บทที่ 239: การพบกันที่เลวร้ายที่สุด
นักเรียนหญิงร่างเล็กคนหนึ่งกำลังพุ่งเข้ามาโดยหันพื้นรองเท้าโลฟเฟอร์แข็งๆ มาทางใบหน้าของผม
ผมทวินเทลยาวสีแดงเพลิงราวกับเปลวไฟและผ้าคลุมสีแดงปลิวไสวไปตามแรงที่กระโดดเข้ามา ดวงตาสีทองที่น่ารักราวกับแมวนั้น บัดนี้กลับฉายแววแห่งความโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง
จากท่าทางแล้วกระโปรงสั้นๆ น่าจะเปิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าจะสวมกางเกงรัดรูปคล้ายสแปทซ์ไว้ข้างใน จึงไม่ได้เกิดเหตุการณ์น่าอับอายอย่างการโชว์กางเกงในครั้งใหญ่แต่อย่างใด
เด็กสาวนักเรียนเตรียมเข้าเป็นผู้บริหารผู้ซึ่งปล่อยลูกเตะกระโดดออกมาด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าหมายจะหักกระดูกคอของผมนั้น ผมไม่รู้จักหน้าตาเธอเลยแม้แต่น้อย
หรือก็คือ ไม่มีเหตุผลหรือความจำเป็นอะไรที่ผมจะต้องมายืนรับลูกเตะนี้เลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อพิจารณาจากคำพูดแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจผิดคิดว่าผมกำลังทำอะไรไม่ดีไม่งามกับคุณเนลอยู่กระมัง แต่ว่า อืมม ถ้ามีเวลาอีกสักสามวินาทีก็น่าจะคลี่คลายท่าทางที่ล่อแหลมนี้ได้แล้วแท้ๆ ช่างเป็นจังหวะที่เลวร้ายอะไรเช่นนี้
เอาเป็นว่า ตอนนี้ต้องหยุดยั้งสาวน้อยจรวดที่กำลังพุ่งตรงเข้ามานี้ให้ได้เสียก่อน
ร่างกายของเธอลอยอยู่ในอากาศแล้ว เวลาที่เหลืออยู่จนกว่าจะปะทะเข้ากับใบหน้าของผมนั้นไม่ถึงหนึ่งวินาที
ถ้าหากนี่เป็นระหว่างทำเควสต์ล่ะก็ คงจะสวนกลับไปด้วยหมัด คมดาบ หรือไม่ก็กระสุนโดยไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงไปแล้ว แต่ที่นี่มันในโรงเรียนนี่นา และถึงแม้จะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากอีกฝ่ายก็จริง แต่มันก็เป็นเพียงแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น เป็นสถานการณ์ที่ถ้าได้พูดคุยกันก็น่าจะเข้าใจกันได้
ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะหยุดเธอด้วยวิธีที่ไม่ทำให้บาดเจ็บและไม่เจ็บตัวด้วย
จะกางม่านพลังป้องกัน [โล่ดำ] ป้องกันอย่างสงบเสงี่ยมดีไหมนะ แต่เมื่อเห็นเด็กสาวที่สามารถปล่อยลูกเตะอันงดงามเช่นนี้ออกมาได้แล้ว ต่อให้ป้องกันการโจมตีครั้งแรกได้ ก็ต้องมีการโจมตีต่อเนื่องตามมาอย่างแน่นอน
ถ้าเช่นนั้น การจับกุมพันธนาการไปเลยน่าจะช่วยประหยัดแรงได้มากกว่าสินะ
“[มือหนวดเงา]!”
ผมตัดสินใจเลือกวิธีรับมือได้แล้ว เวลาก็กระชั้นชิดเข้ามาทุกที จึงเริ่มลงมือในทันที
ตอนนี้ผมไม่ได้สวมเสื้อคลุมฝึกหัดอยู่ก็จริง แต่ถุงมือต้องสาป ‘พันธนาการผมดำ [โลงศพ]’ ที่ลิลี่ให้เป็นของขวัญนั้น ผมยังคงสวมใส่อยู่อย่างดี
ถ้าไม่มีเจ้านี่ล่ะก็ ผมคงจะไม่สามารถสร้างหนวดสัมผัสขึ้นมาได้ในชั่วพริบตา หรือควบคุมมันได้อย่างแม่นยำเช่นนี้แน่ๆ
ขณะที่กำลังคิดว่ามันมีประโยชน์ในที่ที่ไม่คาดคิดจริงๆ แฮะ ก็มีเสียงที่ฟังดูดีใจเล็กน้อยดังแว่วมาจากส่วนลึกของหัวว่า “นายท่าน~”
“กรี๊ด! นะ…นี่มันอะไรกันเนี่ย!?”
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงสามารถจับกุมมิสไซล์รูปทรงเด็กสาวที่กำลังจะพุ่งเข้าปะทะได้ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายพอดิบพอดี
จากมือขวาที่ผมยื่นออกไปนั้น มีหนวดสีดำหลายเส้นยื่นออกมาพันธนาการเด็กสาวไว้ราวกับจับด้วยตาข่าย
หลังจากที่ซึมซับแรงกระแทกจากการพุ่งเข้ามาจนหมดสิ้นแล้ว ผมก็ยังคงพันธนาการเธอไว้ด้วยหนวดสัมผัสเช่นเดิม แล้วค่อยๆ วางเธอลงบนพื้นให้สามารถยืนได้ด้วยขาสองข้าง
“อึ๋ยยย! น่าขยะแขยง! ปะ…ปล่อยนะ ไอ้โรคจิตมอลจูร่า!”
“เดี๋ยวก่อนสิ คนที่เริ่มโจมตีก่อนคือทางนั้นไม่ใช่รึไง แล้วเธอก็กำลังเข้าใจผิดอยู่นะ”
“ปล่อยนะ รีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ! ไม่ใช่แค่เนลเท่านั้น แต่ยังคิดจะทำมิดีมิร้ายกับฉันด้วยงั้นเหรอ! ทำกับฉันแบบนี้แล้วรู้ไหมว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างน่ะห๊ะ!!”
ไม่ได้การแล้ว เด็กคนนี้ สติแตกจนไม่ยอมฟังอะไรที่ผมพูดเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ที่แย่ก็คือ เพราะเธอเอาแต่ส่งเสียงร้องโวยวายอย่างบ้าคลั่ง นักเรียนทุกคนในโรงอาหารก็เลยเริ่มหันมาให้ความสนใจทางผมกันหมดแล้ว
แต่ถึงจะอย่างนั้น ถ้าปล่อยพันธนาการนี้ไปตอนนี้ เธอก็คงจะเข้ามาต่อยหรือเตะอย่างใดอย่างหนึ่งแน่ๆ นั่นเป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว
แน่นอนว่า การที่ผมจะต้องมายอมรับผิดในสิ่งที่ไม่ได้ทำแล้วโดนเธอซ้อมเอาน่ะ ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ
“ขอโทษนะ ช่วยเงียบๆ หน่อยได้ไหม”
เมื่อกระดิกนิ้วชี้เล็กน้อย หนวดเส้นหนึ่งที่พันธนาการเด็กสาวอยู่ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วตามเจตจำนงของผม แล้วปิดปากที่กำลังตะโกนใส่ร้ายป้ายสีอย่างไร้เหตุผลนั้นเสีย
“อื้อ อื้อออ อื้มมมมมมมม!!”
เสียงหยุดไปแล้วก็จริง แต่เธอกลับดิ้นรนไปมาหน้าแดงก่ำ น้ำตาคลอหน่วยอยู่ครึ่งหนึ่ง
อา นี่มันแย่แล้วล่ะ คิดว่าแย่กว่าที่คิดไว้มากเลยทีเดียว
ถ้าเป็นแบบนี้ล่ะก็ มองจากภายนอกแล้วผมก็ดูเหมือนตัวร้ายสมบูรณ์แบบเลยไม่ใช่รึไง ต้องรีบคลี่คลายสถานการณ์นี้โดยเร็วที่สุด
และผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้ก็ไม่ใช่ผม แต่เป็น…
“คุณเนลครับ เด็กคนนั้นเป็นเพื่อนเหรอครับ?”
“เอ๊ะ อะ ค่ะ!?”
คุณเนลที่มองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างตะลึงงัน ดูเหมือนจะเพิ่งจะเข้าใจสถานการณ์ได้เมื่อผมเอ่ยปากเรียก
“ดูเหมือนเธอจะเข้าใจอะไรผิดอยู่นะครับ ช่วยพูดให้เธอเข้าใจหน่อยได้ไหมครับ”
“อะ ค่ะ ใช่แล้วค่ะ!”
แล้วคุณเนลผู้ซึ่งงดงามราวกับนางฟ้าก็ช่วยพูดเกลี้ยกล่อม จนความเข้าใจผิดของเด็กสาวผมทวินเทลสีแดงคลี่คลายลง และสถานการณ์ก็จบลงด้วยดี…
“ให้ตายสิ ก่อเรื่องน่ารำคาญขึ้นมาอีกแล้วนะแก”
…มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นน่ะสิ
ทันทีที่คำพูดที่ฟังดูเกียจคร้านนั้นดังเข้ามาในหูของผม ผมก็สัมผัสได้ว่าหนวดสัมผัสที่ควรจะแข็งแกร่งพอสมควรเพราะถุงมือนั้นถูกตัดขาดทั้งหมด
เมื่อมองไป ก็เห็นซากหนวดสัมผัสที่ถูกฟันขาดกระเด็นไปแล้วกำลังสลายกลายเป็นพลังเวทมนตร์สีดำฟุ้งกระจายอยู่ และบุคคลผู้หนึ่งซึ่งน่าจะเป็นผู้ลงมือยืนอยู่ตรงหน้าผม
“แต่ว่านะ ถ้าเนลกับชาร์ลโดนทำอะไรไปล่ะก็ จะให้อยู่เฉยๆ มันก็คงจะไม่ได้สินะ”
หมอนั่น ผมเคยเห็นหน้าแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่ก็จำได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าที่หล่อเหลา ผมดำตาสีแดง รูปร่างสูงโปร่งสวมเสื้อคลุมสีแดงอันเป็นสัญลักษณ์ของนักเรียนเตรียมเข้าเป็นผู้บริหาร ชื่อน่าจะ เนโร ยูลิอุส เอลโร้ด
เจ้าชายลำดับที่หนึ่งแห่งอวาลอนเพื่อนบ้าน ถ้าเชื่อตามแผนผังตระกูลแล้วล่ะก็ หมอนี่ก็เป็นลูกหลานของมิอาจังคนนั้นสินะ
เจ้าชายคนนั้นถึงแม้สีหน้าจะดูเยือกเย็น แต่จิตสังหารที่ส่งมาทางผมนั้นมันรุนแรงกว่าเด็กผู้หญิงที่ชื่อชาร์ลอะไรนั่นเทียบไม่ติดเลย
เขาวางมือลงบนด้ามดาบที่เหน็บอยู่ที่เอว มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นดาบที่มีรูปร่างคล้ายดาบญี่ปุ่น
อย่างนี้นี่เอง หรือว่าจะเป็นเพลงดาบชักดาบเร็วอะไรทำนองนั้นแล้วฟันหนวดสัมผัสขาดในทีเดียว ถ้าหากว่าชักดาบออกมาในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผมหันไปมองทางคุณเนลล่ะก็ ดูท่าทางจะมีฝีมืออยู่พอสมควรเลยทีเดียว
“รอเดี๋ยวก่อนค่ะ ท่านพี่!?”
หรืออาจจะเป็นเพราะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดราวกับจะเกิดเรื่องขึ้นได้ทุกเมื่อ คุณเนลจึงเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับเนโร
จะว่าไปแล้ว เมื่อกี้พูดว่าท่านพี่สินะ… ถ้าผมไม่ได้หูฝาดไป และมันก็มีความหมายตามนั้นจริงๆ ล่ะก็ ชื่อเต็มของคนคนนี้ก็คงจะเป็น เนล ยูลิอุส เอลโร้ด งั้นเหรอ?
อะไรกัน หรือว่าคุณเนลจะเป็นเจ้าหญิงจริงๆ งั้นเหรอ?
“เนล ถอยไปห่างๆ จากไอ้หนวดน่าขยะแขยงนั่นซะ มันเกะกะขวางทางข้าฟัน”
“มะ…ไม่ได้นะคะ แบบนั้นมัน—”
“วางใจเถอะน่า อย่างมากก็แค่ซ้อมให้ปางตายเท่านั้นแหละ”
“มันไม่ใช่ปัญหาแบบนั้นเสียหน่อยค่ะ!”
อู้ว เจ้าชายคนนี้ก็ดูจะหัวร้อนน่าดูเลยแฮะ อยากจะให้ใจเย็นลงกว่านี้หน่อยจริงๆ
ไม่สิ ถ้าจู่ๆ ลิลลี่ถูกผู้ชายหน้าตาโหดเหี้ยมใช้หนวดสัมผัสจับกุมตัวไว้ ผมเองก็อาจจะแผ่จิตสังหารออกมาขนาดนี้เหมือนกันกระมัง คงจะไปว่าอะไรคนอื่นไม่ได้มากนักหรอกนะ
“ฉันจะฆ่าแกให้ตายสนิทเลยต่างหาก”
“ชาร์ลก็ด้วย ช่วยใจเย็นลงหน่อยเถอะค่ะ—!”
ต้องขอบคุณที่หนวดสัมผัสถูกปลดปล่อยไปแล้ว เด็กสาวผู้บ้าคลั่งที่เป็นเพื่อนของเธอก็เลยกลายเป็นอิสระไปเสียแล้ว
ดูเหมือนสถานการณ์จะเริ่มจะควบคุมไม่ได้แล้วก็จริง แต่ต้องขอบคุณคุณเนลที่กางแขนทั้งสองข้างและปีกออกมายืนขวางหน้าปกป้องผมเอาไว้ เด็กผู้หญิงที่ชื่อชาร์ลก็เลยไม่ได้พุ่งเข้ามาเตะ และพี่ชายก็ไม่ได้พุ่งเข้ามาฟัน อย่างน้อยก็ในตอนนี้ล่ะนะ
ตรงนี้ อย่างน้อยก็ควรจะแก้ต่างอะไรสักหน่อยดีไหมนะ
“ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ช่วยลดดาบลงหน่อยได้ไหมครับ? ผมก็แค่ช่วยคุณเนลที่กำลังจะล้มเท่านั้นเอง ส่วนเด็กคนนั้น เอ่อ พอดีเธอพุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันน่ะครับ”
“แกน่ะ รู้ไหมว่าพวกนี้เป็นใครแล้วยังทำแบบนั้นอีกเรอะ? ไม่ใช่คู่กรณีที่แกจะไปแตะต้องได้ง่ายๆ เลยนะเฟ้ย”
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ผมก็เพิ่งจะรู้เมื่อกี้นี้เองว่าคุณเนลอาจจะเป็นเชื้อพระวงศ์ ส่วนเด็กผู้หญิงที่เข้ามาเตะผมนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
ก็ ทั้งสองคนก็เป็นแค่นักเรียนเตรียมเข้าเป็นผู้บริหารเหมือนกัน ก็น่าจะพอเดาได้ว่าเป็นลูกคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์อะไรทำนองนั้น แต่ถึงจะอย่างนั้น การกระทำของผมทั้งหมดมันก็เป็นเหตุสุดวิสัยไม่ใช่รึไง
ไม่สิ หรือว่าการที่ไม่ได้รับการให้อภัยนั่นแหละคือสิ่งที่เรียกว่าสังคมชนชั้นงั้นเหรอ…
“มันไม่ใช่ปัญหาที่จะมาพูดว่าไม่รู้แล้วจะจบนะ—”
“หยุดเถอะค่ะท่านพี่! คุณคุโรโนะเขาช่วยหม่อมฉันด้วยเจตนาดีนะคะ อีกอย่าง ชาร์ลเองก็แค่เข้าใจผิดเท่านั้นเอง ทั้งหมดเป็นเพราะหม่อมฉันที่ซุ่มซ่ามเองต่างหาก คุณคุโรโนะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยค่ะ!”
คุณเนลยืนกรานในความบริสุทธิ์ของผมอย่างหนักแน่นโดยไม่เปิดโอกาสให้ใครได้พูดแทรก โอ้ ช่างเป็นนางฟ้าจริงๆ เลยนะ
หรืออาจจะเป็นเพราะต้องยอมตามคำขอร้องอย่างเอาเป็นเอาตายของน้องสาวในฐานะพี่ชาย เนโรถอนหายใจยาวพร้อมกับที่จิตสังหารหายไป
“ไสหัวไปซะ เห็นแก่เนลแล้วจะยอมปล่อยไป”
แต่ดูเหมือนจะยังไม่พอใจอยู่ดี
พูดตามตรง การที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผิดฝ่ายเดียวแบบนี้มันก็อดที่จะรู้สึกไม่พอใจอยู่ไม่ได้เหมือนกัน แต่คู่กรณีเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ การที่ไม่ไปต่อล้อต่อเถียงด้วยน่าจะเป็นผลดีต่อตัวเองมากกว่า
จะว่าไปแล้ว ไซม่อนก็เคยเตือนไว้เหมือนกันว่าให้ระวังพวกนักเรียนเตรียมเข้าเป็นผู้บริหารเอาไว้ อย่างนี้นี่เอง คงจะเป็นเรื่องแบบนี้สินะ ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นอีกอย่างแล้ว
ต้องขอบคุณที่วิลแสดงท่าทีเป็นมิตรด้วย ผมก็เลยอาจจะมองโลกในแง่ดีเกินไปอยู่บ้าง อืม ยังไงซะก็ต้องระวังพวกคนใหญ่คนโตเอาไว้หน่อยแล้วล่ะนะ
“ขอโทษนะครับคุณเนล ดูเหมือนจะทำให้เดือดร้อนโดยไม่จำเป็นไปเสียแล้วนะครับ ผมขอตัวก่อนล่ะครับ”
“ไม่หรอกค่ะ… ทางนี้ต่างหากที่ต้องขอโทษนะคะ คุณคุโรโนะ”
ผมกล่าวคำพูดที่แฝงความหมายว่าไม่ต้องใส่ใจกับคุณเนลที่ก้มหน้าลงอย่างหงอยๆ แล้วก็ตัดสินใจรีบออกจากโรงอาหารไปในทันที
การที่ทางนี้เป็นฝ่ายจากไปตามคำพูดของเนโรที่บอกว่าจะยอมปล่อยไปนั้นมันก็น่าหงุดหงิดอยู่บ้างก็จริง แต่ตรงนี้ยังไงซะผมก็คงจะต้องเป็นฝ่ายถอยเองอย่างช่วยไม่ได้ และต้องรีบไปด้วย
เพราะว่า ทางเข้าโรงอาหารนั้น มีลิลี่ในสภาพเด็กหญิงกางอาคมกั้นเขตแดนแฟรี่ [โอราเคิลฟิลด์] เต็มพิกัด กับฟิโอน่าที่กำลังพึมพำร่ายคาถาที่ฟังดูคุ้นหูอย่างประหลาดสองคนยืนอยู่ยังไงล่ะ
“ฮ่า ดันมาให้เห็นตอนที่ดูไม่ได้เรื่องเสียแล้วสิ”
แล้วผมก็รีบจากไปจากที่แห่งนั้น ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของเหล่านักเรียนในโรงอาหารที่จับจ้องมาที่แผ่นหลังของผมเป็นตาเดียว
เอาเป็นว่า ต้องไปขอโทษลิลี่กับฟิโอน่าที่ทำให้ไม่ได้ทานอาหารกลางวันที่โรงอาหาร แล้วก็ต้องเกลี้ยกล่อมให้พวกเธอสงบสติอารมณ์ลงด้วยสินะ…
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
novel.dek-d.com/EidolonPlus/profile/writer/
MANGA DISCUSSION