บทที่ 243: โจรแห่งฟาห์เรน
ถึงแม้จะผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เนลกับชาร์ลโดนไอ้หนวดน่าขยะแขยงนั่นทำร้าย แต่พอมาที่โรงอาหารทีไรก็ยังอดที่จะนึกถึงเรื่องนั้นแล้วก็รู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาไม่ได้ทุกที
“อะไรวะเนโร ยังคิดมากเรื่องนั้นอยู่อีกเรอะ?”
ดูเหมือนว่าผมจะเผลอทำสีหน้าอารมณ์เสียออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนแม้แต่ไอ้บ้าเพลงดาบอย่างไคยังมองออก
“ก็เออสิ”
“เนลก็บอกแล้วไม่ใช่เรอะว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ”
“ไอ้โง่ ถ้าปล่อยให้ยัยนั่นพูดล่ะก็ ต่อให้เป็นอาชญากรก็กลายเป็นคนดีได้หมดนั่นแหละ”
เนลน่ะใจดีเกินไป มองจากข้างนอกแล้วมันน่าเป็นห่วงจนทนไม่ไหวเลยจริงๆ ไม่ทันระวังตัวกับความมุ่งร้ายของคนอื่นเอาเสียเลย
แต่ว่า ผมก็ไม่ได้คิดจะไปว่าอะไรเรื่องนั้นหรอกนะ ในฐานะพี่ชายแล้วผมก็แค่ต้องคอยปกป้องเธอเท่านั้นเอง ทั้งที่ผ่านมาแล้วก็ต่อจากนี้ไป ผมก็มีความตั้งใจที่จะทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
“นั่นมันก็อาจจะจริงอยู่หรอกนะ”
แม้แต่ไอ้โง่นี่ก็ยังเข้าใจถึงความเป็นคนดีเกินเหตุของเนลได้
“ที่สำคัญที่สุดคือ ไอ้ผู้ชายคนนั้นน่ะ มันมีกลิ่นอายที่น่ารังเกียจอย่างบอกไม่ถูกเลยว่ะ”
“เอ๊ะ น่าขยะแขยงขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ไม่สิ มันไม่ใช่เรื่องแบบนั้นเฟ้ย ถ้าจะพูดถึงหน้าตาแล้วล่ะก็ ถึงจะดูโหดๆ แต่ก็เรียกได้ว่าค่อนข้างจะหล่อเหลาเลยทีเดียว
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่รูปร่างหน้าตาภายนอกอะไรทำนองนั้นเสียหน่อย
“ตอนนั้นน่ะ หมอนั่นมันไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย”
ถึงแม้จะกอดเนลผู้ซึ่งสวยระดับที่เรียกได้ว่าเป็นสาวงามล่มเมืองไว้ในอ้อมอก หรือจะใช้หนวดสัมผัสพันธนาการชาร์ลเอาไว้ และที่สำคัญที่สุดคือ ถึงแม้จะรับจิตสังหารของผมคนนี้เข้าไปเต็มๆ แต่ในดวงตาสีดำกับแดงของหมอนั่นกลับไม่ปรากฏแววแห่งอารมณ์ใดๆ สั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
ถ้าเป็นผู้ชายแล้วได้แตะต้องสาวสวยอย่างทั้งสองคนนั้น มันก็ควรจะต้องมีความรู้สึกหื่นกามต่ำช้าอะไรทำนองนั้นอยู่บ้างสิ แต่นี่มันไม่มีเลยแม้แต่น้อยจริงๆ ราวกับจะบอกว่าที่กอดเนลก็เพราะเธอกำลังจะล้มจริงๆ ส่วนเรื่องชาร์ลก็เป็นแค่การป้องกันตัวโดยชอบธรรมเท่านั้นเอง สีหน้ามันนิ่งเฉยไร้อารมณ์เสียขนาดนั้น
ถึงผมจะแผ่จิตสังหารออกไป แต่ไอ้หมอนั่น มันก็รู้ดีอยู่แล้วว่าผมไม่สามารถจะฟันเข้าไปได้เพราะมีเนลยืนขวางอยู่ข้างหน้า ก็เลยไม่แสดงท่าทีระแวดระวังอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งกว่าเรื่องที่มันใช้หนวดสัมผัสเสียอีก บรรยากาศรอบตัวของหมอนั่นมันน่าขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ
“เหรอ ถ้างั้นหมอนั่นมันเก่งรึเปล่าล่ะ?”
“ก็ไม่กากหรอกนะ บางที อาจจะมีพลังพอที่จะสู้กับพวกเราได้อย่างสูสีเลยก็ได้”
“โอ้ สุดยอดเลยนี่หว่า!”
ผมไม่ได้เป็นพวกบ้าการต่อสู้เหมือนไคเสียหน่อย เพราะฉะนั้นในความหมายนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกนะ
ถึงจะไม่ได้สนใจ แต่ก็อดที่จะสงสัยไม่ได้อยู่ดี ผมก็เลยลองให้คนไปสืบเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น หรือก็คือไอ้คนที่ชื่อคุโรโนะอะไรนั่นมาบ้างเล็กน้อย
“นี่ไค รู้จักปาร์ตี้แรงก์ 3 ที่ชื่อ ‘ปรมาจารย์ธาตุ’ [เอเลเมนท์มาสเตอร์] รึเปล่า?”
“แรงก์ 3? ไอ้พวกกระจอกแบบนั้นใครจะไปจำได้กันเล่า”
ก็คงจะอย่างนั้นแหละนะ คนที่จะสู้กับหมอนี่ได้อย่างสูสีจริงๆ ก็ต้องเป็นแรงก์ 4 ขึ้นไปแล้วล่ะ
“คุโรโนะมันทำงานเป็นนักผจญภัยอยู่ในปาร์ตี้นี้แหละ”
“คุโระโนะ?”
“ก็ชื่อของผู้ชายคนนั้นไงเล่า พูดอยู่ตั้งหลายรอบแล้วไม่ใช่รึไง”
“อา อ้า อืม คุโรโนะสินะ หืม อย่างนี้นี่เอง ชื่อแบบนั้นเองเหรอ”
หมอนี่มันจำชื่อคนไม่เก่งจริงๆ แฮะ แต่ว่า เพราะผมพูดไปว่า “อาจจะสู้ได้อย่างสูสี” ก็เลยคงจะสนใจขึ้นมามากโขแล้วอย่างแน่นอน คงจะไม่ลืมอีกแล้วล่ะนะ
“ไอ้ ‘ปรมาจารย์ธาตุ’ [เอเลเมนท์มาสเตอร์] นี่น่ะ เห็นว่าเมื่อเดือนที่แล้วยังเป็นแค่แรงก์ 1 อยู่เลยนะ”
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นแรงก์ 3 ไปแล้ว เพียงแค่เดือนเศษๆ เท่านั้นก็เลื่อนขั้นไปถึงสองขั้นเลยทีเดียว
“จริงดิ นั่นมันก็เร็วพอๆ กับพวกเราเลยไม่ใช่เรอะ!”
“ใช่แล้วล่ะ ดูจากทรงแล้วน่าจะมีฝีมือระดับแรงก์ 4 ขึ้นไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ดันมาเริ่มจากแรงก์ 1 นี่สิ”
เรื่องที่ว่าเด็กใหม่ที่เพิ่งจะออกมาจากบ้านนอก จริงๆ แล้วกลับซ่อนเร้นพรสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวเอาไว้แล้วก็เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วอะไรทำนองนั้น มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอยู่เลยก็จริง แต่โดยปกติแล้วมันก็ต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างอยู่เบื้องหลังทั้งนั้นแหละ
บางที สองคนที่ถูกเรียกว่าแฟรี่กับแม่มดที่เป็นพวกพ้องนั่นก็คงจะเป็นเหมือนกันกระมัง
ไอ้คุโรโนะนั่นมันเก็บงำอะไรเอาไว้ผมก็ไม่รู้หรอกนะ แต่หมอนั่นมันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรบางอย่างซ่อนอยู่แน่ๆ สัญชาตญาณที่แม่นยำของผมมันบอกอย่างนั้น
ไม่สิ หรือว่าหมอนั่นมันกำลังจะทำอะไรบางอย่างขึ้นมากันแน่นะ…
“ไอ้ที่วิลมันเอาแต่มาอวดนักอวดหนาอยู่พักนี้ว่าอะไรเบอร์เซิร์กเกอร์ๆ นั่นน่ะ ดูเหมือนจะหมายถึงคุโรโนะนี่แหละ”
ตอนที่พวกเราปราบราสปุนลงได้แล้วทั้งโรงเรียนกำลังตื่นเต้นกันอยู่นั้น มีแต่วิลคนเดียวที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงได้ทำหน้าตาไม่สบอารมณ์อยู่คนเดียว
เรื่องส่วนตัวของไอ้ผู้ชายแบบนั้นผมไม่ได้สนใจจะไปถามหรือสืบอะไรหรอกนะ แต่วันหนึ่งจู่ๆ มันก็…
“การที่พวกแกสามารถโค่นราสปุนอันน่าสะพรึงกลัวนั่นลงได้ทั้งหมด ก็เป็นเพราะการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ราวกับราชสีห์ของนักรบคลั่งแห่งฝันร้ายทมิฬ [ไนท์แมร์เบอร์เซิร์กเกอร์] ผู้นั้นต่างหาก ที่พวกแกทำก็เป็นเพียงแค่การแย่งชิงเหยื่อที่บาดเจ็บอยู่แล้วเท่านั้นเอง อย่าได้ลืมเรื่องนั้นเป็นอันขาดเลยนะ ฟ่าห์ๆๆๆๆๆๆ!!”
ทำนองว่าพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ดูจะภูมิใจสุดๆ เลยนะ แต่ดูเหมือนว่าคุโรโนะได้ต่อสู้กับราสปุน แล้วก็ทำให้มันบาดเจ็บได้สินะ
พูดอะไรบ้าๆ บอๆ กันนะ ตอนนั้นผมมองดูวิลที่โดนชาร์ลเตะเข้าไปพลางคิดอยู่ก็จริง แต่ว่า อย่างนี้นี่เอง ถ้าเป็นผู้ชายคนนั้นล่ะก็ บางทีอาจจะมีพลังพอที่จะตัดแขนขวาของราสปุนได้สักข้างหนึ่งกระมัง
“ก็ หมอนั่นมันจะเก่งแค่ไหนผมก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ที่ไม่ถูกชะตาด้วยน่ะมันแน่นอนอยู่แล้ว”
“นั่นสินะ อยากจะลองสู้ดูสักครั้งเลยแฮะ”
อา ไม่ได้การแล้วล่ะ คุโรโนะอะไรนั่นอาจจะโดนไอ้บ้านี่มาหาเรื่องท้าดวลในเร็ววันนี้ก็ได้นะ
ก็ช่างมันเถอะ ตอนนั้นก็ให้ไคมันซ้อมให้หายอยากไปเลยก็แล้วกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นอารมณ์ของผมก็คงจะดีขึ้นมาบ้างล่ะนะ
“จะว่าไปแล้ว ยัยชาร์ลนั่น เรียกคนอื่นมาแล้วยังจะมาสายอีก—”
“รอหน่อยสิยะ พอดีไปหาเควสต์ใหม่มาให้น่ะสิ!”
พูดถึงก็มาเลยจริงๆ ชาร์ลผู้ซึ่งเป็นคนเรียกประชุมปาร์ตี้ในวันนี้ปรากฏตัวขึ้น
ด้านหลังของเธอมีเนลเดินตามมาด้วย บางทีคงจะไปช่วยหาเควสต์ที่กิลด์มาด้วยกันกระมัง
เท่านี้สมาชิกทั้งสี่คนก็มาพร้อมหน้ากันที่โต๊ะในโรงอาหารซึ่งเป็นสถานที่นัดพบประจำแล้วก็จริง แต่ซาฟีน่ะวันนี้ก็ยังคงหมกตัวอยู่ในห้องทดลองเพื่อสร้างข้ารับใช้ [ชิโมเบะ] ตัวใหม่จากวัตถุดิบของราสปุนอยู่ ก็เลยขาดไปคนหนึ่ง
“แล้ว ไปเจออะไรมาล่ะ?”
ผมมองดูชาร์ลที่ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พลางรู้สึกหดหู่เล็กน้อยว่านี่คงจะไปเจอเควสต์น่ารำคาญอะไรมาอีกแน่ๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์ถามออกไป
“พอดีมีเควสต์ที่เหมาะกับพวกเราเป๊ะๆ เลยน่ะสิ ก็เลยรีบรับมาในทันทีเลยไงล่ะ!”
“ไม่ได้ปรึกษากันก่อนเลยเรอะ”
“เอ่อ ขอโทษด้วยนะคะท่านพี่ คือว่าเควสต์ครั้งนี้หม่อมฉันเองก็อยากจะรับมากๆ เลยน่ะค่ะ”
“เหรอ~ เรื่องแบบนั้นมันก็มีอยู่เหมือนกันสินะ”
ผมเองก็เห็นด้วยกับไคเหมือนกัน
ความหมายที่ว่าเนลเป็นคนผลักดันเองนั้นผมก็พอจะเดาได้อยู่หรอกนะ แต่ก็ยังคงกระตุ้นให้เธออธิบายอย่างสงบเสงี่ยมต่อไป
“ช่วงนี้ เคยได้ยินเรื่องโจรที่กำลังอาละวาดอยู่ในฟาห์เรนบ้างรึเปล่าล่ะ?”
ยุคสงครามที่แต่ละประเทศต่างก็รบพุ่งกันอย่างเปิดเผยนั้นมันผ่านพ้นไปนานแล้วก็จริง แต่ถึงแม้จะเป็นยุคสมัยที่ค่อนข้างจะสงบสุขในปัจจุบันนี้ พวกโจรหรือกองโจรภูเขาก็ยังไม่ได้สูญพันธุ์ไปเสียหน่อย
ข่าวลือทำนองว่าไอ้พวกเดนคนพวกนั้นมันได้ใจแล้วก็ออกอาละวาดน่ะ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนก็มีอยู่สักเรื่องสองเรื่องเป็นประจำอยู่แล้ว มันก็เหมือนกับที่มอนสเตอร์มันผุดขึ้นมานั่นแหละ
แต่ว่า ถ้าจำกัดอยู่แค่ประเทศฟาห์เรนซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของสปาด้าแล้วล่ะก็ ไม่เคยได้ยินข่าวลืออะไรเป็นพิเศษเลยนะ
“ถ้าเป็นโจรที่ถึงกับต้องมาตั้งชื่อให้ล่ะก็ ไม่เคยได้ยินแฮะ”
“อื้ม ไอ้พวกที่ฟาห์เรนนี่ก็เหมือนกัน ยังไม่ถึงกับต้องมาตั้งชื่อแก๊งโจรอะไรหรอกนะ”
พวกโจรน่ะมันก็ต้องรวมกลุ่มกันเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ถ้ากลายเป็นองค์กรขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นชื่อที่ตั้งเองหรือชื่อที่คนอื่นเรียก มันก็ย่อมต้องมีชื่อเรียกอะไรสักอย่างติดตัวมาโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
แต่ว่า การที่ชื่อมันเป็นที่รู้จักนั่นมันก็เท่ากับว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นมากขนาดนั้นเหมือนกัน
ถึงแม้จะตั้งชื่อแก๊งใหญ่โตโอ่อ่าขึ้นมาเอง แต่ถ้าโดนทลายแก๊งไปในทันทีมันก็คงจะไม่กลายเป็นข่าวลือขึ้นมาหรอกนะ
แต่ว่า ถ้าหัวหมอหน่อยล่ะก็ การที่ชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมามันก็เท่ากับว่าตัวเองจะกลายเป็นเป้าหมายของประเทศ กองทัพ นักผจญภัย หรือไม่ก็นักล่าค่าหัวได้ง่ายขึ้นเหมือนกัน ถ้าไม่ได้ไปปล้นสะดมอะไรครั้งใหญ่จริงๆ ล่ะก็ คงจะไม่มาตั้งชื่อป่าวประกาศตัวเองหรอก
หรือก็คือ ไอ้ “โจรแห่งฟาห์เรน” ที่ชาร์ลพูดถึงนั่น คงจะไม่ได้มาตั้งชื่อป่าวประกาศตัวเอง และก็ยังไม่ได้เป็นข่าวลือใหญ่โตถึงขนาดที่จะต้องมีชื่อเรียกเฉพาะกระมัง
“แต่ว่า เมื่อไม่นานมานี้เอง ดูเหมือนว่าลูกสาวของขุนนางฟาห์เรนหลายคนจะโดนโจรพวกนั้นจับตัวไปล่ะ แล้วข่าวลือมันก็เลยเริ่มจะดังขึ้นมาหน่อยๆ แล้วล่ะสิ”
“แต่ว่า ถ้ามีความเสียหายขนาดนั้นแล้วล่ะก็ กองอัศวินมันจะนิ่งเฉยอยู่ได้ยังไงกันล่ะ”
ฟาห์เรนเป็นหนึ่งในนครรัฐที่ตั้งอยู่ใจกลางทวีป ถึงแม้จะไม่ได้มีกำลังทหารที่แข็งแกร่งเท่าอวาลอนหรือสปาด้า แต่ในฐานะประเทศหนึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ เป็นประเทศที่มั่นคงไม่มีปัญหาในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศของตนเอง
ถ้าจะให้พูดถึงลักษณะเด่นล่ะก็ คงจะเป็นเรื่องที่มีดาร์กเอลฟ์อพยพมาจากทางตะวันตกเป็นจำนวนมาก และด้วยเหตุนั้นเวทมนตร์กับเภสัชศาสตร์ก็เลยมีการพัฒนาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกระมัง
“ก็เพราะว่าทำไม่ได้ไงล่ะ ถึงได้ตาพวกเราออกโรงยังไงล่ะ”
“ก็ นั่นมันก็คงจะอย่างนั้นแหละนะ…ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า ไอ้โจรพวกนั้นมันก่อเหตุข้ามพรมแดนอย่างนั้นสินะ”
“สมกับเป็นนายจริงๆ ถูกเผงเลยล่ะ”
ก็ นอกจากนั้นแล้วก็ไม่เห็นจะมีเหตุผลอะไรที่กองอัศวินจะเข้าไปยุ่งไม่ได้เลยนี่นา แล้วก็ไม่เคยได้ยินข่าวว่าฟาห์เรนมันมีเรื่องวุ่นวายภายในประเทศอะไรด้วย
การที่จะแข็งแกร่งถึงขนาดที่แม้แต่กองอัศวินก็ยังรับมือไม่ได้นั้น แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้ามีคนแบบนั้นอยู่ล่ะก็มันก็คงจะเกิดสงครามขึ้นไปนานแล้วล่ะ
“ไอ้โจรพวกนี้มันปล้นสะดมที่ฟาห์เรนก็จริง แต่ดูเหมือนว่ารังโจรมันจะอยู่ในเขตประเทศสปาด้าเสียด้วยสิ”
นี่มันเป็นตัวอย่างคลาสสิกของการหลบหนีกองอัศวินเลยนี่นา
ถึงแม้จะเป็นกองอัศวินที่แข็งแกร่งเพียงใด แต่การที่จะยกทัพข้ามไปยังประเทศอื่นมันก็ย่อมต้องมีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นบ้างอยู่แล้ว โดยทั่วไปแล้วการที่จะถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
ต่อให้ประเทศตัวเองจะถูกรุกรานมากแค่ไหน แต่ถ้าโจรมันหนีข้ามไปยังประเทศอื่นแล้ว การที่จะไล่ตามต่อไปง่ายๆ มันก็ทำไม่ได้แล้ว
ดังนั้น แทนที่จะเป็นกองทัพของประเทศอย่างกองอัศวิน ก็เลยต้องให้นักผจญภัยซึ่งการเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศมันหละหลวมกว่า ไปจัดการกับไอ้พวกที่น่ารำคาญแบบนี้แทนยังไงล่ะ เควสต์ปราบโจรหรือกองโจรภูเขาที่มักจะมาถึงกิลด์นักผจญภัยมันก็มีกลไกแบบนี้นี่เอง
แน่นอนว่า ไอ้พวกโจรหัวทึบที่ก่อเหตุแค่ในประเทศตัวเองเท่านั้น จุดจบของพวกมันก็คือการที่ถูกกองอัศวินของประเทศนั้นล้อมปราบจนหมดสิ้นนั่นแหละ
“เพราะฉะนั้นพวกเราก็เลยจะไปทลายรังโจรนั่นให้สินะ แล้วที่เนลมันกระตือรือร้นกับเควสต์ปราบโจรที่ไม่ค่อยจะแปลกใหม่อะไรนักแบบนี้ แสดงว่ามีคนรู้จักโดนทำร้ายงั้นเหรอ?”
“สมกับที่เป็นท่านพี่จริงๆ นะคะที่ช่างสังเกต…ถูกเผงเลยค่ะ ถึงจะไม่ใช่คนรู้จักโดยตรงก็เถอะนะคะ แต่ดูเหมือนว่านักเรียนเตรียมอัศวินของพวกเราจะโดนแก๊งโจรนี้ทำร้ายเข้าให้น่ะค่ะ”
ดูเหมือนว่าปาร์ตี้นักเรียนเตรียมอัศวินสองปาร์ตี้ได้ร่วมมือกันทำเควสต์ ก็ ในหลักสูตรที่เน้นการปฏิบัติจริงของหลักสูตรอัศวินแล้วมันก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาอยู่แล้ว
ปาร์ตี้นั้นหลังจากที่ทำเควสต์เสร็จแล้วระหว่างเดินทางกลับ ก็ถูกโจรโจมตีจนพินาศย่อยยับ นักเรียนคนหนึ่งที่หนีรอดออกมาได้จึงได้แจ้งเรื่องราวทั้งหมดให้ทราบ ว่ากันอย่างนั้นนะ
“ปาร์ตี้ที่ร่วมมือกันอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงทั้งหมดงั้นเหรอ โชคร้ายจริงๆ แฮะ”
ถ้าเป็นผู้ชายทั้งหมดล่ะก็ ก็คงจะแค่ถูกฆ่าตายตรงนั้นแล้วก็จบเรื่องไป
แต่ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะก็มันไม่เป็นอย่างนั้น โอกาสที่จะยังมีชีวิตอยู่มันสูงกว่า
แต่ว่า ถึงจะมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ผิดแน่ที่จะต้องเจอเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่าตายเสียอีก
“ในฐานะนักเรียนเทพเหมือนกัน ฉันไม่สามารถจะทอดทิ้งพวกเธอไปได้จริงๆ ค่ะ!”
“ถึงจะเป็นนักเรียนของพวกเราแล้วจะต้องเตรียมใจรับเรื่องแบบนั้นอยู่แล้วก็จริง แต่ถ้าได้รู้เรื่องแล้วก็คงจะต้องเข้าไปช่วยไม่ใช่เหรอ”
ทั้งเนลทั้งชาร์ล ดูเหมือนว่าจะจริงจังกับเรื่องนี้มากทีเดียว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้ผมปฏิเสธ ทั้งสองคนก็คงจะมุ่งหน้าไปทำเควสต์กันเองสองคนอย่างแน่นอน
ก็ สำหรับผมแล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธอยู่แล้วล่ะนะ
“นั่นสินะ นักเรียนเทพโดนทำร้าย แล้วพวกเราจะนิ่งเฉยอยู่ได้ยังไงกันล่ะ”
“โอ้ว โจรแค่นั้นฟันให้กระจุยไปเลยสบายๆ อยู่แล้วล่ะน่า!”
เอาล่ะ เควสต์แรกหลังจากที่ ‘วิงโร้ด’ เลื่อนขั้นเป็นแรงก์ 5 ก็ตัดสินแล้วว่าเป็นการปราบโจรสินะ แต่ว่า…
“จะว่าไปแล้วชาร์ล ข่าวลือเรื่องโจรแห่งฟาห์เรนน่ะฉันไม่รู้หรอกนะ แต่ช่วงนี้ฉันรู้ข่าวลือเรื่องพ่อค้าทาสที่กำลังทำมาค้าขึ้นสุดๆ ในสปาด้าอยู่ด้วยล่ะ”
“เอ๊ะ?”
“เรื่องนี้ บางทีอาจจะมีอะไรอยู่เบื้องหลังก็ได้นะ?”
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
novel.dek-d.com/EidolonPlus/profile/writer/
MANGA DISCUSSION