บทที่ 238: การพบกันอีกครั้งกับเทพธิดา
ในช่วงเช้าไม่มีคาบเรียนที่สามารถจะเข้าได้อีกแล้ว ผมก็เลยเดินสำรวจรอบๆ โรงเรียนตามใจชอบไปพลางๆ หลังจากนั้น เพื่อที่จะทำตามสัญญาที่ว่าจะทานอาหารกลางวันด้วยกัน ผมจึงมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารนักเรียนที่ตั้งอยู่ที่ชั้นหนึ่งของอาคารเรียนหลัก
แน่นอนว่า คนที่สัญญากันไว้นั้นก็คือลิลี่กับฟิโอน่าสองคนนั่นเอง ส่วนไซม่อนวันนี้ก็ยังคงหมกตัวอยู่ในห้องทดลองเหมือนเดิม และวิลก็ไม่รู้ว่าไปเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่ไหน
ผมมาถึงโรงอาหารก่อนที่เสียงระฆังบอกเวลาพักกลางวันจะดังขึ้นประมาณสิบนาที ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะยังมาไม่ถึง
สมกับที่เป็นอาคารเรียนหลักที่ดูราวกับพระราชวังฝรั่งเศสจริงๆ การตกแต่งภายในก็หรูหราโอ่อ่าสมกัน โรงอาหารนักเรียนนี่ก็เช่นกันไม่มีข้อยกเว้น
เพดานนั้นสูงขนาดที่เทียบเท่ากับบ้านสองชั้นได้เลยทีเดียว และจากตรงนั้นก็มีโคมไฟระย้าที่ควรจะเรียกว่าแชนเดอเลียร์อันงดงามอลังการแขวนอยู่ เรียกได้ว่ามันดูเหมือนห้องโถงสำหรับจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำของพวกขุนนางมากกว่าที่จะเป็นโรงอาหารนักเรียนเสียอีก
ที่ผนังด้านหนึ่งก็มีภาพวาดขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า ‘เทพธิดาสงครามทั้งเจ็ด’ อะไรทำนองนั้นประดับอยู่ด้วยนะ ภาพนั้นภาพเดียวมันจะราคาเท่าไหร่กันแน่นะ ผมผู้ซึ่งคิดได้แต่เรื่องที่ไม่เข้ากับบรรยากาศแบบนี้ช่างเป็นคนธรรมดาสามัญเสียจริงๆ
ถึงแม้จะเป็นโรงอาหารที่หรูหราขนาดนั้น แต่กลับแทบจะไม่เห็นเงาร่างของผู้คนเลย
ผู้ที่ใช้อาคารเรียนหลักนี้คือพวกนักเรียนเตรียมเข้าเป็นผู้บริหารกับนักเรียนเตรียมอัศวินที่ตารางเรียนอัดแน่น เพราะฉะนั้นในเวลานี้ก็ยังคงอยู่ในระหว่างคาบเรียน
พวกที่นั่งทานอาหารอยู่บ้างประปรายนั้น คงจะเป็นนักเรียนหลักสูตรนักผจญภัยเหมือนกับผม หรือไม่ก็เป็นพวกที่โดดเรียนกระมัง
คงจะคิดว่าถ้าเป็นช่วงพักกลางวันมันจะคนเยอะ ก็เลยรีบมาทานอาหารกลางวันให้เสร็จก่อนเวลาสินะ
พวกเราเองก็อาจจะควรจะมาใช้บริการโรงอาหารในช่วงเวลาที่เร็วกว่านี้หน่อยก็ดีเหมือนกันนะ ขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น เสียงระฆังบอกเวลาเริ่มต้นพักกลางวันก็ดังขึ้น
ราวกับจะบอกว่าพุ่งออกมาจากห้องเรียนตั้งแต่เสียงระฆังดังไม่มีผิด เด็กหนุ่มสาวในชุดเครื่องแบบเบลเซอร์สีดำก็หลั่งไหลเข้ามาในโรงอาหารราวกับคลื่นสึนามิ
“คนเยอะสุดๆ เลยแฮะ…”
เหล่านักเรียนที่ปรากฏตัวออกมาอย่างไม่ขาดสาย ทำให้ที่นั่งในโรงอาหารอันกว้างขวางนั้นค่อยๆ ถูกจับจองจนเต็มไปเรื่อยๆ
แย่ล่ะสิ แบบนี้แทนที่จะมารออยู่ที่ทางเข้า ไปจับจองที่นั่งไว้ก่อนน่าจะดีกว่าสินะ
ขณะที่กำลังเสียใจกับการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเอง แต่ในเมื่อตอนนี้จะมาเปลี่ยนแผนมันก็คงจะไม่ได้แล้ว ผมก็เลยตัดสินใจรอทั้งสองคนอยู่ที่บริเวณทางเข้าอย่างสงบเสงี่ยม
ระหว่างนั้น เมื่อลองสังเกตดูวิธีการขายอาหารของโรงอาหารแห่งนี้ ก็สังเกตเห็นว่าดูเหมือนจะเป็นระบบซื้อคูปองอาหารสินะ
สมกับที่เป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่มีเครื่องขายคูปองอัตโนมัติที่ใช้ไฟฟ้าอะไรทำนองนั้นหรอกนะ แต่ที่เคาน์เตอร์แห่งหนึ่งมีพนักงานขายคูปองอาหารกำลังยุ่งอยู่กับการรับจ่ายเงินอยู่
เมื่อมองดูสภาพที่คนเยอะขนาดนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเตรียมเงิน lẻ (เหรียญย่อย) ไปให้พอดีจะได้ไม่ต้องรอเงินทอนน่าจะดีกว่าสินะ
ผมกอดอกพลางครุ่นคิดถึงวิธีการใช้บริการโรงอาหารอย่างชาญฉลาด ก็ตอนนั้นเอง
“เอ่อ มีอะไรให้ช่วยรึเปล่าคะ?”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงทักดังมาจากด้านหลัง
ทั้งเสียงทั้งคำพูดนี้ รู้สึกเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลยแฮะ ผมรู้สึกถึงเดจาวูพลางหันกลับไปมอง
“อ๊ะ คนในตอนนั้นนี่นา”
“อ้าว จำได้ด้วยเหรอคะ”
ใบหน้าที่งดงามราวกับเจ้าหญิง ผมสีดำ ดวงตาสีฟ้า และที่สำคัญที่สุดคือรูปร่างที่เหมือนกับเทพธิดา มีปีกสีขาวงอกออกมาจากแผ่นหลังเหมือนกับมนุษย์ทุกประการนั้น เป็นรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นจนถ้าได้เห็นเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีทางที่จะลืมเลือนไปได้อย่างแน่นอน
เธอคือนักผจญภัยหญิงที่เคยช่วยเหลือผมเอาไว้ ตอนที่ต้องมาติดแหง็กอยู่ที่หมู่บ้านดาเกียเพราะม้าคู่ใจจู่ๆ ก็หยุดเดินเอาเสียดื้อๆ นั่นเอง
“เป็นนักเรียนที่นี่เองเหรอครับ”
นั่นมันก็เป็นคำพูดของทางนี้เหมือนกันนะ
ตอนนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็สวมใส่อุปกรณ์สำหรับทำเควสต์อยู่ก็จริง แต่ตอนนี้กลับสวมใส่เครื่องแบบของโรงเรียนเทพเหมือนกัน
จะว่าไปแล้ว ที่ชุดของเธอมีผ้าคลุมสีแดงติดอยู่ด้วย แสดงว่าเธอเป็นนักเรียนเตรียมเข้าเป็นผู้บริหารสินะ
ถ้าจะให้พูดเพิ่มเติมอีกหน่อยล่ะก็ ถุงน่องยาวถึงเข่าสีขาวที่ปกคลุมไปจนถึงครึ่งหนึ่งของต้นขาที่ดูอวบอิ่มนั้นมันช่างสว่างจ้าสะดุดตาเสียจริง เป็นเรียวขาที่งดงามจนแม้แต่คนที่ไม่ค่อยจะมีความสนใจเรื่องขาเป็นพิเศษก็ยังต้องเผลอมองอย่างหลงใหลเลยทีเดียว
“เพิ่งจะเริ่มมาเรียนที่โรงเรียนเทพตั้งแต่วันนี้เองน่ะค่ะ”
“เป็นนักเรียนใหม่เองเหรอครับ”
ถ้างั้นการที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนมันก็เป็นเรื่องปกติสินะคะ เธอกล่าวตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูร่าเริงสดใส เพียงแค่ได้ฟังคำพูดที่ไม่ค่อยจะมีอะไรเป็นพิเศษแบบนั้น มันก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจ ราวกับได้รับการเยียวยาอย่างไรอย่างนั้น
นี่มัน หรือว่าจะเป็นผลของมนตร์เสน่ห์ [ชาร์ม] กำลังทำงานอยู่กันแน่นะ สวยขนาดนี้แล้วมันก็สมเหตุสมผลอยู่หรอกนะ
ก็ ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็จริง แต่ผมก็คุ้นเคยกับลิลี่ในร่างเด็กสาวแล้ว เพราะฉะนั้นก็คงจะไม่หลงกลง่ายๆ หรอกกระมัง
“อ้อ จะว่าไปแล้ว ยังไม่ได้แนะนำชื่อกันเลยสินะคะ ขอโทษด้วยค่ะ ดิฉันชื่อเนลค่ะ”
“ผมชื่อคุโรโนะครับ ตอนนั้นขอบคุณมากจริงๆ นะครับที่ช่วยเอาไว้”
“ไม่หรอกค่ะ สามารถจะเป็นประโยชน์ได้ก็ดีใจแล้วค่ะ”
คุณเนลพูดด้วยท่าทางที่ดูจะดีใจจากส่วนลึกของหัวใจจริงๆ ปีกที่อยู่ด้านหลังของเธอก็กระพือไปมาเบาๆ นั่นมันมีความหมายเหมือนกับที่หมามันกระดิกหางหรือเปล่านะ
“คุณคุโรโนะซังเป็นนักเรียนใหม่ เพราะฉะนั้นวิธีการใช้บริการโรงอาหารนี่ ก็คงจะไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่ใช่ไหมล่ะคะ?”
“ครับ ใช่แล้วล่ะครับ”
การที่อุตส่าห์พูดแบบนี้ออกมา แสดงว่านอกจากระบบซื้อคูปองอาหารแล้ว มันก็ยังมีความลับอะไรบางอย่างที่มองเผินๆ แล้วจะไม่รู้ซ่อนอยู่อีกอย่างนั้นสินะ
ถ้าอย่างนั้น ก่อนที่จะต้องไปทำอะไรเปิ่นๆ ให้อับอาย การที่จะขอให้เธอช่วยสอนมารยาทให้ล่วงหน้ามันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว
“ถ้าช่วยสอนให้ก็จะขอบคุณมากเลยครับ”
“ค่ะ ดิฉันจะรับผิดชอบสอนให้เองค่ะ!”
เหมือนกับตอนที่ขอความช่วยเหลือเรื่องม้าไม่ยอมขยับไม่มีผิด ดวงตาที่สุกใสราวกับท้องฟ้าสีครามของเธอนั้นส่องประกายระยิบระยับตอบกลับมา
“โรงอาหารนี้นะคะ ไม่ใช่ว่าจะไปสั่งอาหารโดยตรง แต่ว่าจะต้องไปซื้อตั๋วที่เขียนชื่อเมนูอาหารหรือที่เรียกว่าคูปองอาหารที่เคาน์เตอร์ตรงนั้นก่อนค่ะ”
คุณเนลชี้ไปยังเคาน์เตอร์ขายคูปองอาหารด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ปลายทางที่เธอชี้ไปนั้น แถวยาวเหยียดได้พังทลายลงแล้ว กลายเป็นภาพของเหล่านักเรียนที่กำลังผลักกันไปดันกันมาเพื่อซื้อคูปองอาหารราวกับเป็นสมรภูมิรบก็ไม่ปาน
พอเห็นภาพแบบนั้นแล้ว มันก็ชวนให้นึกถึงสงครามแย่งชิงขนมปังไส้กรอกยอดนิยมที่เคยเกิดขึ้นที่ร้านค้าในโรงเรียนมัธยมปลายไม่มีผิด ดูเหมือนว่าแม้แต่ในต่างโลก นักเรียนที่หิวโซก็มักจะทำอะไรคล้ายๆ กันสินะ
“แล้วก็?”
“ค่ะ คูปองอาหารที่ซื้อมาแล้ว ก็จะนำไปยื่นที่เคาน์เตอร์ถัดไป แล้วก็แลกกับป้ายที่มีหมายเลขเขียนอยู่ค่ะ หลังจากนั้นก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะ แล้วอาหารที่สั่งไว้ก็จะถูกนำมาเสิร์ฟให้ค่ะ”
“แล้วก็?”
“เอ๊ะ? เอ่อ หลังจากนั้นก็กล่าวคำว่า ‘จะทานแล้วนะคะ’ แล้วก็ทานอาหารค่ะ”
หืม ดูเหมือนว่าจะเหมือนกับระบบซื้อคูปองอาหารทั่วไป ไม่ได้มีขั้นตอนอะไรที่พิเศษเป็นพิเศษจำเป็นต้องทำเสียหน่อยนี่นา
ถึงจะไม่ต้องอธิบายให้เสียเวลา ลำดับขั้นตอนทั้งหมดนั้นถ้าลองสังเกตจากข้างนอกดูก็น่าจะเข้าใจได้โดยง่ายอยู่แล้ว
แต่ว่า…
“เป็นอย่างไรบ้างคะ พอจะเข้าใจแล้วหรือยังคะ?”
เมื่อถูกส่งสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังราวกับลูกหมาที่รอให้เจ้าของชมมาให้แบบนี้แล้ว การที่จะไปพูดจาไร้น้ำใจว่า “เรื่องแค่นั้นไม่ต้องอธิบายก็รู้ดีอยู่แล้วล่ะน่า” มันก็ทำให้รู้สึกอึดอัดใจอย่างมากเลยทีเดียว
“เหะ…เหรอครับ อย่างนี้นี่เอง การที่จะต้องใช้คูปองอาหารนี่มันเป็นครั้งแรกเลยนะครับ ช่วยได้มากเลยครับ ขอบคุณมากครับ”
การใช้ระบบคูปองอาหารในต่างโลกนี้น่ะมันเป็นครั้งแรกจริงๆ นะ อื้ม ไม่ได้โกหกเสียหน่อย
“อุฟุฟุ—ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้ในฐานะรุ่นพี่แล้วมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่คะ!”
คุณเนลแอ่นอกอย่างภาคภูมิใจพึงพอใจอยู่บ้างเล็กน้อย หน้าอกที่ใหญ่กว่าฟิโอน่าแต่เล็กกว่าคุณซูนั้นสั่นไหวไปมา
ทั้งๆ ที่น่าจะสวมทั้งชุดชั้นใน เสื้อเบลาส์ แล้วก็เสื้อนอกทับกันถึงสามชั้นแท้ๆ แต่มันก็ยังสั่นไหวได้ แสดงว่ามีมวลอยู่มากพอสมควรเลยสินะ
“ถ้างั้น ในฐานะรุ่นพี่ ดิฉันจะแสดงตัวอย่างการซื้อคูปองอาหารให้ดูเป็นขวัญตานะคะ”
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ขอร้องอะไรเลยแท้ๆ แต่เธอก็ยังอุตส่าห์เสนอตัวเพิ่มเติมอีก แล้วก็หันหน้าไปยังเคาน์เตอร์ขายคูปองอาหารที่ตอนนี้กำลังอยู่ในสภาพที่ดุเดือดถึงขั้นลงไม้ลงมือกันแล้ว
“อะ…ไม่สิครับ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ครับ…”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณคุโรโนะซัง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดิฉันเองค่ะ!”
คิ้วเรียวเล็กขมวดเข้าหากันอย่างกล้าหาญ เธอดูเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้นเสียจนผมในตอนนี้ไม่มีหนทางที่จะหยุดยั้งเธอได้เลย
“ถ้างั้น รบกวนด้วยนะครับ”
“ค่ะ!”
โธ่เอ๊ย! พร้อมกับเสียงตะโกนอันน่ารักที่ฟังดูจะหลุดโลกไปหน่อย คุณเนลก็พุ่งเข้าใส่ฝูงหมาป่าที่หิวโซนั้นไป
“อะ…อา…เอ่อ—คูปองอาหาร—ขอหน่อยค่าาา—อ๊าาาาาาาาาาา!”
แล้ว เธอก็พ่ายแพ้ในการต่อสู้ไปอย่างง่ายดายภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที
ถูกโกเลมในชุดนักเรียนหญิงที่พุ่งเข้าใส่เคาน์เตอร์ด้วยความเร็วสูงชนกระเด็นไป
ก้นที่ดูเหมือนกล่องกระดาษสี่เหลี่ยมของโกเลมหญิงที่มองเห็นลอดออกมาจากกระโปรงสั้นนั้น มันให้ความรู้สึกรุนแรงราวกับค้อนศึก [เมซ] ไม่มีผิด
“กรี๊ด!”
แย่ล่ะสิ นี่มันกำลังจะล้มลงไปทั้งยืนเลยนี่นา ผมตัดสินใจเช่นนั้น แล้วก็เร่งฝีเท้าสุดกำลังร่นระยะห่างหลายเมตรเข้าไปในอึดใจเดียว แล้วก็ประคองร่างของเธอที่กำลังจะล้มลงไว้ได้
ไม่ได้ตั้งใจก็จริง แต่มันก็กลายเป็นท่าทางที่เหมือนกับกำลังกอดกันจากด้านหน้าไปเสียแล้ว นี่มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ นะ
“ฮว๊าา—เอ๊ะ คุณคุโรโนะซัง?”
หรืออาจจะเป็นเพราะตามความเร็วในการก้าวเท้าของผมไม่ทัน หรืออาจจะเป็นเพราะไม่ได้อยู่ในสายตาตั้งแต่แรกก็ไม่ทราบ คุณเนลที่จู่ๆ ก็เหมือนกับกระโดดเข้ามาในอ้อมอกของผมนั้น ทำตาขาวดำเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“ไม่เป็นไรนะครับ?”
“อะ ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
เมื่อถูกส่งรอยยิ้มที่ดูจะอบอุ่นอ่อนโยนมาให้ในระยะใกล้ขนาดนี้ มันก็อดที่จะรู้สึกเขินอายอยู่บ้างเล็กน้อยไม่ได้เหมือนกันนะ ผมเองก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งเหมือนกันนี่นา การที่จะไม่รู้สึกใจเต้นตึกตักเลยแม้แต่น้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าสาวสวยขนาดนี้มันก็เป็นไปไม่ได้หรอก
ถึงจะรู้สึกเสียดายอยู่บ้างเล็กน้อยก็จริง แต่การที่จะมาอยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่เพิ่งจะเจอกันได้ไม่นานแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันก็คงจะไม่ดีกระมัง ผมคิดเช่นนั้นแล้วก็เอามือที่วางอยู่บนไหล่ของเธอออกเพื่อที่จะผละร่างออกจากกัน แต่ในชั่ววินาทีต่อมานั้นเอง
“นี่แก! ทำอะไรกับเนลน่ะห๊ะ!!”
พร้อมกับเสียงตวาดอันดังลั่นจนแทบจะแก้วหูแตก นี่มัน หรือว่าจะเป็นจิตสังหาร—!?
Translater : Eidolon
www.nekopost.net/editor/78229
novel.dek-d.com/EidolonPlus/profile/writer/
MANGA DISCUSSION