บทที่ 179 – ท่านผู้อำนวยการ
ผู้ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าคือ ดาร์คเอลฟ์วัยงามผู้ห่อหุ้มร่างกายด้วยอาภรณ์บางเบาอันยั่วยวนใจ
ผิวสีน้ำตาลอันเป็นเอกลักษณ์ของดาร์คเอลฟ์ ซึ่งตรงกันข้ามกับสีผิวขาวของเอลฟ์ทั่วไปนั้น เมื่อตัดกับชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ที่ทำจาก [ไหมวัลฮัลล่า] ซึ่งปกปิดเรือนร่างอันอวบอิ่มเย้ายวนตามแบบฉบับของสตรีเพศได้เพียงน้อยนิด ก็ยิ่งขับเน้นเสน่ห์อันเอ่อล้นออกมาให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
หากเป็นชายปกติธรรมดาทั่วไปแล้วล่ะก็ สายตาคงจะอดไม่ได้ที่จะจับจ้องไปที่เนินอกอวบอิ่มที่แทบจะล้นทะลักออกมาจากชุดที่เปิดเปลือยตั้งแต่หัวไหล่ลงมาเกือบถึงครึ่งอก หรือไม่ก็คงจับจ้องไปยังส่วนโค้งเว้าของเอวที่งดงามดุจภาพวาด หรือต้นขาอวบอัดที่ทอดยาวออกมาจากรอยผ่าลึกของกระโปรงที่ดูเหมือนจะปกปิดสะโพกใหญ่กลมกลึงไว้ไม่มิด
ไม่สิ หรือบางทีสายตาอาจจะจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอซึ่งงดงามราวกับรูปสลักเทพธิดาก็เป็นได้
เส้นผมเงางามที่ส่องประกายสีเงินขาวราวกับ [มิธริล] ถูกรวบไว้ด้านหลัง มัดผมสีเงินที่พลิ้วไหวนั้นงดงามก็จริง แต่เพราะพลังเวทที่สถิตอยู่กระมัง จึงให้ความรู้สึกแข็งแกร่งราวกับหางของมังกรขาวได้เช่นกัน
องค์ประกอบบนใบหน้าที่ราวกับถูกจัดวางตามสัดส่วนทองคำ แต่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือดวงตาสีฟ้าเรียวยาวคู่นั้น
และ ดวงตาสีฟ้าที่ส่องประกายใสกระจ่างราวกับผลึกมารีนคริสตัลนั้น แม้จะยังคงดูเนือยๆ ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็จับจ้องไปยังร่างของเด็กหนุ่มตัวเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างชัดเจน
“ดีใจจริงๆ ที่เจ้ากลับมานะไซม่อน ข้าดีใจที่เจ้าปลอดภัย” (โซเฟีย)
“คะ ครับ……ดูเหมือนจะทำให้ท่านต้องเป็นห่วง ต้องขออภัยด้วยครับ ท่านผู้อำนวยการ” (ไซม่อน)
ไซม่อนตอบกลับด้วยท่าทีที่ดูไม่ค่อยสบายใจเล็กน้อย อย่างที่เขาพูด ผู้หญิงงามดาร์คเอลฟ์ที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่นี้คือ โซเฟีย ซิเรียส เพอร์ซิวาล ผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเทพหลวงสปาด้านั่นเอง
และสถานที่ที่คนทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ตอนนี้ก็คือ ห้องผู้อำนวยการอย่างไม่ต้องสงสัย
ราวกับจะประกาศก้องถึงตำแหน่งผู้อำนวยการซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดทั้งในนามและในทางปฏิบัติของโรงเรียน ห้องนี้ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางอาคารเรียนหลัก ณ จุดที่สูงที่สุดนั้น ไม่ได้ใช้เพียงกระจกหน้าต่าง แต่ใช้ [สเกลคริสตัล] ราคาแพงกรุผนังด้านนอกทั้งหมด เผยให้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของเมืองสปาด้าได้ทั้งหมด
“ข้าบอกไปเมื่อสามเดือนก่อนแล้วไม่ใช่รึว่าให้เรียกข้าว่าโซฟี ลืมไปแล้วอย่างนั้นรึ?” (โซเฟีย)
“อะ เอ่อ……หาไม่ได่ขอรับ” (ไซม่อน)
โซเฟียส่งรอยยิ้มอันยั่วยวนไปยังไซม่อนที่ตอบกลับอย่างตะกุกตะกักคลุมเครือ ดูราวกับอสรพิษเจ้าเล่ห์ที่กำลังแลบลิ้นเลียริมฝีปากอยู่เบื้องหน้าเหยื่อ
“ระหว่างเจ้ากับข้าแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องเกรงใจกันเลยนี่นา” (โซเฟีย)
ตัวข้าเป็นเพียงแค่นักเรียนคนหนึ่งของโรงเรียนเทพหลวงเท่านั้นเอง จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งถึงขนาดที่ไม่ต้องเกรงใจท่านผู้อำนวยการได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ไซม่อนครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าดาร์คเอลฟ์ผู้งดงามคนนี้ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรกแล้ว
พูดง่ายๆ ก็คือ เขาไม่ค่อยถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้เท่าไหร่
“ถ้างั้น เอ่อ……คุณโซฟี” (ไซม่อน)
“อืม ตอนนี้จะเรียกแบบนั้นไปก่อนก็ได้กระมัง” (โซเฟีย)
อยากจะบอกเหลือเกินว่าในอนาคตก็จะยังคงเรียกท่านเหมือนเดิม แต่เขาไม่มีทางที่จะพูดจาต่อล้อต่อเถียงกับผู้ใหญ่ที่อยู่เหนือกว่าได้อย่างสบายๆ เหมือนคุโรโนะแน่ๆ
“ขอบพระคุณมากนะครับ ที่อนุญาตให้ผมกลับเข้าเรียนได้” (ไซม่อน)
“ข้าก็แค่ทำหน้าที่ที่พึงกระทำเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาขอบคุณอะไรหรอกน่า” (โซเฟีย)
ไซม่อนกล่าวขอบคุณซ้ำอีกครั้งแล้วก้มศีรษะลง แต่ในใจกลับไม่ได้สงบเลยแม้แต่น้อย
เพราะการกลับเข้าเรียนที่โรงเรียนเทพหลวงสปาด้าอีกครั้งนั้น ไม่ใช่ความประสงค์ของเขาเอง
“อันที่จริงแล้ว คนที่ควรจะกล่าวขอโทษน่าจะเป็นฝ่ายข้าเสียมากกว่าสินะ ที่เป็นคนแนะนำให้เจ้าไปยังเดดาลัสน่ะ” (โซเฟีย)
เดิมทีแล้ว เหตุผลที่ไซม่อนไปทำกิจกรรมในฐานะนักผจญภัยที่หมู่บ้านอัลซัสซึ่งเขาได้พบกับคุโรโนะนั้น—
—จุดเริ่มต้นมาจากการสนทนาที่เกิดขึ้น ณ ห้องผู้อำนวยการแห่งนี้เมื่อประมาณสามเดือนก่อน
“หืม ไม่มีเงินอย่างนั้นรึ ถ้างั้นก็ไปทำเควสต์หาเงินมาก็ได้นี่นา”
ไซม่อนมี ‘ปัญหาทางบ้าน’ ทำให้เขาต้องเว้นระยะห่างจากบ้านเดิม ซึ่งก็คือตระกูลบัลเดียล หนึ่งในตระกูลขุนนางผู้มีชื่อเสียงของสปาด้า
ด้วยเหตุนั้น บนบัตรกิลด์ของไซม่อนจึงไม่ได้มีการสลักนามสกุลบัลเดียลไว้
ไซม่อนผู้มีปัญหาเช่นนั้น จึงไม่อาจขอเงินค่าเล่าเรียนของโรงเรียนเทพหลวงรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ จากทางบ้านได้
และในขณะเดียวกัน การจะทำกิจกรรมในสถานที่ที่ห่างไกลจากสายตาของคนในครอบครัวนั้น เดดาลัสซึ่งเป็นประเทศอื่นจึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด
“ไม่ครับ ท่านผู้อำนวยการต่างหากที่ต้องขอบคุณ การไปเป็นนักผจญภัยที่เดดาลัสก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการเองอยู่แล้วครับ” (ไซม่อน)
แต่ว่า นั่นก็เป็นเรื่องในตอนนี้ที่สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เขาไม่อาจจะไปเป็นนักผจญภัยอยู่ห่างไกลจากสปาด้าได้อีกต่อไป
นั่นเป็นเพราะแรงกดดันอันแข็งกร้าวจากตระกูลบัลเดียล ไม่สิ พูดให้ถูกคือจากพี่สาว เอเมเรีย ต่างหาก
“แต่ว่า หากเจ้าจะอยู่ที่นี่ต่อไป ข้าก็วางใจได้เช่นกัน เพราะกองทัพมนุษย์จะไม่มีทางมาถึงสปาด้าแห่งนี้ได้แน่” (โซเฟีย)
หากพูดในแง่ของความปลอดภัยแล้ว ไซม่อนผู้ซึ่งเพิ่งผ่านประสบการณ์การรบป้องกันอันดุเดือดกับพวกครูเสดเดอร์มา ก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน
ใช่แล้ว ต่อให้ครูเสดเดอร์จะมี ‘สัตว์ประหลาด’ ในร่างเด็กสาวตนนั้นอยู่ก็ตามที แต่ป้อมปราการกัลลาฮัดอันแข็งแกร่งที่ไม่มีวันแตก ซึ่งได้รับการปกป้องโดยกองทัพสปาด้าภายใต้การนำของ [ราชันย์ดาบ] เลออนฮาร์ท ย่อมไม่มีทางถูกตีแตกได้ เขาคิดเช่นนั้น
เดิมทีแล้ว สปาด้าในปัจจุบันซึ่งคาดการณ์ถึงการรุกรานโดยราชามังกรการ์วินัลแห่งเดดาลัสอยู่แล้วนั้น ได้มีการเตรียมระบบป้องกันข้าศึกจากภายนอกไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
มันแตกต่างจากนครรัฐอื่นๆ ที่เอาแต่หลงระเริงอยู่กับความสงบสุขโดยพื้นฐานอยู่แล้ว
“เอาล่ะ พรุ่งนี้เจ้าก็จะกลับมาเรียนที่นี่อีกครั้งสินะ?” (โซเฟีย)
ไซม่อนพยักหน้ารับ การเตรียมตัวเข้าเรียนนั้นเรียบร้อยแล้ว
ถึงจะพูดอย่างนั้น ก็แค่กลับเข้าไปอยู่ในหอพักเหมือนเมื่อสามเดือนก่อนเท่านั้นเอง
“คราวนี้จะมีห้องวิจัยส่วนตัวให้ใช้ได้ด้วยนี่นา ดีแล้วไม่ใช่รึ” (โซเฟีย)
อืม แต่ว่ามันค่อนข้างจะเก่าไปหน่อยนะ โซเฟียกล่าวต่อท้าย ไซม่อนเผลออุทานออกมาด้วยความสงสัย
“เอ่อ ห้องวิจัย หมายถึงเรื่องอะไรเหรอครับ?”
ตั้งแต่ไซม่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนเทพหลวงแห่งนี้ เขาไม่เคยมีห้องวิจัยส่วนตัวมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
การวิจัยการเล่นแร่แปรธาตุนั้นต้องทำอย่างลับๆ ในห้องพักแคบๆ ของหอพัก และบางครั้งก็ต้องไปขอยืมใช้สถานที่อื่นๆ เพื่อทำการทดลองด้วยความรู้สึกที่ต้องเกรงใจอยู่เสมอ
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องเฉพาะของไซม่อนเท่านั้น นักเรียนสายวิจัยในหลักสูตรวิศวกรรมเวทมนตร์นั้น การที่จะมีห้องวิจัยส่วนตัวภายในโรงเรียนได้ถือเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่ง มีเพียงแค่ชนชั้นสูงส่วนน้อยมากๆ ที่มีทั้งฐานะทางบ้านและผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นที่จะมีได้
“เจ้าจะได้ใช้หอพักเก่าที่อยู่ทางปีกเหนือไม่ใช่รึ เงินค่าเช่าจำนวนมหาศาลก็ถูกโอนมาจาก ‘ผู้หญิงคนนั้น’ เรียบร้อยแล้วนี่นา” (โซเฟีย)
“พี่เรีย……ทำอะไรตามใจชอบอีกแล้ว……” (ไซม่อน)
ไม่ว่าจะที่ไหน การมีห้องวิจัยได้นั้นย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับนักเล่นแร่แปรธาตุ ไซม่อนเองก็มีความฝันเช่นนั้นอยู่ข้อหนึ่งเหมือนกัน
แต่ว่า นั่นควรจะเป็นสิ่งที่เขาได้รับมาด้วยกำลังของตนเองเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่ได้รับมาจากพี่สาวผู้สมบูรณ์แบบทั้งอำนาจ ทรัพย์สิน และกำลังรบในฐานะเจเนรัลอย่าง เอเมเรีย ฟรีดริช บัลเดียล
“ข้าคาดหวังอยู่นะว่าเจ้าจะสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์อันล้ำยุคที่จะนำมาซึ่งผลประโยชน์แก่โรงเรียนของเราได้ ในสภาพแวดล้อมใหม่นี้” (โซเฟีย)
“ครับ ผมจะพยายามครับ……” (ไซม่อน)
และแล้ว เมื่อคิดว่าการทักทายเรื่องกลับเข้าเรียนจบลงเพียงเท่านี้ เขาก็กล่าวคำลาแล้วลุกขึ้นจากโซฟาหนังกระทิงเขาเดือดสีดำขนาดใหญ่
ขณะที่กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูไม้สีขาวสองบานอันหนักอึ้งนั้นเอง—
“เดี๋ยวก่อนสิ”
—โซเฟียผู้ซึ่งมาประชิดอยู่ด้านหลังไซม่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ก็วางมือซึ่งสวมทับด้วยถุงมือผ้าไหมสีขาวสำหรับพิธีการลงบนไหล่เล็กๆ ทั้งสองข้างของเขา
“อ๊ะ เอ่อ……”
ร่างกายพลันแข็งทื่อไปทั้งตัวจากรังสีอำนาจอันท่วมท้นของโซเฟีย
นั่นคงจะไม่ใช่แค่คิดไปเองแน่ๆ เมื่อนึกถึงว่าเธอเคยเป็นนักผจญภัยแรงค์ 5 ชื่อดังผู้มีฉายาว่า [วาลคิรีบลิซซาร์ด] แล้วล่ะก็ เพียงแค่รังสีอำนาจของเธอก็คงจะเพียงพอที่จะหยุดยั้งเด็กหนุ่มเอลฟ์ผู้อ่อนแอได้สบายๆ
ทว่า หากเธอตั้งใจจะข่มขู่จริงๆ แล้วล่ะก็ ตอนนี้ขาตั้งแต่เข่าลงไปของไซม่อนคงจะถูกแช่แข็งติดกับพื้นจนขยับไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียวไปแล้วกระมัง
“เรื่องของข้า เจ้าได้ลองคิดทบทวนดูบ้างแล้วหรือไม่?” (โซเฟีย)
ไซม่อนถูกบังคับให้หันหน้ากลับไปอย่างช้าๆ สิ่งที่อยู่ตรงนั้นคือเรือนร่างสีน้ำตาลอันยั่วยวนใจ
แม้จะตัวเล็กกว่าเอเมเรียผู้มีร่างกายใหญ่โตผิดมาตรฐานเอลฟ์อยู่บ้าง แต่ส่วนสูงของโซเฟียก็ถือว่าสูงกว่าผู้หญิงทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด สูงกว่าไซม่อนอยู่ราวหนึ่งช่วงศีรษะเลยทีเดียว
ด้วยเหตุนั้น สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไซม่อนจึงไม่ใช่ใบหน้างามของโซเฟีย แต่เป็นร่องอกอันใหญ่ลึก ที่ชวนให้นึกถึงดันเจี้ยนแรงค์ 5 อันยิ่งใหญ่ [หุบเขาปฐพีมังกร เอลแกรนด์แคนยอน] ต่างหาก
ผิวสีน้ำตาลนวลเนียนที่อยู่ใกล้แค่ปลายจมูก กับกลิ่นหอมเย้ายวนที่ทำให้เหตุผลของบุรุษปั่นป่วนและสั่นคลอนสัญชาตญาณ บังคับให้หัวใจของไซม่อนเต้นระรัวขึ้นมา
“หากเป็นข้าล่ะก็ สามารถมอบห้องที่ดีกว่ากระท่อมผุพังนั่นชนิดที่เทียบกันไม่ติดให้ได้เลยนะ ไม่สิ อันที่จริงแล้วทั้งผลการเรียนและผลงานวิจัยก็ไม่จำเป็นเลย ขอเพียงแค่เจ้าอยู่ตรงนั้นก็เพียงพอแล้ว” (โซเฟีย)
เธอใช้นิ้วเรียวแตะคางของไซม่อนเบาๆ แล้วเชยใบหน้าที่ก้มงุดนั้นขึ้น
ดวงตาสีเขียวมรกตของไซม่อนที่เงยหน้าขึ้น กับดวงตาสีฟ้าใสราวคริสตัลของโซเฟียที่ก้มลงมอง สองสายตาประสานกัน
แววตาของโซเฟียยังคงดูไม่ใส่ใจสิ่งใดเหมือนเคย แต่กลับดูเหมือนจะมีประกายลึกลับที่เชื้อเชิญบุรุษสถิตอยู่
ไม่สิ แม้แต่ไซม่อนผู้ซึ่งยังเป็นเพียงนักเรียน ก็ยังเข้าใจได้อย่างไม่อาจช่วยเหลือได้ว่าตนเองกำลังถูก ‘เชื้อเชิญ’ ในฐานะผู้ชาย
นั่นไม่ใช่เพียงเพราะท่าทีอันยั่วยวนเท่านั้น แต่เป็นเพราะตอนที่เจอกันครั้งแรก เธอก็ได้เอ่ยปากออกมาโดยตรงแล้วว่า
“เจ้า เลิกเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแล้วมาเป็นของข้าเสียดีหรือไม่?”
คำตอบในตอนนั้น ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปในตอนนี้
“ผม ไม่มีคิดจะเลิกเล่นแร่แปรธาตุหรอกครับ……” (ไซม่อน)
ไซม่อนผู้ซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลขุนนางบัลเดียล ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่าบุคคลผู้มีทั้งพลังและสถานะเช่นเธอต้องการอะไร
การจะกลายเป็นตุ๊กตาไว้เชยชมตามอารมณ์ชั่ววูบนั้นไม่มีทางยอมรับได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นการจะทอดทิ้งการเล่นแร่แปรธาตุอันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของตนเองนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่
อันที่จริงแล้ว ตัวเขาที่เป็นเอลฟ์ไม่สมประกอบ ไม่มีทั้งเวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยม หรือรูปลักษณ์ภายนอกที่น่าดึงดูดใจแบบผู้ชายเหมือนอย่างคุโรโนะ ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยังคงเป็นเหมือนเด็กที่ไม่เติบโต มีส่วนไหนที่น่าสนใจกันแน่นะ?
ไม่สิ หรืออาจจะเป็นเพราะเหตุนั้น เอลฟ์ที่ไม่สมประกอบไร้พลังเวทจึงดูเหมือนสัตว์หายากที่น่าสนุกกระมัง?
ไม่ว่าจะอย่างไร ความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นที่ไม่ใช่ความรู้สึกชอบพออย่างบริสุทธิ์นั้น ไซม่อนผู้ใฝ่ฝันถึงความรักที่แท้จริงไม่มีทางยอมรับได้อยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็เพิ่งจะได้รู้จักกับผู้หญิงที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องตนเองไปแล้ว ความรู้สึกต่อต้านนั้นจึงยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
“ฟุฟุ ก็คงจะเอาเถอะ หากถูกพี่สาวที่หวงน้องชายเกินเหตุคนนั้นรังแกเมื่อไหร่ล่ะก็ มาพึ่งพาข้าก็ได้นะ” (โซเฟีย)
แต่ทว่า เธอผู้ซึ่งไม่รู้ถึงเรื่องในใจของไซม่อนเลยนั้น กลับยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวใครแล้วปล่อยเขาไปแต่โดยดี
“ขอบพระคุณ ครับ” (ไซม่อน)
เขารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณท่านผู้อำนวยการโซเฟียอย่างมาก ที่คอยช่วยเหลือเรื่องต่างๆ เพื่อให้เขาสามารถอยู่ห่างจากตระกูลบัลเดียลและพี่สาวได้
แต่การจะยอมตกต่ำเป็นสัตว์เลี้ยงแสนเชื่องนั้นเขายอมรับไม่ได้
หนี้บุญคุณนั้น เขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะตอบแทนในรูปแบบของผลประโยชน์ต่อโรงเรียน
ไซม่อนกล่าวขอบคุณด้วยความรู้สึกอันซับซ้อน แล้วรีบออกจากห้องผู้อำนวยการไปราวกับจะหลบหนี โดยไม่รู้ตัวเลยว่าแก้มของตนเองนั้นได้ขึ้นสีแดงระเรื่อไปแล้วเพราะถูกเสน่ห์อันร้ายกาจนั้นเล่นงานเข้าให้
Translater : Eidolonwww.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION