บทที่ 136 – ร่างทดลองและนักวิจัย
นี่คือช่วงเวลาหนึ่งหลังจากที่หมายเลข 49 ได้ทำการทดลองเคลื่อนที่สำเร็จไปหลายครั้ง
“เจ้าไม่ชอบหมายเลข 49 งั้นรึ?”
ไซปรัสถูกถามด้วยคำพูดเช่นนั้นอย่างกะทันหันโดยหัวหน้าห้องปฏิบัติการที่สามและผู้บัญชาการโครงการทหารศักดิ์สิทธิ์ ท่านบิชอปยูดาส
“หามิได้ขอรับ เรื่องเช่นนั้น……”
เขาสวมหน้ากากสีขาวซึ่งปกปิดใบหน้าทั้งหมด [ฟิลเตอร์มาสก์] ดังนั้นจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา
อย่างไรก็ตาม ยูดาสก็พูดต่อไปราวกับว่าเขามั่นใจในบางสิ่งหลังจากมองทะลุหัวใจของไซปรัสแล้ว
“มีกรณีที่หาได้ยาก สำหรับผู้ที่สามารถรักษาสติสัมปชัญญะของตนไว้ได้”
“ตัวตนของหมายเลข 49 เลือนหายไปเกินกว่า 50% แล้วนะขอรับ มันเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่ส่วนที่เหลือจะหายไปอย่างสมบูรณ์”
“ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เขาจะยังคงรักษาสติของตนไว้ได้จนถึงวินาทีสุดท้ายที่ตัวตนของเขาจะหายไป และจะไม่เสียสติไปจนกว่าจะถึงเวลานั้น นั่นคือสิ่งที่เจ้าไม่ชอบ ใช่หรือไม่?”
ไซปรัสตอบกลับด้วยความเงียบ
เขามองลงไปเห็นร่างของหมายเลข 49 กำลังเดินกลับไปยังห้องขังเดี่ยวของตนหลังจากเอาชนะโกเลม 3 ตัวได้
หลังจากต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับโกเลมซึ่งมีพลังพอที่จะบดขยี้มนุษย์ได้ในหมัดเดียว หมายเลข 49 ก็มีบาดแผลเต็มตัว
อย่างไรก็ตาม ในดวงตาสีดำคู่นั้น ยังคงมีแสงแห่งสติสัมปชัญญะและชีวิตอันทรงพลังสถิตอยู่
(ใช่ แกพูดถูกเผงเลย ข้าไม่ชอบไอ้แววตาแบบนั้น)
ไซปรัสรู้สึกหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัดต่อหมายเลข 49 ที่ไม่เคยเสียสติ/บ้าคลั่งไป และไม่เคยสิ้นหวังแม้จะรู้ดีว่าร่างทดลองเช่นตนไม่มีความหวังที่จะได้รับความรอดเลยก็ตาม
(สิ่งที่เรียกว่าหัวใจน่ะมันแตกสลายได้เสมอแหละ ทั้งปณิธาน การตัดสินใจ หรือแม้แต่ความภาคภูมิใจ ต่อหน้า ‘ความเจ็บปวด’ ของความเป็นจริง สิ่งเหล่านั้นมันก็แค่เรื่องไร้สาระ)
(นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมมันถึงไร้ประโยชน์ มันไม่ดีเลยที่แกยังต้องรักษาสติไว้ได้แม้จะมาถึงจุดนี้แล้ว ไอ้พวกคนต่างชาติชั้นสวะ ต้องร้องไห้ กรีดร้อง บ้าคลั่ง สูญเสียความหวังทั้งหมด และสิ้นหวังไปเสีย ก่อนที่ตัวตนของแกจะถูกลบล้างไปด้วย [แองเจิลริงค์] สิ)
(ข้ามาที่ [พิธีกรรมสีขาว] ก็เพื่อจะได้เห็น ‘สิ่งนั้น’ มันไม่ดีเลยนะถ้าแกไม่ยอมพังทลายลงไปตามวิธีที่ข้าต้องการน่ะ)
หมายเลข 49 ซึ่งลากขาข้างหนึ่ง ได้หายลับไปอีกฟากของทางเดินอันมืดมิดแล้ว
“—ที่หมายเลข 49 สามารถรักษาสติไว้ได้ก็เพียงเพราะ ‘เครื่องสังเวย’ ที่ใช้กับเขามันดี นั่นก็ช่วยเสริมพลังจิตวิญญาณของเขาด้วยเช่นกัน”
เขาเก็บกดความรู้สึกที่แท้จริงของตนไว้ แล้วตอบยูดาสไปพลางแสร้งทำเป็นใจเย็นจากจุดยืนของนักวิจัยคนหนึ่ง
“หืม ถ้าเจ้าเชื่อมั่นเช่นนั้น ก็คิดเช่นนั้นต่อไปเถิด”
แล้วยูดาสก็จากไปราวกับหมดความสนใจ
ไซปรัสมองส่งยูดาสไปขณะก้มศีรษะลง
(เรื่องไร้สาระ! ไอ้ตาแก่เวรตะไล ‘คนที่สามารถรักษาสติไว้ได้’ งั้นเรอะ ให้ตายสิ หมายเลข 49 มันแค่ทนทานกว่าเท่านั้น ในอนาคตมันก็จะพังทลายลงโดยไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน ถูกต้องแล้ว มันทำได้แค่ทนอยู่ในตอนนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันพิเศษกว่าคนต่างชาติคนอื่นๆ เลย)
อย่างไรก็ตาม หมายเลข 49 ก็สามารถรักษาสติของตนไว้ได้โดยไม่เสียสติไปจนกระทั่งถึงเวลาที่การผนึกตัวตนเสร็จสมบูรณ์ด้วยการใช้ [แองเจิลริงค์]
.
.
.
(กลับมาปัจจุบัน – มุมมองคุโรโนะ)
ร่างเหล็กสามร่างที่พรุนไปด้วยกระสุนนับไม่ถ้วนล้มลงบนพื้นพร้อมกับเสียงดัง
“ใช้พวกไลท์โกเลมนั่นป้องกันตัว—“
[เมจิกบุลเล็ตอาร์ตส์] ที่ยิงออกไปกลางอากาศจับชายคนนั้นไว้ในแนวการยิงได้อย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ป้องกันห่ากระสุนไว้ได้กลับไม่ใช่เวทป้องกันหรือเพลงยุทธ์ แต่เป็นไลท์โกเลมที่อยู่ในรูปลักษณ์ของอัศวินเกราะหนักต่างหาก!
“—เจ้านี่เป็นซัมมอนเนอร์งั้นเรอะ”
“ข้าไม่ใช่ซัมมอนเนอร์ธรรมดาๆ โว้ย ข้าคือไซปรัสผู้ยิ่งใหญ่ ไฮซัมมอนเนอร์เฟ้ย อย่าคิดว่าปืนเด็กเล่นของแกจะใช้กับข้าได้ผลล่ะ” (ไซปรัส)
ชายที่เรียกตัวเองว่าไซปรัส เผยรอยยิ้มสงบนิ่งและเยือกเย็น
เขาสามารถอัญเชิญไลท์โกเลม 3 ตัวมาเป็นโล่ได้ในพริบตา จากความสามารถนั้น ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดจะไม่ใช่การขู่หลอกเสียทีเดียว
เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า เจ้านี่มีอสูรรับใช้ที่ทรงพลังพอจะฆ่าผมได้อยู่แน่ๆ
“เฮ้ย หมายเลข 49 ไอ้สารเลว แกคิดว่าแกฆ่าข้าได้เรอะ?” (ไซปรัส)
“กูจะฆ่ามึง!!!” (คุโรโนะ)
ข้าเตรียมขวานในมือซ้ายให้พร้อม และเรียกดาบดำสองเล่มที่ขว้างไปยังร่างทดลองสองคนที่อยู่ข้างหลังกลับมา
สองคนข้างหลังยังไม่ตาย ด้วยเหตุผลนั้น ข้าจึงยังคงมี [ซอร์ดอาร์ตส์] ไว้ด้านหลังเพื่อระวังตัว
แต่ถึงกระนั้น ศัตรู ข้ายืนอยู่ตรงหน้าหัวหน้าของพวกมัน แต่กลับไม่มีสัญญาณการโจมตีหรืออะไรก็ตามจากทั้งสองคนนั้นเลย
“เหะ งั้นรึ—เฮ้ย! พวกแกสองคนไปจัดการไอ้เด็กกับแม่มดนั่นได้แล้ว” (ไซปรัส)
ตัวตนของร่างทดลองหายไป ดูเหมือนว่าพวกมันจะมุ่งหน้าไปยังลิลี่กับฟิโอน่าแล้ว แต่เจ้านี่มันคิดอะไรอยู่ถึงได้ลดจำนวนพันธมิตรของตัวเองลง?
หรือมันกำลังจะบอกเป็นนัยๆ ว่ามันสามารถเอาชนะข้าได้ด้วยตัวคนเดียวงั้นรึ
“ถ้าทำได้ก็จับพวกมันเป็นๆ ล่ะ ข้าจะ ‘ใช้ประโยชน์’ พวกมันทีหลัง” (ไซปรัส)
“ไอ้สารเลว… แกกล้าพูดถึงเพื่อนข้ารึ!!!” (คุโรโนะ)
นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกโกรธถึงขนาดนี้ด้วยเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ!
อย่ามาพูดจาสวะๆ กับเพื่อนของข้า!
“อ๋า อะไรวะ แกของขึ้นเรอะ? รักผู้หญิงของแกมากขนาดนั้นเลยรึไง หา?” (ไซปรัส)
คำตอบของข้าไม่ใช่คำพูด แต่เป็นดาบ!
ข้ายิงดาบดำเล่มหนึ่งเล็งไปที่หว่างคิ้วของไซปรัส!
“ฮ่าฮ่า—“ (ไซปรัส)
ดาบที่ยิงออกไปเกิดการสั่นไหว และถูกปัดกระเด็นออกไปด้วยคมดาบที่ชักออกมาซึ่งส่องประกายสีเงิน!
ชายคนนั้นชักดาบยาวที่มีแสงบางอย่างสถิตอยู่ออกมา และป้องกันการโจมตีของดาบดำไว้ได้!
มันไม่ใช่แค่ซัมมอนเนอร์ธรรมดา แต่มันยังสามารถใช้ทักษะยุทธ์เหมือนอัศวินได้อีกด้วย!
“—ใช้ได้นี่ หมายเลข 49 แค่นี้คงจำเป็นต้องมีเพื่อจะทำลายแกสินะ” (ไซปรัส)
“แกพูดเรื่องอะไร?” (คุโรโนะ)
“ข้าก็แค่พูดกับตัวเองน่า ไม่ต้องห่วงหรอก——الأسنان تأكل السحر المقدس الثعبان یبتلع أسود أبیض أسود (อสรพิษศักดิ์สิทธิ์ขาวดำกลืนกินเวทมนตร์เขี้ยวเขมือบ)” (ไซปรัส)
ไซปรัสเริ่มร่ายคาถาโดยยกคทาสั้นสีขาวในมือซ้ายขึ้น
เหมือนเคย ข้าไม่เข้าใจความหมายของคำเหล่านั้น แต่ดูจากการไหลของคาถาแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นไฮซัมมอนเนอร์จริงๆ
“[ซอร์ดอาร์ตส์] ทะลวง!” (คุโรโนะ)
ข้าไม่มีทางยอมให้คนที่ใช้เวทมนตร์ร่ายคาถาจนเสร็จแน่! ข้ายิงดาบดำทั้ง 6 เล่มออกไป!
3 เล่มจากด้านหน้า ข้างละ 1 เล่ม และอีก 1 เล่มมุ่งไปยังกลางกระหม่อม! ทั้งหมดพุ่งเข้าใส่เป้าหมายพร้อมทิ้งเส้นสายสีดำไว้กลางอากาศ!
“ห้า ช้าไปแล้ว!” (ไซปรัส)
ไซปรัสตั้งท่าฟันดาบโดยถือดาบยาวไว้ในมือขวา
แต่สิ่งที่ออกมาจากท่านั้นไม่ใช่การแทง แต่เป็นการฟันต่อเนื่องความเร็วสูง!
ดาบดำทั้งหกเล่มมาถึงพร้อมกัน แต่ดาบ 3 เล่มด้านหน้าถูกปัดกระเด็นออกไปอย่างง่ายดายด้วยการปะทะดาบ!
ดาบ 3 เล่มที่มาจากด้านบนและซ้ายขวาหลบดาบที่ถูกปัดออกมาด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยราวกับว่าพวกมันมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบตัว!
ดาบสองเล่มทางซ้ายและขวากลับมาหาข้า แต่ดาบที่โจมตีไซปรัสจากเหนือศีรษะนั้นปักลงบนพื้นเนื่องจากเขาหลบมันได้!
ก่อนที่ข้าจะทันเรียกมันกลับมา มันก็ถูกผ่าครึ่งด้วยการฟันสีเงินเพียงครั้งเดียวและสูญเสียพลังเวทสีดำไป!
เทคนิคดาบของไซปรัสที่ป้องกันการโจมตีของดาบ 6 เล่มได้นั้นเหนือกว่าอัศวินธรรมดามากนัก!
แต่ นั่นไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาสามารถป้องกันการโจมตีของ [ซอร์ดอาร์ตส์] ได้อย่างง่ายดาย
“นั่นมันสร้างจากมิธริลงั้นเรอะ?!” (คุโรโนะ)
“ไอ้โง่ มองแวบเดียวก็ควรรู้แล้วสิวะ” (ไซปรัส)
มิธริลคือโลหะเวทมนตร์ที่สร้างขึ้นด้วยวิธีการผลิตเฉพาะตัว และกักเก็บพลังเวทสีขาวอันบริสุทธิ์ไว้ภายใน
แสงสว่างในคมดาบนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น น้ำหนักโดยรวมของมันเบาราวกับขนนก แต่พลังโจมตีกลับหนักหน่วงและแข็งแกร่งกว่าเหล็กกล้า!
เพียงเพราะเขากำลังใช้ดาบที่ทำจากมิธริล เขาจึงสามารถเหวี่ยงมันได้อย่างรวดเร็วและป้องกันดาบดำได้อย่างง่ายดาย!
ฐานของดาบดำของข้าคือดาบยาวธรรมดาที่เคลือบด้วยพลังเวทสีดำของข้าเท่านั้น
ในทางตรงกันข้าม คมดาบของดาบมิธริลนั้นบรรจุเวทสีขาวบริสุทธิ์ความเข้มข้นสูงเอาไว้ มีความแตกต่างอย่างมากในปริมาณพลังเวทที่สถิตอยู่ในอาวุธทั้งสอง!
มนตร์ดำเพียงแค่เพิ่มความคมและความแข็งแกร่ง แต่ข้าไม่รู้ว่าเวทสีขาวมีผลต่อดาบอย่างไรบ้าง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันกำลังเสริมพลังบางอย่างอยู่ ปริมาณพลังเวทในอาวุธจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังโจมตีโดยตรง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมอาวุธเวทถึงมีค่าสูง
และในบรรดาอาวุธเวท พวกที่นำโชคร้ายมาสู่ผู้ใช้จะถูกเรียกว่า ‘อาวุธต้องสาป’ แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไร อาวุธของไซปรัสก็เต็มไปด้วยพลังเวทอันบริสุทธิ์เท่านั้น และไม่มีคำสาปหรืออะไรทำนองนั้นเลยแม้แต่น้อย
“มีอุปกรณ์สุดยอดใช้เชียวนะ ไอ้ลูกหมาเอ๊ย……” (คุโรโนะ)
มีความเป็นไปได้ว่าดาบมิธริลจะหยุด [ขวานต้องสาป ฮาระเร็ตสึ] ของข้าได้อย่างง่ายดาย ความเข้ากันได้ของมันแย่ที่สุดเลย
“เฮ้ยๆ ถ้าแกประเมินข้าแค่จากอุปกรณ์มันก็แย่น่ะสิ? ข้าคงต้องแสดงส่วนที่ยอดเยี่ยมของตำแหน่งไฮซัมมอนเนอร์ให้แกดูหน่อย—[ไครม์อีทเตอร์]” (ไซปรัส)
ผลของคาถาที่ร่ายไปก่อนหน้านี้ทำงานในที่สุด!
ด้านหลังไซปรัส วงเวทสีขาวขนาดประมาณ 1 เมตร 4 วงลอยขึ้น!
ดูเหมือนว่าคำและลวดลายที่วาดอยู่บนนั้นจะมีความหมายบางอย่าง แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะถอดรหัสมันได้
และหลังจากนั้นไม่กี่วินาที อสูรรับใช้ที่ถูกเรียกว่า [ไครม์อีทเตอร์] ก็ปรากฏตัวออกมาจากภายในวงเวท!
คิช่าาา-!
มันคืออสรพิษขนาดใหญ่ที่มีเกล็ดสีขาว!
ลำตัวของมันหนากว่าแขนของข้าเสียอีก และความยาวโดยรวมน่าจะประมาณ 3 เมตร มันเล็กกว่าเมื่อเทียบกับอนาคอนด้า แต่เมื่องูขนาดนี้ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า แรงกดดันที่มันแผ่ออกมาก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!
มันกำลังมองมาที่ข้าด้วยดวงตาสีแดง และกำลังแลบลิ้นสองแฉกของมันอยู่ ข้าดูน่าอร่อยขนาดนั้นเลยรึไง?
สัตว์ที่เรียกว่างูสามารถปลูกฝังความกลัวในใจผู้คนได้ แต่เจ้างูตัวนี้ที่มีลำตัวสีขาวปลอด ดวงตาสีแดงเหมือนเผือก ชวนให้นึกถึงซาเรียลอย่างใกล้ชิด ทำให้ข้าคิดว่าเจ้านี่เป็นสิ่งที่รับมือได้ยากจริงๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แปลกคือ [ไครม์อีทเตอร์] ทั้ง 4 ตัว เพียงแค่ใช้หางของพวกมันพันรอบไซปรัสไว้เล็กน้อย แต่ก็ยังคงลอยอยู่กลางอากาศ
ถ้าพวกมันใหญ่ขนาดนั้น พวกมันก็น่าจะมีน้ำหนักมากพอสมควรไม่ใช่เหรอ? ถึงกระนั้น ไซปรัสก็ยังคงยืนสงบนิ่งราวกับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักใดๆ เลย
“เป็นอะไรไปล่ะ ไม่ต้องกลัวอีกต่อไปแล้วก็เข้ามาสิ ข้าอุตส่าห์เปิดโอกาสให้แกได้สู้กับข้าแบบจริงจังแล้วนะ?” (ไซปรัส)
ข้าไม่มีความตั้งใจจะหลงกลคำยั่วยุที่เห็นได้ชัดของมัน แต่ข้าไม่มีเวลามากนัก นี่เป็นเรื่องจริง ข้าต้องเป็นฝ่ายโจมตีก่อน
ข้าไม่รู้ความแข็งแกร่งของอสูรรับใช้ที่เรียกว่า [ไครม์อีทเตอร์] ดังนั้นการโจมตีซึ่งๆ หน้าจึงอันตราย ในตอนนี้—
“[เมจิกบุลเล็ตอาร์ตส์]”
ข้าจะรอดูท่าทีและวัดพลังของมันด้วยการโจมตีระยะไกลก่อน
กระสุนหลายร้อยนัดที่ปรากฏขึ้นในทันทีถูกยิงออกไปด้วยการเหวี่ยงไม้เท้าบาตองเพียงครั้งเดียว!
ไม่มีทางหนีจากห่ากระสุนนี้ได้ เว้นแต่เขาจะป้องกันเหมือนก่อนหน้านี้แล้วกระโดดออกจากระยะยิง!
ไซปรัสยังคงยิ้มอยู่และไม่แสดงท่าทีว่าจะลงสู่พื้นเลย
งั้นเขาก็เลือกที่จะป้องกัน สินะ ในจังหวะที่ข้าคิดเช่นนั้น [เมจิกบุลเล็ตอาร์ตส์] ทั้งหมดก็หายไป!
“……หา?”
พวกมันไม่ได้สั่นไหว หรือถูกปัดป้อง แต่หายไปเฉยๆ ใช่ กระสุนหลายร้อยนัดหายไปในอากาศก่อนที่จะถึงตัวไซปรัส!
ทั้งเขาและงูไม่ได้ขยับเลย!
มันคืออะไร เกิดอะไรขึ้น? การลบล้างเวทมนตร์โดยสมบูรณ์? เทคนิคแบบนั้นมีอยู่ด้วยเรอะ?
“เฮ้ย เร็วเข้าสิ หมายเลข 49” (ไซปรัส)
“ชิ—[ซอร์ดอาร์ตส์]”
แทนที่จะมัวคิด สู้โจมตีตอนนี้เลยดีกว่า!
ข้าขว้างดาบดำสองเล่มออกไปและยิง [เมจิกบุลเล็ตอาร์ตส์] อีกครั้ง!
ไซปรัสยังคงยืนนิ่งโดยไม่มีสัญญาณว่าจะเคลื่อนไหว แต่ว่า—
ช่า!
คราวนี้พวกงูเคลื่อนไหว!
งู 2 ตัวเคลื่อนไหวราวกับเป็นแขนใหม่ของเขา และอ้าปากงับดาบดำสองเล่มที่พุ่งเข้าใส่!
เสียงโลหะดังขึ้น และในขณะเดียวกัน มนตร์ดำที่เคลือบคมดาบก็ถูกลบล้างราวกับระเหยไป!
พวกงูคายซากดาบที่แหลกละเอียดทิ้งลงพื้นด้วยท่าทีราวกับจะบอกว่า ‘อย่าให้พวกข้ากินขยะแบบนี้สิ’
ขณะที่พวกมันกำลังทำเช่นนั้น ห่ากระสุนก็หายไปอีกครั้งหลังจากเข้าใกล้ไซปรัสในระยะหนึ่ง!
“เข้าใจล่ะ ข้ารู้แล้ว—“ ข้าทิ้งไม้เท้าบาตองลง หยุดการยิง… ข้าเข้าใจแล้วว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะใช้ต่อไป
“เหอะ! งั้นไอ้พลังดูดมนตร์ดำก็คือความสามารถของเจ้างูเวรพวกนั้นสินะ!?” (คุโรโนะ)
“อย่างที่คิด แม้แต่คนโง่ก็ยังเข้าใจได้มากขนาดนั้น! แต่ว่า เพียงเพราะแกรู้ ก็ไม่ได้หมายความว่าแกจะทำอะไรกับมันได้ แกเข้าใจเรื่องนั้นด้วยรึเปล่าล่ะ หา หมายเลข 49??” (ไซปรัส)
ในที่สุดข้าก็เข้าใจว่าทำไมเจ้านี่ถึงได้ทำท่าทางมั่นใจนักหนาต่อหน้าข้า!
ในเมื่อมันเป็นนักวิจัยด้วย มันก็ควรรู้ว่าข้าสามารถใช้ได้เพียงแค่มนตร์ดำเท่านั้น!
ถ้างั้น ด้วยการดูดกลืนพลังเวทมนตร์ดำ หากมันสามารถลบล้างการโจมตีด้วยมนตร์ดำได้ ข้าก็จะกลายเป็นเพียงมนุษย์ที่ถูกเสริมพลังเล็กน้อยเท่านั้น!
ความจริงที่ว่าข้าเป็นคนไปโจมตีมันถือเป็นความผิดพลาดตั้งแต่แรก แต่ตอนนี้ข้าไม่สามารถสลับตัวกับฟิโอน่าหรือลิลี่ได้แล้ว!
บัดซบ อย่างที่คาดไว้จริงๆ ในฐานะนักวิจัย เขามีทุกสิ่งที่จำเป็นในการปราบร่างทดลองที่อาละวาดสินะ?
“พอข้าหนีไป พวกแกก็รีบแจ้นเตรียมของแบบนี้มาดักข้าสินะ ไอ้พวกขี้ขลาด!” (คุโรโนะ)
“ถูกต้อง ตอนที่ข้าเจอแก ข้าไม่คิดว่าจะสามารถจับแกได้อย่างง่ายดาย แต่ข้าก็ไม่ได้คาดคิดจริงๆ ว่าจะต้องใช้เจ้าพวกนี้! เฮียะฮ่าฮ่าฮ่า” (ไซปรัส)
ไอ้สารเลวนี่จะเล่นสนุกไปถึงเมื่อไหร่กัน!
แต่ถึงกระนั้น มันคงยากที่จะเอาชนะเขาได้แล้วในตอนนี้ที่มนตร์ดำของข้าถูกผนึก!
เจ้างูพวกนั้นไม่ใช่แค่โล่ป้องกันมนตร์ดำเท่านั้น แต่ยังสามารถโจมตีและกัดได้ตามปกติด้วย พวกมันอันตรายแม้จะไม่มีผลการดูดกลืนพลังก็ตาม!
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด พวกมันอาจจะสามารถใช้มนตร์ขาวบางอย่างได้ด้วยซ้ำ!
ยิ่งไปกว่านั้น ไซปรัสยังมีดาบมิธริลและมีฝีมือกับมันอีกด้วย!
“ชิ… สถานการณ์โคตรแย่… หาทางชนะไม่เจอเลยโว้ย… ต้องทำยังไงวะ?—-” (คุโรโนะ)
Translater : Eidolonwww.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION