บทที่ 141 – ปลดผนึก
“—อึ่ก!?”
ผมสะดุ้งตื่นทันทีที่สติกลับคืนมา
ผมเกือบจะสู้กับไซปรัสจนตัวตายไปพร้อมกัน และรู้สึกเหมือนเห็นใบหน้าของลิลี่ในตอนท้าย…… ไม่สิ ก่อนอื่นต้องยืนยันสถานการณ์ก่อน
เบื้องหน้าผมคือทางหลวงที่ทอดยาวไปยังเทือกเขากัลลาฮัดอันห่างไกล และร่างสีดำที่อยู่ข้างๆ ผมคือ
“เป็นยังไงบ้าง ฟิโอน่า?” (คุโรโนะ)
“ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ ทุกอย่างจบลงแล้ว” (ฟิโอน่า)
แม่มดตอบกลับมาด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ตามปกติของเธอ
ทุกอย่างจบลงแล้ว นั่นหมายความว่าในตอนนี้ อันตรายน่าจะผ่านพ้นไปแล้ว ผมรู้สึกโล่งใจ
“ผมหลับไปนานแค่ไหน?” (คุโรโนะ)
“ประมาณ 30 นาทีค่ะ เมื่อครู่นี้เอง ไลท์โกเลมตัวสุดท้ายก็ถูกกำจัด และกองกำลังศัตรูก็ถูกทำลายล้างไปแล้วค่ะ” (ฟิโอน่า)
ขณะที่ผมมองไปรอบๆ ซากของไลท์โกเลม ซึ่งสวมชุดเกราะที่สร้างมาแค่พอให้ดูเหมือน ก็นอนกองอยู่เกลื่อนกลาดไปทั่ว
เหล่านักผจญภัยผู้ซึ่งเอาชนะหน่วยตุ๊กตานั่นได้ กำลังรีบซ่อมแซมรถม้าของตนเองแทนที่จะเสียเวลาดื่มด่ำกับชัยชนะ บางคนกำลังจัดการกับลวดหนามที่กางอยู่บนทางหลวงและพยายามแก้ไขปัญหา
“ผมควรจะไปช่วยด้วย” (คุโรโนะ)
พวกเราล่าช้ากว่าที่คาดไว้อยู่แล้ว เราควรรีบเคลื่อนตัวออกจากที่นี่ก่อนที่พวกครูเสดเดอร์จะตามมาโจมตี
แม้ว่าผมจะพยายามลุกขึ้น แต่กลับไม่สามารถรวบรวมกำลังที่ขาได้ และต้องใช้ต้นไม้ที่พิงอยู่ช่วยพยุงร่างขึ้นมา
“บาดแผลของคุณได้รับการรักษาด้วยยาทิพย์เทวดาแล้ว แต่มันไม่ได้ฟื้นฟูพลังเวทของคุณกลับมานะคะ คงจะเป็นการดีกว่าหากไม่เคลื่อนไหวมากเกินไป” (ฟิโอน่า)
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นสินะ ชิ ไอ้สารเลวนั่น ดูดพลังข้าไปซะเกลี้ยงเลย…….” (คุโรโนะ)
ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดแล้ว แต่ร่างกายกลับเต็มไปด้วยความอ่อนเปลี้ยเพลียแรง และมันยากลำบากแค่เพียงจะขยับร่างกาย
พลังเวทเป็นพลังงานสำคัญในการดำรงชีวิต หากสูญเสียมันไปมากเกินไป คุณก็จะมีอาการเหมือนกับการเสียเลือดมากเกินไป
มันน่าสมเพชจริงๆ แต่ในสภาพเช่นนี้ ผมไม่สามารถช่วยใครได้และจะลงเอยด้วยการเป็นตัวถ่วงเปล่าๆ ผมควรจะรออยู่ที่นี่และฟื้นฟูพลังงานของผมไปก่อน
แต่ผมก็โชคดีจริงๆ ที่บาดแผลหายดีแล้ว เพราะว่า [อ้อมกอดแห่งบาโฟเมต] ของผมตอนนี้อยู่ในสภาพขาดรุ่งริ่งอย่างสมบูรณ์
มันถูกดาบมิธริลฟันขาด และส่วนแขนก็ถูก [ไครม์อีทเตอร์] กัดขาด ซึ่งทำให้แขนเสื้อเหลืออยู่แค่ครึ่งเดียว
หากมันได้รับความเสียหายมากกว่านี้อีกนิดเดียว มันคงจะสูญเสียพลังปิศาจที่สถิตอยู่ภายในไปโดยสมบูรณ์ และคงไม่สามารถฟื้นฟูกลับสู่สภาพปกติได้อีก
แม้ว่ามันจะเป็นไอเทมเวทมนตร์ แต่หากมันถูกทำลายมากเกินไป ก็คงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
ขณะคิดว่าคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าเสื้อคลุมจะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ ผมก็นั่งพิงโคนต้นไม้อีกครั้งและพูดคุยกับฟิโอน่า
“แล้วหน่วยทดลองเป็นยังไงบ้าง? ถูกฆ่าทั้งหมดรึเปล่า?” (คุโรโนะ)
“ฉันกับคุณลิลี่จัดการไป 9 คนค่ะ ความสามารถของพวกเขาเทียบเท่ากับทีมแรงค์ 3 แต่หลังจากที่คุณลิลี่ใช้ [มายด์แจมเมอร์] มันก็กลายเป็นเรื่องง่ายไปเลยค่ะ” (ฟิโอน่า)
ผมเดาว่าพวกเขาคงพึ่งพาเทเลพาธีในการประสานงานอย่างสมบูรณ์จริงๆ ในเมื่อพวกเขาไม่มีบุคลิกภาพ มันก็เป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่สามารถปรับตัวได้หลังจากที่การสื่อสารถูกรบกวน
“แต่ถึงอย่างนั้น พวกเธอก็ทำได้ดีจริงๆ ที่ใช้งานมัน หรือพูดให้ถูกคือ ลิลี่ไม่ได้ใช้พลังคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์อยู่เหรอ?” (คุโรโนะ)
“ใช่ค่ะ ฉันใช้เวทป้องกันเพื่อให้คุณลิลี่มีเวลาพอที่จะเปิดใช้งานพลังคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์ของเธอค่ะ” (ฟิโอน่า)
เธอพูดง่ายๆ แบบนั้น แต่นั่นมันน่าทึ่งมากไม่ใช่เหรอ? อย่างน้อยมันก็เป็นกลยุทธ์ที่เป็นไปไม่ได้สำหรับผมที่ใช้ได้แค่ [แบล็กชิลด์]
“หน่วยส่วนใหญ่ของพวกเขาปะปนอยู่กับไลท์โกเลมและกำลังต่อสู้กับพวกนักผจญภัยอยู่ค่ะ เนื่องจากคุณคุโรโนะจัดการหัวหน้าของพวกเขาได้ พวกเขาทั้งหมดจึงล่าถอยไป” (ฟิโอน่า)
“เข้าใจล่ะ ถ้าพวกเขาล่าถอยไปแล้ว งั้นก็คงไม่มีเหตุผลหรือกำลังมากพอที่จะไล่ตามพวกเขาไป มันคงจะดีกว่าถ้าปล่อยพวกเขาไปเฉยๆ งั้น ความเสียหายของเราล่ะ?” (คุโรโนะ)
“ไม่มีผู้เสียชีวิตค่ะ” (ฟิโอน่า)
นั่นมันเหนือความคาดหมายจริงๆ ไม่สิ มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่ไม่มีใครตาย แต่เมื่อพิจารณาถึงความสามารถของศัตรูแล้ว ผมก็เตรียมใจที่จะเผชิญกับความสูญเสียอยู่บ้าง
“พวกที่ปะปนอยู่กับไลท์โกเลมนั่นอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ?” (คุโรโนะ)
“ไม่ค่ะ ดูเหมือนว่าศัตรูจะพยายามจับกุมพวกเรา นักผจญภัยที่พ่ายแพ้ได้รับบาดเจ็บก็จริง แต่ก็แค่ถูกทำให้สลบแล้วพันธนาการไว้เท่านั้น ตอนที่พวกเขาล่าถอย พวกเขาทิ้งนักผจญภัยเหล่านั้นไว้ เราจึงสามารถช่วยพวกเขาออกมาได้ค่ะ” (ฟิโอน่า)
“พอมาคิดดู เจ้านั่นก็พูดอะไรเกี่ยวกับภารกิจอยู่เหมือนกัน……” (คุโรโนะ)
บางที พวกเขาอาจจะถูกนำไปทดลองเหมือนผมก็ได้
ตอนนี้เมื่อพวกเขายึดครองเดดาลัสได้แล้ว มันน่าขยะแขยงที่ต้องคิดแบบนี้ แต่พวกเขาน่าจะมี ‘ปิศาจ’ จำนวนมากเพื่อใช้สำหรับวัตถุประสงค์เช่นนั้น
แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังพยายามจับกุมพวกเราตลอดทางมาถึงที่นี่ หมายความว่าพวกเขาต้องการพวกที่แข็งแกร่งเหมือนนักผจญภัยงั้นเหรอ?
(“อื้ม นั่นก็ถูกไม่มากก็น้อยล่ะนะ”) (ลิลี่)
“ลิลี่!?!” (คุโรโนะ)
ผู้ที่ตอบความคิดในใจของผมอย่างกะทันหันคือ ตามคาด เด็กสาวลิลี่นั่นเอง
“โอ้ คุณลิลี่คะ คุณทรมา— สอบสวนเขาเสร็จแล้วเหรอคะ?” (ฟิโอน่า)
เดี๋ยวนะ เมื่อกี้คำพูดที่อันตรายอย่างยิ่งกำลังจะหลุดออกจากปากเธอไม่ใช่เหรอ? หรือเป็นแค่ผมคิดไปเอง!?
(“ฉันได้ยินทุกอย่างที่อยากจะฟังแล้วล่ะ”) (ลิลี่)
ลิลี่ตอบพร้อมกับรอยยิ้มอันสง่างาม แต่ดวงตาของเธอกลับมีประกายแสงที่ค่อนข้างคมกริบอยู่ภายใน
“หมายความว่ายังไง……ด้วยการสอบสวนน่ะ?” (คุโรโนะ)
(“ฉันก็แค่ถามบางอย่างจากชายที่ชื่อไซปรัสนั่นน่ะ การรวบรวมข้อมูลก็สำคัญมากเหมือนกันนะรู้ไหม?”) (ลิลี่)
“ผมไม่คิดว่าเขาจะอธิบายทุกอย่างง่ายๆ ขนาดนั้นหรอกนะ” (คุโรโนะ)
(“นั่นก็ เอ่อ ฉันก็แค่ใช้เทเลพาธีอันน่าทึ่งของฉัน ‘นิดหน่อย’ น่ะ เข้าใจไหม?”) (ลิลี่)
เธอยิ้มขณะขยิบตามาทางผม
‘นิดหน่อย’ ของเธอหมายความว่ายังไงกันแน่ เธอทำเหมือนไม่อยากจะอธิบาย ผมเลยตัดสินใจไม่ตามเรื่องนั้นต่อเหมือนกัน
(“อย่างไรก็ตาม เพื่ออธิบายสั้นๆ พวกมันคือหน่วยที่ถูกส่งมาเพื่อจับกุมคนแข็งแกร่งอย่างพวกเราไปเป็นร่างทดลอง ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความลับบางอย่าง พวกมันจึงแสร้งทำเป็นกลุ่มทหารรับจ้างเพื่อปะปนกับพวกครูเสดเดอร์และกำลังมองหา ‘วัตถุดิบ’ ดีๆ อยู่น่ะสิ”) (ลิลี่)
“เป็นกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มเดียวกับที่พยายามโจมตีเราเมื่อวานซืนเลยรึเปล่า?” (คุโรโนะ)
(“ใช่ ดูเหมือนว่านั่นจะทำไปเพื่อกำจัดพวกนักผจญภัยที่ปะปนอยู่ในกลุ่มทหารรับจ้างของพวกมันอย่างสะดวก แล้วก็ใช้การต่อสู้นั้นเป็นข้ออ้างในการถอนตัวออกจากกองกำลังครูเสดเดอร์ด้วย”) (ลิลี่)
ผมเคยคิดว่ามันเป็นการโจมตีที่ไร้ประโยชน์ แต่เข้าใจล่ะ งั้นก็มีเหตุผลแบบนั้นอยู่เบื้องหลังสินะ
พวกนักผจญภัยของสาธารณรัฐที่พยายามจะสร้างชื่อเสียงนี่น่าสงสารจริงๆ พวกเราเป็นคนฆ่าพวกเขาเองแท้ๆ น่ะนะ
(“นอกจากนี้ ด้วยการบุกทะลวงป่าด้วยจำนวนน้อยนิดโดยใช้กำลัง และอัญเชิญไลท์โกเลมจำนวนมาก พวกมันทำให้ดูเหมือนว่าพวกเราถูกล้อมอยู่ในอัลซัสและทำให้เราล่าถอย หลังจากล่อเรามาไกลถึงนี่ พวกมันก็จะโจมตีเราในที่ที่พวกครูเสดเดอร์มองไม่เห็น”) (ลิลี่)
“แล้วพวกเราก็เดินเข้าสู่เงื้อมมือพวกมันเต็มๆ เลยสินะ……..น่าสมเพชชะมัด” (คุโรโนะ)
แม้ว่าผมจะดีใจที่เราสามารถขับไล่พวกมันออกไปได้อย่างงดงามเช่นนี้ แต่ถ้าเราถูกจับได้ ชะตากรรมของเราคงจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก
และนั่นคงจะไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับผม แต่กับสหายร่วมรบทุกคนของผมด้วย แม้ว่าจะช้าไปหน่อย แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวเมื่อลองนึกภาพตาม
“ว่าแต่ คุณลิลี่คะ ได้ข้อมูลอื่นมาอีกไหมคะ? ตัวอย่างเช่น เกี่ยวกับองค์กรที่สร้างร่างทดลองพวกนี้ขึ้นมา อะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ?” (ฟิโอน่า)
องค์กร งั้นเหรอ? มันคงจะเป็นกลุ่มคนที่น่าขยะแขยงไร้ค่า แต่ตอนนี้เมื่อพวกเขาปรากฏตัวต่อหน้าผมเช่นนี้ ผมก็จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับพวกเขาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เช่นกัน
(“องค์กรนี้เรียกว่า พิธีกรรมสีขาว ผู้ก่อตั้งและผู้รับผิดชอบการทดลองเหล่านี้คือบิชอปยูดาส การทดลองมนุษย์ที่คุโรโนะเคยผ่านมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่เรียกว่า โครงการทหารศักดิ์สิทธิ์ ฉันสามารถค้นพบสามสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน”) (ลิลี่)
เข้าใจล่ะ มันเป็นโครงสร้างที่เข้าใจง่ายทีเดียว
บิชอปยูดาสต้องเป็นตาแก่ท่าทางหยิ่งยโสนั่นแน่ๆ ที่ไม่ได้สวมหน้ากากในตอนนั้น ไซปรัสเองก็รู้จักหน้าผมและบอกผมว่าผมควรจะ ‘ไปถามตาแก่นั่นในเอลิเซียน’ ด้วย
ผู้ก่อตั้งและผู้รับผิดชอบสินะ? ถ้า หากชายคนนั้นเข้ามาอยู่ในระยะของผม ผมจะฆ่าตาแก่นั่นทิ้งให้ได้แน่นอนไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
แต่ว่า โครงการทหารศักดิ์สิทธิ์ พวกเราควรจะเป็นทหารของพระเจ้างั้นเหรอ?
“เห็นแก่ตัวเรียกพวกเรามาที่นี่แล้วทำให้เราเป็นเบี้ยของพระเจ้า ไอ้พวกสารเลวเอ๊ย…..” (คุโรโนะ)
พิธีกรรมสีขาว ยูดาส เอาล่ะ ผมจะจำพวกมันไว้
ในตอนนี้ ผมไม่มีกำลังพอที่จะหยุดไอ้พวกสารเลวพวกนั้นจากการทดลองต่อไปได้ แต่ถึงกระนั้น สักวันหนึ่งแน่นอน ผมจะทำให้พวกแกชดใช้ที่มาเล่นสนุกกับชีวิตพวกเรา
.
.
.
ภายในป่า ศพหนึ่งร่างนอนแผ่อยู่บนพื้น
มองแวบแรก มันดูเหมือนศพไหม้เกรียม แต่ทุกอย่างตั้งแต่เหนือดวงตาขึ้นไปถูกระเบิดปลิวหายไปจนหมดสิ้น ดังนั้นจึงยากที่จะบอกได้ว่าสาเหตุการตายคือไฟไหม้ หรือเพราะศีรษะถูกระเบิดกระจุย
และยกเว้นผู้ที่ลงมือทำเช่นนี้ ก็ไม่มีใครอื่นรู้คำตอบที่แท้จริง
“ว้าว แกถูกฆ่าอย่างอลังการจริงๆ นะ ไซปรัส”
หรือมันควรจะเป็นเช่นนั้น
ร่างหนึ่งกำลังมองลงไปยังศพที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นชายที่ชื่อไซปรัส
“แฟรี่นั่นดูน่ารักก็จริง แต่หัวกลวงสนิทเลย ดูเหมือนจะเป็นฝีมือของพวกผู้สำเร็จโทษของการไต่สวนศรัทธานะ ว่าไหม สึมิกิ?”
ผมทวินเทลสีบลอนด์และเอวบางร่างน้อย ทั้งชุดเกราะบนร่างและอาวุธบนหลังของเธอก็ดูธรรมดา เธอคือเด็กสาวที่ดูเหมือนนักผจญภัยมือใหม่เท่านั้น ไอ
แม้จะอยู่หน้าศพที่ถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม ไอก็ยังคงยิ้มและพูดคุยกับแมวดำสึมิกิข้างๆ เธอ
“นางใช้ไฟระดับต่ำจงใจเพื่อย่างเขาอย่างช้าๆ และระมัดระวัง แถมยังใช้ตะปูที่ปักหัวเขานั่นเปิดใช้งาน [ตัวเพิ่มความเจ็บปวด] และ [ขัดขวางการสลบ – ปลุกให้ตื่น] ด้วยนะ ไม่ต้องพูดถึงว่านางยังใช้เวทรักษาเพื่อไม่ให้เขาตายเร็วเกินไปด้วย ฉันเดาว่ามันก็ปกติที่ศพจะออกมาเป็นแบบนี้ อืม ในกรณีนี้เขาก็แค่ได้รับกรรมตามสนองล่ะนะ กรรมตามสนองจากสวรรค์ อะไรทำนองนั้น”
ไอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแสดงทรมานที่ดำเนินไปราว 20 นาที แต่แมวสึมิกิเพียงแค่ร้อง เหมียว อย่างง่วงงุนเท่านั้น
แต่โดยไม่สนใจแมวของเธอ เธอก็พูดต่อไป
“ฟุฟุ งั้นเราหยุด ‘การเล่นแบบมีข้อจำกัด’ ของฉันไว้ตรงนี้ แล้วฉันควรจะไปทักทายปิศาจตนนั้นกับแฟรี่เสียที—“
ไอสัมผัสกำไลข้อมือสีเงินที่ข้อมือของเธอ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ดูมีค่าที่สุดในครอบครองของเธอ
“—–ปลดผนึก”
พร้อมกับคำพูดของเธอ กำไลข้อมือสีเงินก็แตกออกและถูกถอดออกจากข้อมือเรียวของเธอ!
ทันใดนั้น บรรยากาศที่ดูเหมือนปกติของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
หากมีบุคคลที่สามอยู่ที่นี่ในตอนนี้ เขาคงจะรู้สึกราวกับว่าอากาศหรือทิวทัศน์ได้เปลี่ยนไป!
เธอผู้ซึ่งจู่ๆ ก็ปลดปล่อยรังสีอำนาจอันท่วมท้นออกมา ในที่สุดก็แสดงการเปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน!
ออร่าสีเงินรางๆ ส่องประกายระยิบระยับ พวยพุ่งออกมาจากร่างของไอ!
.
.
.
(กลับมามุมมองคุโรโนะ)
หลังจากเก็บกวาดลวดหนามสีดำที่น่าจะสร้างขึ้นโดยร่างทดลองด้วยมนตร์ดำเสร็จ และในตอนที่ทุกคนเตรียมพร้อมจะออกเดินทางด้วยรถม้า ผมก็กลับมาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระพอดี
เราเสียเวลาไปมากทีเดียวที่นี่ แต่ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าพวกครูเสดเดอร์จะเข้ามาใกล้เราจากด้านหลัง
ยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าพวกเขาจะตามเราทันหากพวกเขาเริ่มไล่ตามเราอย่างจริงจัง ดังนั้นเราต้องสร้างระยะห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่งั้นผมคงจะโล่งใจไม่ได้
นอกจากนี้ ในการต่อสู้ครั้งก่อน แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก จริงๆ แล้ว คนที่ไม่มีบาดแผลเลยกลับเป็นพวกส่วนน้อยเสียอีก
ผมดีใจที่ทุกคนได้เตรียมรถมาไว้เพื่อจุดประสงค์ในการหลบหนีกันทุกคน ในตอนนี้ เราสามารถเคลื่อนที่ได้ตราบเท่าที่เราสามารถวางพวกเขาลงในรถมาได้
“เอาล่ะ ทุกคนพร้อมแล้วใช่ไหม?” (คุโรโนะ)
งั้นก็ออกเดินทางกันเลย ทันทีที่ผมกำลังจะตะโกนเช่นนั้นและขึ้นรถมาของผม—
“——ทุกคนหมอบลง! [แบล็กชิลด์]!!” (คุโรโนะ)
ขณะที่ผมตะโกนสุดเสียง ผมก็กางเวทป้องกันออกไปเต็มกำลัง!
นั่นเป็นเพราะหอกแห่งแสงพุ่งลงมาราวกับห่าฝนใส่พวกเราจากฟากฟ้า ไม่สิ ควรจะเรียกว่าเสาแห่งแสงมากกว่า!
นั่นมันบ้าอะไรกันวะ? ยังมีศัตรูซ่อนอยู่ที่นั่นอีกเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าไอ้สิ่งที่ใหญ่และหนาพวกนั้นระเบิดขึ้นมาด้วยล่ะก็ ชิ มันเหมือนกับมิสไซล์ห่าเหวชัดๆ!
“صخرة على نطاق واسع لمنع الجدار—-[เทอร์ร่า วอลเดฟาน]”
จากข้างหลังผม เสียงร่ายความเร็วสูงดังขึ้น ฟิโอน่างั้นเหรอ?
เร็วยิ่งกว่าที่ผมจะทันตระหนักเสียอีก เวทป้องกันที่ดีกว่าของผมมากก็ปรากฏขึ้นเมื่อปฐพีผุดสูงขึ้นราวกับเวทป้องกันวงกว้างระดับกลาง!
พร้อมกับแรงสั่นสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหวเล็กๆ หน้าผาก็ผุดขึ้นมาตรงหน้าผม!
มันไม่ใช่หน้าผาจริงๆ แต่มันใหญ่พอที่จะให้ความรู้สึกเช่นนั้น ความกว้างของมันเพียงพอที่จะครอบคลุมทางหลวงทั้งสองฝั่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
ทันทีที่ [เทอร์ร่า วอลเดฟาน] ที่ใหญ่กว่าปกติมากเสร็จสมบูรณ์ เสาแห่งแสงก็มาถึงในที่สุด!
กึกกักๆๆๆๆ——–
แถวของเสาแสงพุ่งเข้าใส่พื้นผิวหน้าผาจากเบื้องบน!
[เทอร์ร่า วอลเดฟาน] สร้างขึ้นจากหินที่แข็งและทนทาน แต่เสาแห่งแสงก็แทงทะลุผ่านมันไปราวกับไม่สนใจกำแพง!
ดูเหมือนว่าเสาแห่งแสงจะบดขยี้กำแพงจนหมดสิ้น แต่ตรงกันข้ามกับที่คาดไว้ พวกมันกลับปักอยู่บนกำแพงเหมือนโครงเหล็กบนแท่งคอนกรีต!
“…….พวกมันคงไม่ระเบิดใช่ไหม?” (คุโรโนะ)
ทันทีที่ผมพูดเช่นนั้น ราวกับนึกขึ้นได้ เสียงครืนครานก็ดังขึ้นขณะที่หน้าผาเริ่มพังทลาย!
ก้อนหินจำนวนมากกระจายเกลื่อนไปทั่วทางหลวง และเหลือเพียงเสาแห่งแสงที่ปักอยู่บนพื้นเท่านั้น!
พวกมันเรียงกันเป็นรูปแบบตารางเพื่อปิดกั้นทางหลวง!
บางทีนี่อาจจะเป็นเวทป้องกันประเภทแสงรูปแบบประยุกต์ก็ได้
แต่ นั่นไม่ได้หมายความว่าผมจะวางใจได้ พวกมันอาจจะระเบิดในวินาทีถัดไปก็ได้ หรือบางทีพวกนี้อาจจะมีไว้เพื่อหยุดพวกเรา และตอนนี้เวทโจมตีก็จะพุ่งเข้ามาหาพวกเรา
“อ่า ขอโทษนะ ไม่ต้องระวังตัวขนาดนั้นก็ได้นะรู้ไหม?” (ไอ)
ทันใดนั้น เสียงสบายๆ ของเด็กสาวก็ดังขึ้น
น้ำเสียงนั้นเหมือนกับจะทำลายความระแวดระวังและความตื่นตัวของพวกเราให้หมดสิ้น แม้ว่า แน่นอนว่า ไม่มีใครในพวกเราทำเช่นนั้น
“……ใครน่ะ?” (คุโรโนะ)
เนื่องจากเสียงดังมาจากอีกฟากของโล่ผม เธอคงจะยืนอยู่ตรงหน้าผมแน่ๆ
หากผมจะเชื่อคำพูดของเธอ ดูเหมือนว่าศัตรูจะไม่ได้ตั้งใจโจมตีผมในทันที
ผมตัดสินใจแน่วแน่ สลายโล่ของผมทิ้งไปและมองไปยังศัตรูเบื้องหน้า
“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ ฉันชื่อไอ!” (ไอ)
อีกฟากหนึ่งของตารางที่สร้างขึ้นโดยเสาแห่งแสง เด็กสาวคนหนึ่งกำลังยืนอยู่
ผมทวินเทลสีบลอนด์สว่างของเธอทำให้เธอดูเหมือนเด็กเล็กน้อย แต่มันก็เข้ากับดวงตาสีฟ้ากลมโตเป็นประกายและใบหน้าที่น่ารักของเธอได้เป็นอย่างดี
เกราะของเธอประกอบด้วยเกราะอกหนังธรรมดา รองเท้าบูท และถุงมือ และข้างใต้มันคือเสื้อเชิ้ตบางๆ และมินิสเกิร์ต มันดูไม่เหมือนว่าจะมีมนตร์สะกดหรือเอฟเฟกต์เวทมนตร์ใดๆ เลยจริงๆ
เธอดูเหมือนนักผจญภัยมือใหม่จากทุกมุมมองจริงๆ แต่จากร่างเล็กๆ ของเธอ—
“ไม่ ไม่มีทาง……” (คุโรโนะ)
ผมไม่มีวันลืม มันคือออร่าสีเงินแบบเดียวกับที่ห่อหุ้มซาเรียล ซึ่งสร้างขึ้นจากพลังเวทสีขาวอันหนาแน่นของเธอ!
แต่เด็กสาวคนนี้ไม่ใช่ซาเรียลอย่างแน่นอน!
แต่ถึงกระนั้น การมีออร่าแบบนั้นหมายความว่า—
“…….อัครสาวกงั้นเหรอ?” (คุโรโนะ)
เด็กสาว ยิ้มกว้างจนอาจทำให้นึกถึงดอกทานตะวัน ตอบกลับมา
“ใช่แล้ว ฉันคืออัครสาวกคนที่ 8 ไอ เองจ้ะ!” (ไอ)
เธอแนะนำตัวเองราวกับเป็นเรื่องตลกเบาๆ
แต่มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่อาจเป็นไปได้ คำปฏิเสธเหล่านั้นไม่มีความหมายใดๆ เลยต่อหน้าออร่าสีเงินนั่น
ใช่ ผมควรจะยอมรับมันว่าสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ได้กลายเป็นไปได้แล้ว สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อัครสาวกได้ปรากฏตัวขึ้น
“เอาล่ะนะ คุณปิศาจ จะช่วยอยู่เป็นเพื่อนฉันสักพักได้ไหมจ๊ะ?” (ไอ)
และแล้ว อัครสาวกคนที่ 8 ไอ ก็มายืนขวางทางผม
Translater : Eidolonwww.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION