บทที่ 166 – ชายผู้ได้ 40 คะแนน
(มุมมองเอลิน่า)
ในสปาด้ามีกิลด์นักผจญภัยอยู่ 2 แห่ง
แห่งหนึ่งคือ สำนักงานใหญ่ของกิลด์นักผจญภัยสปาด้า ซึ่งตั้งอยู่บริเวณลานกว้างกลางเมือง ในเขตชั้นสูงที่อยู่เลยแนวกำแพงป้องกันที่สองเข้าไป
เฉพาะนักผจญภัยระดับสูงแรงค์ 4 ขึ้นไปเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้บริการสำนักงานใหญ่ ส่วนนักผจญภัยทั่วไปคนอื่นๆ จะต้องไปใช้อีกแห่งหนึ่ง
นั่นก็คือ กิลด์นักผจญภัยสปาด้า สาขาเขตการศึกษา
เขตการศึกษานั้นก็ตามชื่อเลย เป็นเขตวิชาการที่มีสถาบันการศึกษาหลายแห่งตั้งอยู่ เช่น [โรงเรียนเทพหลวงสปาด้า] รวมถึงสถาบันวิจัยเวทมนตร์ โรงผลิตอาวุธ และวิหารต่างๆ
ด้วยทำเลที่ตั้งเช่นนี้ สาขากิลด์แห่งนี้จึงคึกคักไปด้วยหนุ่มสาวในชุดเครื่องแบบนักเรียนจำนวนมาก
แน่นอนว่า ก็ยังมีเหล่านักผจญภัยที่สวมชุดเกราะดูน่าเกรงขามหรือเสื้อคลุมที่บ่งบอกถึงความช่ำชองอยู่ด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน ผู้คนที่เนืองแน่นอยู่ในล็อบบี้กว้างของสาขากิลด์แห่งนี้ หากจะเทียบสัดส่วนแล้วก็ประมาณ นักเรียน 3 : นักผจญภัย 7 แต่ถึงกระนั้น ภาพของนักเรียนในชุดเครื่องแบบที่เหมือนกันก็ยังคงดูโดดเด่นอยู่ดี
สำหรับผู้ที่เคยใช้บริการเฉพาะกิลด์นักผจญภัยในนครรัฐอื่นหรือตามชนบท คงจะรู้สึกประหลาดใจกับภาพนี้เป็นแน่ แต่สำหรับเอลิน่า พนักงานสาวเผ่าเอลฟ์ที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์แล้ว นี่คือทิวทัศน์ที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี
และเธอก็ยังคงต้อนรับเหล่านักผจญภัยด้วยรอยยิ้มเช่นเคยในวันนี้
“คุณเอลิน่าครับ ถ้าเควสต์นี้สำเร็จ ไปเดทกับผมได้ไหมครับ!”
“ตอนนี้กำลังอยู่ในเวลางานค่ะ กรุณาละเว้นเรื่องส่วนตัวด้วยนะคะ”
ด้วยรอยยิ้มอันงดงามสมกับเป็นเอลฟ์ผู้เลอโฉม เอลิน่าปฏิเสธคำเชิญของนักเรียนชายหนุ่มคนนั้นอย่างเฉียบขาด
เอลิน่าผู้มีผมสีน้ำตาลอ่อนม้วนเป็นมวยอย่างสวยงาม และดวงตาสีฟ้าครามสดใสดุจท้องฟ้าที่ฉายแววเฉลียวฉลาด ให้ภาพลักษณ์แบบพี่สาวที่น่าหลงใหลคนหนึ่ง เธอจึงมักจะได้รับคำเชิญทำนองนี้อยู่เสมอ และตอบรับด้วยท่าทีที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี
“แต่ว่า ถ้าคุณสามารถไปรับเควสต์ที่สำนักงานใหญ่ได้ก่อนจบการศึกษาล่ะก็ ดิฉันอาจจะลองพิจารณาดูนะคะ”
“จริงเหรอครับ! ถ้างั้นผมจะพยายามเต็มที่เลยครับ!”
การรับเควสต์ที่สำนักงานใหญ่ หรือก็คือการเป็นนักผจญภัยแรงค์ 4 ขึ้นไปนั้น เป็นเป้าหมายที่ยากลำบากอย่างยิ่ง แต่เมื่อถูกบอกพร้อมกับขยิบตาอย่างมีเสน่ห์แล้ว หากเป็นผู้ชายก็คงไม่มีทางที่จะไม่ฮึกเหิมขึ้นมาได้
ขณะมองส่งเหล่านักเรียนที่กำลังมุ่งหน้าไปทำเควสต์พร้อมกับพรรคพวกด้วยจิตวิญญาณที่ลุกโชน—
“อืมมม 45 คะแนน”
—เธอก็พึมพำออกมาเช่นนั้นพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
(ทั้งหน้าตา ผลการเรียน และฐานะทางบ้าน ทุกอย่างอยู่ในระดับกลางๆ แค่นี้ก็น่าจะให้ 50 คะแนนได้อยู่หรอกนะ แต่ไอ้นิสัยที่ดูโง่ๆ นั่นน่ะ หักคะแนนไปเลย)
เธอผู้ซึ่งมีผู้ชายเข้ามาจีบไม่ขาดสายตั้งแต่เด็กเพราะความงามของตนเอง การให้คะแนนผู้ชายแบบนี้จึงกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวมาโดยธรรมชาติไปเสียแล้ว
(สาขาแบบนี้คงไม่ไหวจริงๆ สินะ อา อยากจะรีบไปทำงานที่สำนักงานใหญ่แล้วเจอผู้ชายดีๆ สักทีจังเลย)
แต่ตอนนี้คือช่วงเวลาที่ต้องอดทน หรือจะเรียกว่าเป็นช่วงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก็ว่าได้ เอลิน่าพยายามทำงานอย่างขยันขันแข็งโดยไม่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาเลยแม้แต่น้อย
เธอผู้ซึ่งจบการศึกษาจากหลักสูตรข้าราชการของโรงเรียนเทพหลวงสปาด้าด้วยคะแนนอันยอดเยี่ยม ก็สามารถเข้าทำงานในกิลด์นักผจญภัยสปาด้าที่ได้รับความนิยมสูงได้อย่างไม่ยากเย็น
นอกจากประวัติการศึกษาแล้ว การที่ครอบครัวของเธอมีฐานะดีพอที่จะมีบ้านอยู่ในเขตชั้นสูงได้ ก็เรียกได้ว่าเธอเป็นชนชั้นสูงคนหนึ่งเลยทีเดียว
และ หากไม่ทำผิดพลาดร้ายแรงและตั้งใจทำงานต่อไปเรื่อยๆ เธอก็คงจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างราบรื่น และในอีก 3 ปีข้างหน้าก็คงจะได้ย้ายไปทำงานที่สำนักงานใหญ่อย่างสง่างามแน่นอน
เอลิน่าผู้ซึ่งกำลังเดินอยู่บนเส้นทางชนชั้นสูงอันราบรื่น การที่เธอจะมองหาคู่ครองที่มีความสามารถและสถานะทัดเทียมกันก็เป็นเรื่องธรรมดา
อย่างน้อยที่สุด ในสาขากิลด์ที่นักผจญภัยแรงค์ 3 ลงมาใช้บริการเช่นนี้ คงไม่มีความเป็นไปได้ที่ชายใดจะถูกตาต้องใจเธอ
แน่นอนว่า ในหมู่นักเรียนก็อาจจะมีบางคนที่สามารถก้าวกระโดดได้อย่างน่าทึ่ง แต่ก็ไม่มีทางที่จะมองออกได้อยู่แล้ว เพราะแม้แต่เวทมนตร์ก็ยังไม่อาจล่วงรู้อนาคตได้
ดังนั้น วันนี้เธอก็ยังคงทำหน้าที่พนักงานต้อนรับสาวน้อยปีที่สองอย่างแข็งขันต่อไป พร้อมกับโปรยเสน่ห์อย่างมืออาชีพ
ช่วงนี้เจอแต่ผู้ชายที่ได้คะแนนไม่ถึง 50 ติดต่อกันจนในใจเริ่มจะหงุดหงิดอยู่บ้าง แต่ด้วยทักษะการเสแสร้งที่ฝึกฝนมานานหลายปี ภายนอกเธอก็ยังคงแสดงรอยยิ้มอันงดงามที่ใครๆ ก็ต้องหลงใหล ไม่เผยให้เห็นความคิดอันมืดมิดของเธอเลยแม้แต่น้อย
“ค่ะ เชิญท่านต่อไปได้เลยค่ะ”
ถัดจากนักผจญภัยนักเรียนหน้าตาธรรมดาๆ คนนั้น ชายผู้มีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดสายตาอย่างมากก็ปรากฏตัวขึ้น
แน่นอนว่า ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ทันทีที่ร่างของเขาเข้ามาในระยะสายตา การให้คะแนนของเอลิน่าก็เริ่มขึ้นทันที
(หืม หน้าตาดีไม่เลวเลยนี่นา)
หากให้คะแนนแค่ใบหน้าอย่างเดียว ก็อาจจะให้ถึง 90 คะแนนได้เลยทีเดียว อารมณ์ของเอลิน่าพลันดีขึ้นมาทันที
ชายผู้นั้นไม่มีลักษณะทางกายภาพที่โดดเด่นเป็นพิเศษ จึงสามารถแยกแยะได้ทันทีว่าเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์
เค้าโครงใบหน้าคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน และองค์ประกอบแต่ละส่วนก็ดูดีมีระเบียบ
เพียงอย่างเดียวคือ แววตาที่เรียวยาวจนดูผิดปกติ ซึ่งปลดปล่อยประกายอันเฉียบคมจนอาจทำให้บางคนหวาดกลัวได้นั้น สำหรับเอลิน่าผู้ซึ่งชื่นชอบผู้ชายแข็งแกร่งอย่างนักผจญภัยหรืออัศวินแล้ว กลับเป็นผลในทางบวกเสียอีก
(ผมดำ ตาสองสีดำกับแดง เป็นการผสมผสานที่หาได้ยากนะเนี่ย)
ผมสีดำที่ยาวจนเกือบจะปรกดวงตาทั้งสองข้าง แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกรุงรังหรือไม่สะอาด กลับดูเข้ากับบรรยากาศของชายผู้นั้นได้เป็นอย่างดี
และเหนือสิ่งอื่นใด ดวงตาสองสีที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ข้างหนึ่งดำสนิทราวกับห้วงอเวจี อีกข้างแดงฉานราวกับเปลวเพลิงลุกโชน กลับสถิตไว้ด้วยประกายแห่งพลังชีวิตอันแข็งแกร่ง และยิ่งขับเน้นเสน่ห์อันทรงพลังของชายผู้นั้นออกมา
(เมื่อดูจากที่ไม่ได้ ‘ตกแต่ง’ อะไรที่ดวงตาเป็นพิเศษ ก็คงไม่ใช่พวกมี [เนตรมาร] สิเนี่ย น่าเสียดายจัง)
แต่การจะคาดหวังถึง ‘พลัง’ พิเศษอย่าง [เนตรมาร] ด้วยนั้นคงจะเกินไปหน่อยกระมัง เอลิน่าคิดพลางกวาดสายตามองไปยังอุปกรณ์ของชายผู้นั้นต่อ
(เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงหนังเก่าๆ เนี่ยนะ……ถ้าไม่มีบัตรกิลด์ก็คงไม่รู้เลยว่าเป็นนักผจญภัย ต่อให้จะเป็นวันหยุดก็เถอะ แต่แต่งตัวแบบนี้มันก็ไม่ไหวนะ
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ได้พกแม้แต่มีดสักเล่มเนี่ย ไม่ระวังตัวเกินไปรึเปล่า)
ก่อนที่จะพูดถึงอุปกรณ์ที่ดูขัดสนเสียอีก สำหรับนักผจญภัยแล้วการแต่งกายเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการเปลือยกายเลยแม้แต่น้อย เอลิน่าปรับลดคะแนนของชายผู้นั้นลงฮวบฮาบราวกับแอปเปิ้ลที่กลิ้งตกจากต้น
เมื่อดูจากบัตรกิลด์แล้ว แรงค์ก็คือ 1 ขนาดนักเรียนชายธรรมดาๆ คนเมื่อกี้ยังมีบัตรทองแดงแรงค์ 2 เลยนะ แบบนี้คงจะคาดหวังความแข็งแกร่งที่สมกับหน้าตาไม่ได้แล้วล่ะ
“ก่อนอื่น กรุณายื่นบัตรกิลด์ด้วยค่ะ”
เอลิน่าเอ่ยถ้อยคำตามแบบแผนออกมา ขณะที่ในใจรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
กิลด์นักผจญภัยก็ตามชื่อ เป็นสถานที่ที่นักผจญภัยใช้บริการ ส่วนบุคคลทั่วไปนั้นขอความกรุณาให้ไปติดต่อที่อื่น
ดังนั้น แม้จะเป็นเพียงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แต่หากต้องการใช้บริการ ก็จำเป็นต้องพิสูจน์ตนเองว่าเป็นนักผจญภัยเสียก่อน
อนึ่ง หากบุคคลทั่วไปต้องการจะยื่นเรื่องเควสต์ให้กับกิลด์ จะต้องไปติดต่อที่ช่องบริการอื่น
“เชิญครับ”
ชายผู้นั้นเอ่ยออกมาอย่างสงบเพียงคำเดียว แล้วยื่นบัตรกิลด์แผ่นเหล็กที่ห้อยคออยู่ให้ คะแนนก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง
นั่นเป็นเพราะน้ำเสียงของชายผู้นั้นช่างฟังดูไพเราะน่าฟังยิ่งกว่าสิ่งใด แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือ—
(ตรงกันข้ามกับหน้าตา ดูสุภาพกว่าที่คิดเลยนี่นา)
—เพียงแค่คำเดียวว่า “เชิญครับ” ซึ่งเป็นคำพูดที่แสดงความใส่ใจต่อผู้อื่นนั้น นักรบหยาบกระด้างที่ดูเหมือนสมองจะเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ หรือจอมเวทหัวรั้นที่ดูเหมือนสมองจะสร้างจากพลังเวท คงไม่มีทางเอ่ยออกมาได้แน่ๆ
“ขอบคุณค่ะ”
เอลิน่าส่งยิ้ม (สำหรับธุรกิจ) ที่งดงามราวกับนางฟ้าเต็มร้อยคะแนนให้ แล้วรับบัตรกิลด์มา เริ่มอ่านข้อมูลที่บันทึกอยู่ด้วยไอเทมเวทมนตร์สำหรับอ่านบัตรโดยเฉพาะ
อันที่จริงแล้ว ในบัตรกิลด์นั้นมีข้อมูลมากกว่าแค่ชื่อหรือคลาสที่เขียนไว้เป็นตัวอักษรเสียอีก
ตัวอย่างเช่น เควสต์ประเภทไหนที่เคยรับไป ทำสำเร็จหรือล้มเหลว ข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นถูกสลักไว้ด้วยเทคโนโลยีเวทมนตร์นั่นเอง
แน่นอนว่ามันไม่ได้อัปเดตตามการกระทำของนักผจญภัยแบบเรียลไทม์ แต่เจ้าหน้าที่กิลด์จะเป็นผู้บันทึกตามสถานะความสำเร็จของเควสต์หรือตามคำร้องขอ
ทว่า สำหรับแรงค์ 1 แล้วก็ไม่ได้มีการป้องกันข้อมูลอะไรที่แน่นหนามากนัก ต่อให้ไม่มีไอเทมสำหรับอ่านบัตรกิลด์โดยเฉพาะที่เป็นเหมือนกล่องเล็กๆ นี้ หากเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญเวทมนตร์ด้านนั้นอยู่บ้างก็คงจะสามารถอ่านข้อมูลได้เช่นกัน
และแล้ว ไม่ถึง 3 วินาที ข้อมูลส่วนตัวของชายผู้นั้นก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอรูปทรงลูกแก้วของไอเทมเวทมนตร์
“ค่ะ ท่านคุโรโนะ นักผจญภัยแรงค์ 1 สินะคะ”
เอลิน่าพยักหน้ารับรู้ พลางเหลือบมองข้อมูลของเขาอย่างรวดเร็ว แม้จะพอคาดเดาได้อยู่บ้างแล้ว แต่ก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังไม่ได้
(อุหวา มาจากเดดาลัสงั้นเหรอ……แถมยังไอร์ซอีกต่างหาก ที่ไหนกันล่ะนั่น ไม่ใช่เมืองหลวงด้วยซ้ำไป? ไอ้บ้านนอกนี่มันใครกันเนี่ย)
สำหรับเอลิน่าผู้ซึ่งมองหาคู่ครองที่มีฐานะทางบ้านด้วยแล้ว คนธรรมดาที่ไม่มีนามสกุลแถมยังเป็นคนบ้านนอกอีกต่างหากนั้นไม่อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
(อา ให้ตายสิ มีแต่เควสต์ง่ายๆ ระดับแรงค์ 1 ทั้งนั้นเลย แล้วไอ้ ‘มนตร์ดำ’ นี่มันจะสักแค่ไหนกันเชียว)
เอลิน่ากวาดสายตาเย็นชาอ่านข้อมูลที่เรียงรายไปด้วยผลงานเควสต์ระดับส่งของอย่างการเก็บสมุนไพร แต่แล้ว—
(หืม เควสต์ฉุกเฉิน・คุ้มกันผู้อพยพ……นี่มันหรือว่า)
แม้เอลิน่าจะเป็นเพียงพนักงานต้อนรับหน้าใหม่ที่ยังอยู่ปลายแถว แต่เรื่อง ‘สงคราม’ ที่เกิดขึ้นในเดดาลัสนั้น ในฐานะที่ทำงานอยู่ในกิลด์ เธอย่อมต้องเคยได้ยินข้อมูลมาบ้างมากกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว
รวมถึงเรื่องที่พบร่องรอยการสังหารหมู่บนถนนในเทือกเขากัลลาฮัดที่มุ่งหน้าสู่สปาด้าด้วย
(เข้าใจล่ะ คงเป็นพวกโชคดีที่รอดชีวิตมาสินะ)
ถึงจะพูดอย่างนั้น เอลิน่าก็ไม่คิดว่านักผจญภัยแรงค์ 1 แค่คนเดียวจะสามารถต่อสู้ฝ่ากองทัพศัตรูจำนวนมหาศาลแล้วหนีมาถึงสปาด้าได้หรอกนะ
คงเป็นแค่การที่ไม่มีใครพบเห็น แล้วก็โชคดีข้ามเทือกเขากัลลาฮัดมาได้เท่านั้นแหละ การคิดแบบนั้นน่าจะสมเหตุสมผลกว่า
และแล้ว ผลจากการตรวจสอบประสบการณ์นักผจญภัยของชายที่ชื่อคุโรโนะ เอลิน่าก็ประทับตรา ‘ระดับเริ่มต้น’ ให้เขาในใจ
“วันนี้มีธุระอันใดหรือคะ?”
เอลิน่าเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มสมบูรณ์แบบที่ไม่เผยพิรุธใดๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย พลางนึกถึงรายการเควสต์ส่งของง่ายๆ ที่เหมาะสมกับนักผจญภัยมือใหม่คนนี้อยู่ในหัว
“อยากจะทราบข้อมูลของมอนสเตอร์น่ะครับ ถ้าเป็นไปได้ก็เกี่ยวกับถิ่นที่อยู่ของพวกมันด้วย”
หรือไม่รู้แม้กระทั่งว่ากิลด์ทุกแห่งน่าจะมีรายชื่อมอนสเตอร์ให้อ่านได้อย่างอิสระอยู่แล้วกันนะ เอลิน่าถอนหายใจในใจกับความไม่รู้เรื่องของชายผู้นั้น แล้วอธิบาย
“ทางด้านนั้นมีหนังสือที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับมอนสเตอร์อยู่ค่ะ เชิญท่านดูได้เลยค่ะ”
หากถึงขั้นอ่านหนังสือไม่ออกล่ะก็ จะได้แนะนำให้ไปเข้าเรียนหลักสูตรนักผจญภัยของโรงเรียนเทพหลวงสปาด้าเสียเลย เอลิน่าสาบานกับตัวเองในใจ
“ไม่ครับ ผมอ่านดูคร่าวๆ แล้ว แต่ไม่เจอสิ่งที่อยากรู้ก็เลยมาลองถามดูน่ะครับ ข้อมูลที่นอกเหนือจากนั้นไม่ได้เปิดเผยให้ทราบสินะครับ?”
คำตอบที่เหนือความคาดหมายไปไกลลิบทำให้เอลิน่าครุ่นคิดเล็กน้อย
ข้อมูลมอนสเตอร์ที่จำเป็นสำหรับนักผจญภัยแรงค์ 1 จุดอ่อน ลักษณะนิสัย วิธีการโจมตี ถิ่นที่อยู่ วิธีรับมือเบื้องต้น และอื่นๆ ทั้งหมดมีเขียนอยู่ในรายชื่อมอนสเตอร์แล้ว
ในเมื่ออ่านหนังสือออกและยังสามารถพูดจาสุภาพได้ ก็ไม่น่าจะโง่เขลาถึงขนาดไม่เข้าใจเนื้อหาที่เขียนอยู่หรอกน่า
ถึงกระนั้น หากยังบอกว่าไม่เจอสิ่งที่อยากรู้ นั่นก็หมายความว่า……ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีผุดขึ้นในใจของเอลิน่า
“ท่านคุโรโนะกำลังค้นหาข้อมูลของมอนสเตอร์ตัวใดอยู่หรือคะ?”
เธอเอ่ยถามออกไปเพื่อยืนยันลางสังหรณ์นั้น พลางภาวนาต่อเหล่าทวยเทพสีดำในใจว่าขอให้มันผิดทีเถอะ
“ไม่ใช่ตัวใดตัวหนึ่งเป็นพิเศษหรอกครับ เอ่อ อย่างเช่น ซาลาแมนเดอร์ หรือพวกแรงค์สูงๆ น่ะครับ—“
ลางสังหรณ์แม่นเผง เอลิน่าอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ แต่ก็ยังคงรักษาใบหน้ายิ้มแย้มไร้พิรุธไว้ได้ อยากจะชมตัวเองจริงๆ
ดูเหมือนว่าชายที่ชื่อคุโรโนะผู้มีดีแค่หน้าตาหล่อเหลาคนนี้ น่าเสียดายจริงๆ น่าเสียดายอย่างสุดซึ้ง ที่ไม่รู้จักประมาณตนเอง เป็นนักผจญภัยที่ไม่เห็นความเป็นจริง เหมือนเด็กน้อยที่เอาแต่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นวีรบุรุษนั่นเอง
พูดถึงซาลาแมนเดอร์แล้ว นอกจากจะเป็นที่รู้จักในฐานะมังกรประเภทหนึ่ง มันยังเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับนักผจญภัยอีกด้วย กล่าวคือ เป็นประตูสู่ความเป็นนักผจญภัยชั้นหนึ่งหรือชั้นสองเลยทีเดียว
ต่อให้ตีลังกากลับหัว นักผจญภัยแรงค์ 1 แค่คนเดียวก็ไม่มีทางเอาชนะมันได้แน่ ต่อให้รวมปาร์ตี้กัน 100 คน ก็คงจะโดนลมหายใจเพลิงครั้งเดียวเผาเป็นเถ้าถ่านทั้งกระดูกไปแล้ว
เอลิน่าพยายามอย่างยิ่งที่จะระงับความรู้สึกอยากจะชี้นิ้วหัวเราะเยาะใส่ความไม่เจียมตัวของเขาด้วยเหตุผลเหล็กกล้า แล้วเริ่มอธิบาย ‘ความเป็นจริง’ ให้คุโรโนะฟังอย่างละเอียดลออ
“ต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่ทางกิลด์ของเราไม่มีนโยบายแนะนำเควสต์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่เกินกว่าแรงค์ของท่านค่ะ ตัวอย่างเช่น เควสต์ปราบซาลาแมนเดอร์นั้น จะต้องเป็นนักผจญภัยแรงค์ 4 ขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถรับได้ค่ะ”
พูดง่ายๆ ก็คือ เควสต์นั้นน่ะมันไม่เกี่ยวข้องกับแกในตอนนี้เลยสักนิด ถึงจะแฝงความหมายเช่นนั้นไว้ แต่—
“นั่นผมรู้ครับ ก็เลยคิดว่าจะไปล่ามันเองโดยไม่ผ่านเควสต์น่ะสิครับ แบบนั้นมันแย่มากเลยเหรอ?”
ช่างเป็นชายที่หมดหนทางเยียวยาเสียจริง เอลิน่าเผลอด่าเขาในใจไปเสียแล้ว
พวกโง่ที่ไม่เข้าใจระบบของกิลด์เลยน่ะ แค่โง่ธรรมดายังจะดีเสียกว่า
แต่พวกที่เข้าใจระบบแล้ว แต่กลับพยายามจะหาช่องโหว่เพื่อทำตามใจตัวเองน่ะ มันเป็นพวกน่ารำคาญที่จัดการยากยิ่งกว่าพวกสมองทึบเสียอีก
พูดง่ายๆ ก็คือ ไอ้โง่นี่รู้ว่าไม่สามารถสู้กับซาลาแมนเดอร์ผ่านเควสต์ปกติได้ ก็เลยคิดจะไปล่ามันเองโดยไม่ผ่านเควสต์สินะ
การล่ามอนสเตอร์อิสระ ตราบใดที่ไม่ถือเป็นการลักลอบล่าสัตว์ก็ไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรมก็จริง แต่การที่คนโง่ไม่เจียมตัวคิดจะไปลองของหรือหวังวัตถุดิบ แล้วบุกเข้าไปในรังมังกรดื้อๆ แบบนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรจากการไปตายอย่างไร้ค่าเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ต่อให้โง่ แต่ถ้าค่อยๆ ทำเควสต์ไปเรื่อยๆ ในอนาคตก็อาจจะกลายเป็นนักผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ได้ ดังนั้นทางกิลด์จึงไม่อยากให้ใครมาตายอย่างสูญเปล่าโดยไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย
เพราะเหตุนั้นเอง เพื่อไม่ให้ไปค้นหาข้อมูลแล้วมุ่งหน้าไปยังถิ่นที่อยู่ของมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งโดยพลการ ในรายชื่อมอนสเตอร์จึงมีการปิดบังข้อมูลอื่นๆ นอกเหนือจากวิธีหนีเมื่อเผชิญหน้า สำหรับมอนสเตอร์ระดับอันตรายแรงค์ 3 ขึ้นไปนั่นเอง
กล่าวคือ ความหวังดีอันแสนอ่อนโยนของกิลด์นั้น ไอ้ผู้ชายแรงค์ 1 สมองทึบคนนี้กลับไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อย
“ต้องขออภัยด้วยนะคะ แต่ทางกิลด์ของเราขอความกรุณาให้นักผจญภัยทุกท่านหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่เกินกว่าแรงค์ของตนเองให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ค่ะ”
“งั้น เหรอครับ……”
คุโรโนะทำสีหน้าผิดหวังอย่างสุดซึ้ง
หากเขาเป็นนักผจญภัยที่ดูมีแววและเฉลียวฉลาดในอนาคต ก็อาจจะพอมีคำปลอบใจดีๆ ให้บ้าง แต่เมื่อนึกถึงความโง่เขลาของชายผู้นี้แล้ว ถ้อยคำเช่นนั้นไม่มีทางหลุดออกมาจากปากของเอลิน่าได้แน่
“หากท่านต้องการจะปราบมอนสเตอร์ระดับสูง ก็คงไม่มีทางอื่นนอกจากจะต้องเลื่อนแรงค์นักผจญภัยของท่านขึ้นไปเท่านั้นล่ะค่ะ”
ขอร้องล่ะ ช่วยไปใช้ชีวิตนักผจญภัยธรรมดาๆ อย่างสงบสุขทีเถอะ เอลิน่ากล่าวอธิบายตามหน้าที่ด้วยความรู้สึกเช่นนั้น
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้น ช่วยบอกเควสต์ที่จำเป็นสำหรับเลื่อนแรงค์เป็นแรงค์ 2 ให้หน่อยได้ไหมครับ?”
อย่างน้อยที่สุด ก็โล่งใจไปทีที่ไม่ต้องมานั่งเถียงกับเรื่องเอาแต่ใจแปลกๆ อีกแล้ว เอลิน่าจัดการกับนักผจญภัยแรงค์ 1 ที่น่าผิดหวังเล็กน้อยคนนี้ตามหน้าที่ของตนเอง
“ได้เลยค่ะ ท่านคุโรโนะได้ทำเควสต์แรงค์ 1 สำเร็จมาแล้วหลายเควสต์สินะคะ—“
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ก็มีแต่เควสต์ง่ายๆ อย่างการเก็บสมุนไพร การช่วยเหลือกองกำลังป้องกันตนเองของหมู่บ้าน การคุ้มกันชาวบ้านไปยังหมู่บ้านข้างเคียง ซึ่งเป็นเควสต์ที่ปลอดภัยและโอกาสเจอการต่อสู้กับมอนสเตอร์นั้นแทบไม่มีเลยทั้งนั้น
ในจำนวนนั้นยังมีเควสต์อย่างการซ่อมรั้วหมู่บ้านหรือการขนของ ซึ่งเป็นเพียงงานจิปาถะที่ไม่ต้องเจอมอนสเตอร์เลยด้วยซ้ำ
แน่นอนว่า ไม่มีทางล้มเหลวอยู่แล้ว อัตราความสำเร็จเควสต์ของคุโรโนะจึงเป็น 100% แต่ด้วยเนื้อหาเควสต์แบบนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าภาคภูมิใจอะไรเลย
ถึงกระนั้น ผลงานก็คือผลงาน ดูเหมือนว่าจำนวนเควสต์ที่ทำไปก็มีพอสมควรแล้ว ที่เหลือก็แค่ทำเควสต์ปราบมอนสเตอร์แรงค์ 1 อีกสักสองสามเควสต์ ก็คงจะเลื่อนเป็นแรงค์ 2 ได้แล้วกระมัง
เอลิน่ารวบรวมรายการเควสต์ที่จำเป็นสำหรับคุโรโนะในการเลื่อนแรงค์อย่างรวดเร็ว และยื่นให้เขาภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
คุโรโนะกล่าว “ขอบคุณครับ” อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง รับรายการนั้นไปแล้วกวาดตาอ่าน ณ ตรงนั้นทันที
เอลิน่าคาดว่าเขาคงจะเลือกเควสต์ปราบก๊อบลิน 5 ตัวที่ง่ายที่สุดในบรรดานั้นแน่ๆ แต่ทว่า—
“ถ้างั้น ผมขอรับทั้งหมดนี่เลยครับ”
เอลิน่าสบถในใจอย่างไม่ลังเล “อย่ามาล้อเล่นนะโว้ย!” แล้วตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ เควสต์เหล่านี้สามารถรับพร้อมกันทั้งหมดได้ค่ะ แต่ดิฉันไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่นะคะ”
ทำไมล่ะ? คุโรโนะถามออกมาอย่างโง่งม เอลิน่าจึงตอบตามหน้าที่
“เนื่องจากมีกำหนดเวลา หากทำไม่สำเร็จตามกำหนด ก็จะต้องเสียค่าปรับ หรือไม่ก็ค่าธรรมเนียมในการโอนเควสต์ให้นักผจญภัยคนอื่นนะคะ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่ไม่จำเป็น และเพื่อให้สามารถมุ่งสมาธิไปที่เควสต์ได้อย่างเต็มที่ การรับเควสต์ทีละอย่างตามลำดับน่าจะดีกว่านะคะ”
นั่นคือคำเตือนจากใจจริงอันแสนอ่อนโยนของเอลิน่า แต่ทว่า—
“ไม่เป็นไรครับ”
—ก็ถูกปัดทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย
“เช่นนั้นหรือคะ ถ้างั้นท่านจะรับเควสต์ทั้งหมดนี้เลยใช่ไหมคะ?”
ครับ คุโรโนะตอบอย่างหนักแน่น เอลิน่าจ้องมองเขา พลางสาปแช่งในใจว่าขอให้โดนค่าปรับมหาศาลจนเป็นหนี้หัวโตไปเลย แล้วก็ดำเนินการรับเควสต์ปราบมอนสเตอร์แรงค์ 1 ทั้ง 5 เควสต์พร้อมกัน
“อ๊ะ ขอโทษครับ ผมอยากจะรับในนามปาร์ตี้น่ะครับ”
เอลิน่าสบถในใจอย่างไม่ลังเลอีกครั้ง “ถ้างั้นก็บอกตั้งแต่แรกสิวะ ไอ้บ้าเอ๊ย!” แล้วตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะ ต่อให้เป็นหลังจากจบเควสต์แล้ว หากท่านมายื่นเรื่อง ก็สามารถถือว่าทำสำเร็จในนามปาร์ตี้ได้เช่นกันค่ะ แต่ว่า หากยังไม่ได้ลงทะเบียนปาร์ตี้ไว้ ควรจะทำให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อนจะดีกว่านะคะ จะได้ไม่ต้องมาทำเรื่องยุ่งยากในภายหลังค่ะ”
ถ้างั้นพรุ่งนี้จะมาลงทะเบียนนะครับ ข้อมูลที่ไม่จำเป็นเลยสักนิดลอยเข้าหู ขณะที่เอลิน่ารีบจัดการเรื่องการรับเควสต์ให้เสร็จสิ้นไป
“—ค่ะ ถ้างั้นก็ขอให้เควสต์สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีนะคะ พยายามเข้านะคะ”
เธอพูดพลางยื่นมัดใบรับเควสต์ให้ พร้อมกับส่งกำลังใจที่ไม่ได้มาจากใจจริงเลยแม้แต่น้อยภายใต้หน้ากากแห่งรอยยิ้มสำหรับธุรกิจ
“ขอบคุณครับ”
และแล้ว คุโรโนะก็เผยรอยยิ้มเล็กน้อยแล้วเดินจากไป
แม้จะเป็นนักผจญภัยระดับต่ำสุดที่โง่เง่าและไม่เจียมตัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ แต่เมื่อมองดูรูปลักษณ์อันเย็นชากับรอยยิ้มที่ราวกับหิมะละลายในฤดูใบไม้ผลิ และร่างสูงโปร่งที่แข็งแรงกับสองขาที่ยาวเรียวเดินจากไปอย่างมั่นคงนั้น เอลิน่าก็อดไม่ได้ที่จะ—
“เฮ้อ~ อย่างน้อยหน้าตาก็ยังดีอยู่หรอกนะ ผู้ชายที่น่าผิดหวังจริงๆ ให้ 40 คะแนนก็แล้วกัน”
—พึมพำถ้อยคำแห่งความผิดหวังออกมาเช่นนั้น
Translater : Eidolonwww.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION