั่นมันก็อาจจะน่าเป็นห่วงกว่าการไปสู้กับมอนสเตอร์ก็ได้นะ ในเมื่อคู่กรณีเป็นคนด้วยกันแล้ว มันก็ไม่ใช่แค่การต่อสู้ด้วยฝีมือล้วนๆ แต่อาจจะมีการวางกับดักเจ้าเล่ห์อะไรทำนองนั้นด้วยก็ได้
ปาร์ตี้ ‘วิงโร้ด’ ที่คุณชาร์ล็อตจังสังกัดอยู่นั้นถึงแม้จะเป็นแรงก์ 5 ก็จริง แต่ก็เพิ่งจะเลื่อนขั้นมาได้ไม่นานเท่าไหร่ เมื่อพิจารณาจากอายุแล้วก็ยังไม่ได้มีประสบการณ์มากพอที่จะเรียกว่าเป็นพวกเก๋าเกมได้
ก็ ผมเองก็อายุ 17 เท่ากัน เพราะฉะนั้นก็คงจะไปพูดจาอวดดีเรื่องนักผจญภัยอะไรมากไม่ได้หรอกนะ
“การที่จะมาขอร้องหลังจากเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมันก็ลำบากใจอยู่มากก็จริง แต่ว่าถ้าหากน้องสาวของข้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา จะช่วยดูแลให้หน่อยไม่ได้เหรอ”
“นั่นมันก็ ถ้าโดนทำร้ายอยู่ตรงหน้าแล้วจะให้ไม่ช่วยมันก็คงจะไม่ได้อยู่แล้วล่ะนะ แต่ว่าจะไปเจอพวกเขาที่นั่นหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลยนี่นา เป้าหมายของแต่ละคนมันก็แตกต่างกันอยู่แล้วด้วย”
“ไม่หรอก แค่นั้นก็เพียงพอแล้วล่ะ ขอบใจนะ แค่คิดว่าเจ้าอยู่ใกล้ๆ แถวนั้น ข้าก็พอจะวางใจได้บ้างแล้วล่ะ อะไรนะ จะหัวเราะเยาะว่าเป็นพี่ชายงี่เง่าก็ได้นะ”
“ไม่หรอกน่า ความรู้สึกที่อยากจะดูแลพี่น้องน่ะ ผมเข้าใจดีออกนะ”
ในกรณีของผมถึงจะไม่ใช่น้องสาวแต่เป็นพี่สาวก็เถอะนะ แต่มันก็คงจะไม่แตกต่างกันเท่าไหร่หรอกกระมัง
วิลกล่าวคำขอบคุณซ้ำอีกครั้งด้วยสีหน้าที่ดูจะปลอดโปร่งขึ้นมาบ้างเล็กน้อย
“อา เรื่องทางนั้นคุยจบแล้วเหรอ? พอดีมีของที่อยากจะให้คุณพี่อยู่หน่อยน่ะ”
“โอ๊ะ…โอ๊ยไซม่อน ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ? ดูท่าทางโซซัดโซเซน่าดูเลยนะ”
ผมเผลอพูดแบบนั้นออกไปกับไซม่อนที่เดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางที่ไม่ปกติราวกับภูตผีปีศาจ
เจ้าตัวจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้น หรือว่าไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะไปใส่ใจกันแน่นะ เขาไม่ได้พูดอะไร ยื่นกล่องสีดำที่อยู่ในมือมาตรงหน้าผม
“ของที่อยากจะให้เนี่ยมันอันนี้เหรอ? ข้างในมันมีอะไรอยู่กันล่ะ?”
“คุณพี่ครับ ได้ยินมาว่ายังไม่ได้ซื้อไม้เท้าอันใหม่เลยนี่นา อันนี้ ถึงจะยังเป็นแค่รุ่นทดลองอยู่ก็จริง แต่ก็รีบเตรียมมาให้เลยนะครับ”
ไซม่อนเปิดกล่องออกมาด้วยดวงตาที่ดูจะหม่นหมอง ข้างในนั้นมีปืนอยู่กระบอกหนึ่ง
รูปร่างของมันคล้ายกับปืนคอนเทนเดอร์ที่ไซม่อนเคยมีในตอนแรก แต่ลำกล้องถูกตัดให้สั้นลง ทำให้มีรูปร่างใกล้เคียงกับของจริงมากยิ่งขึ้น
“ถึงโครงสร้างจะเป็นแบบยิงนัดเดียวเหมือนกับอันแรกที่ผมเคยใช้ก็จริง แต่ถ้าเป็นคุณพี่แล้วล่ะก็ น่าจะใช้ได้เหมือนกับปืนกลที่อัลซัสเลยใช่ไหมล่ะครับ ทั้งในรังเพลิงทั้งในลำกล้องก็สลักวงเวทเอาไว้แล้วด้วย เพราะฉะนั้นถ้าใช้ผ่านอันนี้ล่ะก็ น่าจะยิง [กระสุนเวทบัลเล็ตอาร์ตส์] ออกไปได้โดยตรงเลย แถมพลังทะลุทะลวงก็น่าจะสูงขึ้นด้วยนะครับ”
ยิ่งไปกว่านั้น ลำกล้องยังเป็นแบบสองลำกล้องวางขนานกันอีกด้วย
ยิงพร้อมกันได้ อานุภาพก็เพิ่มเป็นสองเท่า ส่วนแรงถีบนั้นถ้าเป็นผมใช้ก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าไซม่อนจะออกแบบโดยเน้นไปที่การเพิ่มอานุภาพเป็นหลักเลยสินะ คนที่สร้างขึ้นมาจริงๆ ก็คือโรงตีเหล็กสตราโตสที่เชื่อถือได้และมีผลงานเป็นที่ประจักษ์นั่นเอง
“โอ้ นั่นมันสุดยอดไปเลยนี่นา!”
จะว่าไปแล้ว นี่มันคือปืนที่พัฒนาต่อยอดมาจากไม้เท้าเวทมนตร์ที่ควรจะเป็นแบบนั้นจริงๆ สินะ
“แล้วก็อันนี้ ถึงจะทำได้แค่นิดหน่อยก็เถอะนะครับ แต่ก็ทำกระสุนเฉพาะเอาไว้ให้ด้วยนะครับ”
เมื่อมองดูดีๆ ก็สังเกตเห็นว่าบนกระสุนที่อยู่ในถุงผ้าใบเล็กๆ ที่เขายื่นมาให้นั้น มีวงเวทสลักอยู่ทีละนัดๆ เลยทีเดียว
“หรือว่าอันนี้ ไซม่อนเป็นคน—”
“ไม่เป็นไรครับ ดื่มยาโพชั่นปลุกสติแปลกๆ ที่ได้มาจากคุณฟิโอน่าแล้วก็เพิ่มสมาธิเอาไว้แล้ว เพราะฉะนั้นไม่น่าจะมีร่ายคาถาผิดพลาดอะไรหรอกครับ”
ผมเหลือบมองฟิโอน่าแวบหนึ่ง ก็เห็นเธอกำลังถือขวดยาโพชั่นที่เต็มไปด้วยของเหลวสีแดงน่าขนลุกพลางยกนิ้วโป้งให้ผมอยู่
ดูเหมือนว่าจะเป็นผลงานชิ้นเอกที่ฟิโอน่าทำขึ้นมาเองสินะ
“อย่างนั้นเหรอ พยายามมากเลยสินะ”
ถึงกับต้องทำอะไรที่ก้ำกึ่งกับการโด๊ปยาเพื่อทำให้เสร็จให้ได้เลยทีเดียว ช่างน่าซาบซึ้งใจจริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ว่าฝืนตัวเองมากเกินไปหรือเปล่านะ
จะว่าไปแล้ว ไอ้โพชั่นนั่นน่ะดื่มเข้าไปแล้วมันจะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ? ไซม่อนเองก็ยังอุตส่าห์ใช้คำนำหน้าว่า “แปลกๆ” อยู่เลยนี่นา…ไม่สิ ตอนนี้อย่าไปคิดถึงมันเลยดีกว่า
“ขอบใจนะไซม่อน ที่เหลือก็พักผ่อนให้สบายเถอะ”
“อื้ม ฝันดีนะครับคุณพี่”
ผมกล่าวขอบคุณไซม่อนที่พึมพำราวกับละเมอเดินอยู่ระหว่างความฝันกับความเป็นจริง พลางเก็บปืนกับกระสุนที่ได้รับมาเข้าไปใน ‘มิติเงา’ [ชาโดว์เกท]
“ถ้างั้น ไปล่ะนะ”
“อืม ข้าจะตั้งตารอคอยตำนานบทใหม่ของนักรบคลั่งแห่งฝันร้ายทมิฬ [ไนท์แมร์เบอร์เซิร์กเกอร์] อยู่นะ!”
“ไม่ต้องไปใส่ใจคำพูดเพ้อเจ้อของท่านวิลหรอกนะคะ เดินทางโดยสวัสดิภาพค่ะ”
“ฟ่าา คุณพี่ พยายามเข้านะคะ—”
ผมรับคำพูดส่งท้ายที่แตกต่างกันไปของทั้งสามคนไว้ที่แผ่นหลัง แล้วก็พาลิลี่กับฟิโอน่าออกจากหอพัก มุ่งหน้าไปปราบกรีดกอร์
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION