บทที่ 129 – ความผิดพลาดในการคำนวณ
หน้าที่เฝ้าระวังบริเวณชายขอบหมู่บ้านอัลซัสมักจะเป็นของคลาสโจรหรือคลาสอื่นๆ ที่มีไหวพริบและคล่องแคล่ว
อย่างไรก็ตาม เพื่อจับตาดูสภาพแวดล้อมในพื้นที่กว้าง หน้าที่นี้จึงถูกมอบให้กับเหล่าซัมมอนเนอร์
มันไม่ใช่สายอาชีพหลักในหมู่นักผจญภัยเท่าไหร่นัก ในบรรดานักผจญภัยกว่า 100 คนในพันธมิตรของเรา มีซัมมอนเนอร์เพียง 3 คนเท่านั้น
อันที่จริงแล้ว ซัมมอนเนอร์เป็นสายอาชีพย่อยของจอมเวทที่เน้นการฝึกฝนมอนสเตอร์ผ่านคาถาและใช้พวกมันเป็นอสูรรับใช้
โดยใช้มอนสเตอร์แรงค์ 1 อย่างแด็กเกอร์แรปเตอร์และวินด์วูล์ฟ พวกเขาสามารถครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ในการสอดส่องดูแลได้
และนั่นก็ยังคงใช้ได้แม้ในขณะที่การต่อสู้กำลังดำเนินอยู่
ตั้งแต่แรก เนื่องจากภูมิประเทศรอบหมู่บ้าน ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ศัตรูจะโอบล้อมพวกเราหรือทำการจู่โจมไม่ให้รู้ตัว ดังนั้นการส่งอสูรรับใช้ออกไปจึงเป็นเพียงมาตรการป้องกันขั้นต่ำสุดเท่านั้น
อาจกล่าวได้ว่า จริงๆ แล้วมันมีจุดประสงค์เพื่อทำให้แน่ใจว่ามอนสเตอร์จะไม่โจมตีหมู่บ้าน มากกว่าที่จะป้องกันศัตรูที่มาจากด้านหลัง ซึ่งถือว่าเป็นไปไม่ได้
แต่ เหตุผลที่พวกเขาสามารถตระหนักได้ในทันทีว่าสถานการณ์ที่ ‘เป็นไปไม่ได้’ ได้กลายเป็นความจริงขึ้นมา ก็ต้องขอบคุณอสูรรับใช้นี้นี่เอง
ณ อีกฟากหนึ่งของประตูหลักที่คุโรโนะและคนอื่นๆ กำลังป้องกันอยู่ วินด์วูล์ฟของซัมมอนเนอร์คนหนึ่งกำลังวิ่งอยู่บนสะพานที่สร้างขึ้นบนแม่น้ำรีน
วินด์วูล์ฟดูเหมือนหมาป่าที่มีขนสีเขียวอ่อน และสามารถใช้เวทมนตร์พิเศษธาตุลมได้แม้จะอ่อนแอก็ตาม
เพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากเจ้านายให้สำเร็จ วินด์วูล์ฟจึงวิ่งสุดกำลัง
ภารกิจของพวกมันคือการสอดส่องพื้นที่และแจ้งให้ทราบในกรณีที่พบศัตรู
และปัจจุบันพวกมันกำลังอยู่ในกระบวนการทำภารกิจส่วนหลัง นั่นคือข้อพิสูจน์ว่า ‘ศัตรู’ ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูหลังซึ่งอยู่ตรงข้ามหมู่บ้าน
ห่างจากประตูหลังไป 2 กิโลเมตร บนทางหลวง วินด์วูล์ฟได้พบเห็นศัตรู
“คะ อะไรกันเนี่ย….. ไม่น่าเชื่อว่าหน่วยใหญ่ขนาดนั้นจะอ้อมมาทางด้านหลังพวกเราได้……”
ซัมมอนเนอร์อ่านสิ่งที่วินด์วูล์ฟเห็นผ่านโทรจิตและยืนยันข้อเท็จจริงนั้น
“ต้องรีบแจ้งคุณคุโรโนะ—“
และข้อมูลนั้นก็ถูกส่งไปยังคุโรโนะอย่างรวดเร็วผ่านผลึกสื่อสารโทรจิต
“—พบหน่วยศัตรูทางด้านหลังหมู่บ้าน! เป็นหน่วยอัศวินเกราะหนักประมาณ 100 นายครับ!!”
.
.
.
“—พบหน่วยศัตรูทางด้านหลังหมู่บ้าน! เป็นหน่วยอัศวินเกราะหนักประมาณ 100 นายครับ!!”
“ว่า………ว่าไงนะ………..”
ทันทีที่ผมได้ยินเช่นนั้น คำว่าพ่ายแพ้ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าผม
เนื่องจากภูมิประเทศ มันยากอย่างยิ่งที่ศัตรูจะอ้อมมาล้อมพวกเราได้ ผมเลือกอัลซัสเป็นแนวป้องกันก็เพราะเหตุผลนั้นตั้งแต่แรก
แต่ข้อได้เปรียบนั้นกลับถูกพลิกกลับได้อย่างง่ายดาย
ชิ กำลังคิดอยู่เลยว่าวันนี้เราอาจจะปกป้องหมู่บ้านไว้ได้แท้ๆ ผมอยากให้รายงานนี้เป็นเรื่องโกหกสิ้นดี
ผมอยากจะคิดเช่นนั้น แต่ทางเลือกที่จะต่อสู้ต่อไปโดยไม่สนใจรายงานนี้ไม่อาจมีอยู่ในหัวผมได้เลยขณะที่ค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง
“อึ่ก ที่นี่คงต้านไม่ไหวแล้ว…….เราจะล่าถอย……”
ผมไม่มีเวลาลังเลอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อด้านหลังของเราถูกศัตรูเข้ายึด ความพ่ายแพ้ของเราที่นี่ก็ได้รับการยืนยันแล้ว
“…….แน่ใจนะครับ?”
เสียงที่ลังเลดังมาจากอีกฟากของผลึก
“ใช่ เราจะทิ้งอัลซัส ส่งสัญญาณล่าถอย เราต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“รับทราบ”
เมื่อการสื่อสารสิ้นสุดลง ผลึกก็แตกสลายเมื่อหมดหน้าที่ของมัน
“บ้าเอ๊ย!!”
ทำไมกัน?! หน่วยที่มีความคล่องตัวต่ำอย่างหน่วยอัศวินเกราะหนัก 100 นายมาอยู่ด้านหลังอัลซัสได้อย่างไร?
มันมีทางอ้อมอยู่ก็จริง แต่ถ้าใช้ทางนั้นมันต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ ผมไม่คิดว่านั่นจะเป็นไปได้ที่นี่
ต่อให้พวกเขาฝืนบุกตะลุยผ่านป่าทึบหนาทึบมา ก็ไม่มีทางที่เราจะไม่รู้ตัวว่ามีหน่วยทหาร 100 นายกำลังเคลื่อนผ่านไป
เราเฝ้าระวังอย่างแน่นอนแล้ว แต่ การสังเกตการณ์ของเราไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆ เลยแม้แต่น้อย
ผมไม่รู้เลยว่าพวกเขาใช้เวทมนตร์ประเภทไหนถึงได้มาอยู่ด้านหลังเราอย่างกะทันหันเช่นนี้
ไม่สิ บางทีพวกเขาอาจจะมีเวทมนตร์สะดวกสบายที่ช่วยให้พวกเขาสามารถเคลื่อนย้ายทั้งหน่วยไปยังที่อื่นได้ในทันทีก็ได้
ถ้างั้นผมควรจะทำอย่างไร? ผมควรจะสร้างกำแพงป้องกันอีกด้านไว้ด้วยงั้นเหรอ?
เรามีเวลาแทบจะไม่ถึง 1 สัปดาห์ก่อนที่ศัตรูจะบุกเข้ามาจากประตูหน้าหลัก เราไม่มีเวลาเหลือเฟือพอที่จะสร้างกำแพงป้องกันอีกแห่งทางด้านหลังซึ่งมีโอกาสน้อยที่จะถูกโจมตี แค่เราสามารถวางกำลังยามไว้ที่นั่นได้ก็ถือว่าเกินพอแล้ว
ต้องขอบคุณเรื่องนั้นที่เราสามารถสัมผัสถึงศัตรูได้ก่อนที่พวกเขาจะบุกเข้ามาจากประตูหลัง ผมเดาว่าโชคของเรายังไม่หมดไปเสียทีเดียว ผมต้องคิดแบบนั้น ไม่อย่างนั้นผมคงไปต่อไม่ไหวแน่ๆ
“เอาล่ะ ใจเย็นๆ ตอนนี้คิดแค่เรื่องหนีก็พอ…….”
อย่าคิดเรื่องอื่น ผมสามารถเสียใจได้มากเท่าที่ต้องการในภายหลัง ถ้าผมซึ่งเป็นผู้นำ ล่าช้าในการออกคำสั่ง ผมก็จะลงเอยด้วยการสังเวยพันธมิตรของผมไปมากเท่านั้น
ผมสงบใจลง ขณะที่ผมปรับเปลี่ยนความคิดในหัว เสียงแตรสัญญาณล่าถอยก็ดังก้องไปทั่วสนามรบ
.
.
.
(มุมมองนอร์ซ)
ทันทีที่เสียงแตรสัญญาณดังขึ้น ควันสีดำและสีขาวก็แผ่กระจายไปทั่วบริเวณประตูหน้าหลัก
“พวกปิศาจกำลังล่าถอย! อย่าปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป กดดันเข้าไปเลย!!”
อีกฟากของแม่น้ำ นอร์ซตะโกนเสียงดังเพื่อออกคำสั่ง
ม่านควันที่ห่อหุ้มสนามรบเป็นกลอุบายเพื่อช่วยในการล่าถอยของพวกมัน เป็นความจริงที่เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่ง
“ฟู่ ในที่สุดสมดุลก็ถูกทำลายลงสินะ”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นนะเจ้าคะ ดิฉันคิดว่ามันอาจจะยืดเยื้อได้นานกว่านี้เล็กน้อยเสียอีก”
ซิสเตอร์ซิลเวียที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา ก็เห็นด้วยกับคำพูดของเขาเช่นกัน
แน่นอนว่า หน่วยจู่โจมที่ประกอบด้วยปิศาจชั้นยอดได้ลดจำนวนของพวกเขาลงไปมากทีเดียว และยังคงโจมตีหน่วยอัศวินเกราะหนักอย่างเต็มกำลัง
แม้แต่นอร์ซก็เข้าใจเรื่องนั้น แต่การได้เห็นพวกมันล่าถอยอย่างกะทันหัน เขาก็ไม่ได้รู้สึกสงสัยอะไรมากนัก
“ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดเราก็จะยึดหมู่บ้านอันน่ารำคาญนี้ได้เช่นกัน”
นอร์ซผู้ซึ่งตอนนี้มั่นใจในชัยชนะของตนแล้ว หัวเราะเสียงดังขณะที่พวกครูเสดเดอร์เข้าโจมตีฝ่าม่านควันเข้าไป
.
.
.
(มุมมองอัศวินเพกาซัส)
แสงสว่างเจิดจ้าโจมตีเข้าใส่ดวงตาของเหล่าอัศวินเพกาซัสกลางอากาศ
“……ชิ หนีไปซะแล้ว”
เมื่อเห็นลิลี่ที่หนีไปโดยใช้โอกาสนี้ เอสเตอร์ก็สบถออกมา
“ดูเหมือนนางจะมุ่งหน้าตรงไปยังแบล็กบ็อกซ์เลยนะ”
“มันยังไม่ถึงเวลาที่ ‘ขีดจำกัด’ ของนางจะหมดลงนี่นา—–เข้าใจล่ะ ดูเหมือนว่าการต่อสู้ภาคพื้นดินจะตัดสินผลแล้วสินะ”
เมื่อเห็นควันที่ลอยสูงขึ้นใกล้ประตูหลักและแม่น้ำโรน พวกเธอก็เข้าใจว่าพวกปิศาจได้เริ่มล่าถอยแล้ว
“พวกมันจะหนีไปแบบนี้เลย หรือจะอุดอู้อยู่ในแบล็กบ็อกซ์แล้วสู้ตายกันแน่? เจ้าคิดว่าไง ฟรังค์?”
“ข้าสงสัยว่าพวกมันจะหนีไปโดยตรงนะ แต่ ไม่ว่ากรณีไหน สิ่งที่เราต้องทำก็ยังคงเหมือนเดิม”
“ห้ะ นั่นสินะ งั้น เริ่มการไล่ล่ากันเลย!!”
นำโดยเอสเตอร์ หน่วยอัศวินเพกาซัสเริ่มเคลื่อนพลไปยังกิลด์สีดำของหมู่บ้านเพื่อเข้าโจมตีมัน
.
.
.
(กลับมามุมมองคุโรโนะ)
นำโดยวัลแคน หน่วยจู่โจมได้เตะพวกทหารที่อยู่ใกล้แนวป้องกันกระเด็นไปและล่าถอยมาถึงตรงนั้นแล้ว
ในฐานะกองหลัง ผมกำลังยิง [เมจิกบุลเล็ตอาร์ตส์] ฝ่าม่านควันออกไปเพื่อตรึงกำลังศัตรูไว้
“พอใช้ระเบิดควันทั้งหมดแล้ว มันก็สร้างควันได้เยอะเกินไปจริงๆ แฮะ”
ตอนที่หน่วยจู่โจมล่าถอยในการต่อสู้ครั้งก่อน [แบล็กสโมค] ของผมก็เพียงพอแล้ว แต่ครั้งนี้เราต้องให้ทุกคนถอยไปถึงกิลด์เพื่อหลบหนี
เนื่องจาก [แบล็กสโมค] ไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมพื้นที่โดยรอบทั้งหมด เราจึงต้องใช้ไอเทมขึ้นชื่อสำหรับใช้หนีที่เรียกว่า [ระเบิดควัน] จำนวนมาก
ควันทั้งสองสี ดำและขาว ทำหน้าที่เป็นม่านบังตาอยู่เบื้องหน้าผม
“…….การเตรียมกำแพง ยังไม่เสร็จสินะ?”
ขณะบดขยี้ทหารที่วิ่งฝ่าควันเข้ามาพร้อมหอกด้วยกระสุนของผม ผมก็เคลื่อนที่เข้าใกล้ประตูอย่างมั่นคง
เนื่องจากฟิโอน่ายังคงนอนอยู่บนเตียง เหล่าจอมเวทคนอื่นๆ จึงถูกส่งมาเพื่อสร้าง ‘กำแพง’ เพื่อหยุดยั้งศัตรูในครั้งนี้
ขณะที่ผมกำลังคิดว่าการเตรียมการน่าจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว พลังเวทก็แล่นผ่านใต้เท้าผม บ่งชี้ว่าเวทมนตร์กำลังจะถูกใช้งาน!
“ถอยไป! อย่าโดนกำแพงกลืนเข้าไปล่ะ!!”
ขณะที่ผมกระโดดถอยหลังครั้งใหญ่จากจุดนั้น เหล่าจอมเวทก็ใช้งานเวทป้องกันวงกว้างของพวกเขา!
มันปรากฏเป็นกำแพงที่สร้างจากไฟ น้ำแข็ง และดิน และหยุดยั้งศัตรูที่กำลังบุกเข้ามาในเส้นทางของพวกเขา!
เบื้องหน้าผมคือ [เดธวอลล์ ดีฟาน] สีดำสนิทที่ผมไม่ได้เห็นตั้งแต่ตอนที่เราสู้กับหน่วยสอดแนมพวกนั้น!
ผมควรจะเรียนรู้วิธีสร้างโล่ระดับนี้เป็นอย่างน้อยบ้างนะ ขณะที่กำแพงประเภทต่างๆ หยุดยั้งศัตรูไว้ ผมก็กลิ้งตัวผ่านประตูหลักที่เปิดอยู่เข้าไป
“กลับมาได้เยี่ยมมาก หัวหน้า!” (มอส)
“ก็กลับมาได้ยังไงล่ะน่า” (คุโรโนะ)
มอสเดินเข้ามาหาผมขณะถือไม้เท้าที่มีดีไซน์น่าขนลุกเป็นรูปหัวกะโหลกอยู่
“เอาล่ะ พวกเราเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้วสินะ” (คุโรโนะ)
“ใช่ครับ ทุกคนรีบเข้าไปในกิลด์กันหมดแล้ว” (มอส)
สมกับเป็นนักผจญภัยจริงๆ ฝีเท้าเร็วกันขนาดนี้ ดูเหมือนพวกเขาจะเก่งเรื่องการล่าถอยอย่างรวดเร็วด้วยสินะ
“พวกเราก็ควรรีบเหมือนกัน โล่นั่นเริ่มจะพังแล้ว” (คุโรโนะ)
“นั่นสินะครับ” (มอส)
ขณะเหลือบมองเป็นครั้งสุดท้ายที่ง้าวฮัลเบิร์ดเล่มหนึ่งแทงทะลุ [เดธวอลล์ ดีฟาน] เข้ามา ผมก็กระโดดเข้าไปในทางเข้าของกิลด์
Translater : Eidolonwww.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION