บทที่ 113 – ค่ำคืนวันที่ 2 แห่งเดือนฮัตสึฮิ
ดูเหมือนว่าพวกครูเสดเดอร์จะล่าถอยไปโดยสมบูรณ์แล้ว กองทัพใหญ่สีขาวที่เคยโจมตีเข้ามา บัดนี้มองไม่เห็นอีกต่อไป
อาจจะมีเพียงกลุ่มเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามเพื่อสังเกตการณ์พวกเรา
กองกำลังหลักน่าจะถอยกลับไปยังหมู่บ้านวาโต้แล้ว
“ก็ยังอุตส่าห์… ยันเอาไว้ได้สินะ วันนี้ทั้งวัน”
ผมพึมพำกับตัวเองแล้วหลับตาลง
อันที่จริงผมไม่อยากจะมานอนในห้องของกิลด์เลย แต่มอสคะยั้นคะยอ บอกว่า ‘การพักผ่อนก็เป็นส่วนสำคัญของงานเหมือนกัน’
ในการหยุดยั้งการบุกของทหารศัตรู กำลังยิงหลักอย่าง [เมจิกบุลเล็ตอาร์ตส์] ของผม และปืนกล ไม่ควรจะอยู่ห่างจากประตู ในอนาคตอันใกล้ ไม่ผมก็มอสคนใดคนหนึ่งจะต้องยืนเฝ้าใกล้ประตูในฐานะยาม
ระบบเฝ้ายามแบบนี้เป็นเรื่องยากสำหรับมนุษย์ธรรมดาที่จะทำได้ แต่ร่างกายผมแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ธรรมดามาก และมอสเองก็ใกล้เคียงกับสัตว์อสูร พวกเราทั้งคู่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยไม่พักผ่อนเป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
แต่เหมือนกับมนุษย์ปกติ เผ่าพันธุ์อื่นๆ ส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถทำงานโดยไม่พักผ่อนได้เช่นกัน หากพวกเขาไม่พักผ่อนเลย มันก็จะยิ่งสะสมความเหนื่อยล้า และส่งผลให้ศักยภาพการรบลดลง
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่คนที่อยู่ที่นี่คือนักผจญภัย มันคงไม่มีปัญหาหากทุกคนผลัดกันพักผ่อน พวกเขาดีใจเสียอีกที่จะได้พักผ่อนบนเตียงในกิลด์ แทนที่จะต้องนอนกลางดินกินกลางทรายซึ่งเป็นเรื่องปกติระหว่างทำเควสต์
แน่นอนว่า จำนวนเตียงมีไม่เพียงพอ และกว่าครึ่งต้องนอนบนพื้น
“แต่ว่า เมื่อผู้บาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้น มันก็คงไม่เหมือนเดิม……”
จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดในวันนี้มีเพียง 2 คน พวกเขาตายเพราะโดนหอกแทงตอนที่ศัตรูเข้ามาประชิดกำแพงป้องกัน
เมื่อดูจากผลลัพธ์ การที่คนเพียงกลุ่มร้อยกว่าคนหยุดกองทัพขนาดใหญ่ไว้ได้ด้วยอัตราการสูญเสียที่ต่ำมาก จากมุมมองของความคืบหน้าตามแผนแล้ว มันดีอย่างเหลือเชื่อ
ถึงจะเป็นแบบนี้ แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะทำลายแนวป้องกันลงได้
เมื่อนักผจญภัยตาย มันคือความรับผิดชอบของพวกเขาเอง แต่หากพวกเขาตายภายใต้คำสั่งของผม ระดับของความรับผิดชอบมันแตกต่างกัน
เพียงแค่ตัดสินใจพลาดครั้งเดียว คนอื่นๆ ก็อาจตายได้อย่างง่ายดาย นั่นเป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นอย่างเหลือเชื่อ ผมตระหนักถึงเรื่องนี้อีกครั้งหลังจากได้ยินรายงานผู้เสียชีวิต
“—เรื่องกลุ้มใจน่ะเอาไว้ทีหลังได้เสมอ ผมตั้งปณิธานแล้ว ทั้งผมและทุกคน จะยอมสละทุกอย่างเพื่อซื้อเวลาให้การอพยพเสร็จสิ้นให้ได้”
ตอนนี้ไม่มีเวลามากังวลเรื่องอื่น หรือคิด หรือแม้แต่ตกใจกับมัน
สิ่งที่ผมต้องคิดในตอนนี้มีเพียงเรื่องกลยุทธ์สำหรับแผนเท่านั้น ศัตรูจะเคลื่อนไหวอย่างไร โจมตีแบบไหน และเราจะฉวยโอกาสจากการกระทำของพวกเขาได้อย่างไร
มีเรื่องให้ต้องคิดมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลที่ผมได้รับในวันนี้มีค่ามาก ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือการปะทะซึ่งหน้าครั้งแรกกับพวกครูเสดเดอร์ ตอนนี้ผมรู้จำนวนคนฝ่ายนั้นและวิธีที่พวกเขาต่อสู้แล้ว
“ถ้าดูจากผลลัพธ์อย่างเดียว มันยอดเยี่ยมมาก อยู่ในระดับชัยชนะท่วมท้นเลยทีเดียว ฝ่ายเรามีผู้เสียชีวิต 2 คน แต่ก็ไม่แปลกเลยหากฝ่ายนั้นจะมีผู้เสียชีวิตเกิน 1,000 คน”
มีเวทมนตร์รักษาอยู่ ดังนั้นผู้บาดเจ็บจำนวนมากจะฟื้นตัวเต็มที่และพร้อมที่จะเผชิญหน้าในวันพรุ่งนี้ แต่คนที่ตายไปแล้วก็มีจำนวนมากเช่นกัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราสามารถลดกำลังทหารของครูเสดเดอร์ลงได้อย่างทวีคูณ
อย่างไรก็ตาม ผมรู้ว่ามันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้กองทัพล่มสลายได้ แม้จะรวมผู้บาดเจ็บล้มตายและบาดเจ็บแล้ว ก็ยังไม่ถึงหนึ่งในสามของกำลังทั้งหมดของพวกเขาด้วยซ้ำ
แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไม่มีอะไรผิดพลาดตั้งแต่กับดักระเบิดสะพานไปจนถึงการควบคุมกระแสการต่อสู้ ไม่สิ ต้องเรียกว่ามันราบรื่นเกินไปด้วยซ้ำ
การต่อสู้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อมองในระยะยาว เราจะต้องล่าถอยในอนาคตอันใกล้ และศัตรูคงไม่ยอมปล่อยให้เราทำเช่นนั้นแน่
หากผู้บัญชาการของศัตรูมีศักดิ์ศรีมาก ตอนนี้ใบหน้าของเขาคงแดงก่ำด้วยความโกรธ ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่สามารถยึดหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ได้หลังจากระดมทหารมาจำนวนมาก
หากเราสมมติเช่นนั้น ก็ไม่แปลกเลยหากเขาจะโจมตีโดยไม่คำนึงถึงความสูญเสีย
มันเรียบง่าย แต่มีอัตราสำเร็จ 100% หากเขาก้าวไปข้างหน้ามากกว่ากลยุทธ์ของผม อัลซัสก็จะตกอยู่ในมือของศัตรู
“ดูเหมือนปัญหาคอขวดของการยิงสกัดต่อเนื่องก็คือเรื่องเวลาจำกัดสินะ แต่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว จะหยุดพวกเขาได้อย่างไรในช่วงเวลาคูลดาวน์… สุดท้าย มันก็ต้องมาลงเอยที่การใช้กำลังบดขยี้สินะ”
ทางแก้มีเพียงพวกเราทุกคนทุ่มสุดตัวเพื่อหยุดพวกเขา ผมนึกแผนการที่จะพลิกสถานการณ์กับพวกเขาในเวลาอันสั้นนี้ไม่ออกเลย
ไม่สิ อันที่จริงแล้ว พระเจ้าประทานโชคให้เราต่างหากที่เราสามารถยิงสกัดต่อเนื่องได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ
พวกครูเสดเดอร์แข็งแกร่งมากอยู่แล้ว หากพวกเขาบุกเข้ามาโดยไม่สนใจกระสุนที่ยิงจากปืนกล แผนของเราก็คงพังไปแล้ว
แม้ว่ากำแพงป้องกันจะพันไว้ด้วยลวดหนาม แต่มันก็จะพังทลายลงเมื่อเจอกับพวกเขาในที่สุด เป็นเพราะผมมีระบบยิงสกัดเท่านั้น ผมถึงกล้าพูดว่ามันเป็นไปได้ที่จะป้องกันหมู่บ้านอัลซัสไว้เป็นเวลา 1 สัปดาห์
และในวันนี้ พลังของปืนกลก็ได้ถูกสาธิตให้เห็นแล้ว ที่เหลือก็เป็นปัญหาในขอบเขตที่พวกเราต้องใช้ความพยายามและใจสู้เข้าว่าเพื่อจัดการมันให้ได้ อย่างน้อยการที่พอจะสู้ได้อย่างสูสีก็ถือว่าสถานการณ์ยังไม่เลวร้ายนัก
“และการที่ลิลี่สามารถหยุดอัศวินเพกาซัสทั้งหน่วยได้เพียงลำพัง… นี่คือสิ่งที่โชคดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับเรา”
ผมรู้ว่าลิลี่แข็งแกร่ง แต่ผมไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะสามารถหยุดกองพันอัศวินเพกาซัสทั้งหน่วยได้ด้วยตัวคนเดียว
และงานจัดการกับอัศวินเพกาซัสที่หนีรอดจากลิลี่ไปได้ ก็เป็นหน้าที่ของไซม่อนและเหล่านักธนูที่ประจำการอยู่ในกิลด์
ตามความเป็นจริงแล้ว ผมคาดการณ์ว่าฝ่ายเราจะมีความสูญเสียอย่างหนักในช่วงเวลานั้น
การต่อสู้ซึ่งหน้ากับกลุ่มทหารชั้นยอดที่สวมใส่อุปกรณ์ชั้นหนึ่งและโจมตีจากกลางอากาศ มันคงไม่จบลงแค่รอยขีดข่วนสำหรับพวกเราแน่
แต่เมื่อดูจากรายงานแล้ว จำนวนผู้เสียชีวิตในกิลด์เป็น 0 อัศวินเพกาซัสไม่ได้เข้ามาใกล้พวกเขาเลยตั้งแต่แรก เพราะลิลี่หยุดพวกเขาทั้งหมดไว้ได้ด้วยตัวคนเดียวนั่นเอง
และในช่วงเวลาที่ลิลี่กำลังต่อสู้ กองกำลังภาคพื้นดินก็เริ่มล่าถอย และอัศวินเพกาซัสก็ล่าถอยตามไปด้วย
แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง แต่มันก็ยากที่จะยอมรับความจริงข้อนี้จริงๆ ผมไม่เคยคิดเลยว่าลิลี่ในร่างที่แท้จริงจะแข็งแกร่งขนาดนี้ อันที่จริง วันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นเธอต่อสู้ในร่างที่แท้จริง
จะพูดยังไงดีล่ะ แต่บางทีร่างที่แท้จริงของเธออาจจะเป็นมังกรมากกว่าแฟรี่ก็ได้ ไม่สิ จริงๆ แล้ว ถ้าว่ากันตามพลัง ลิลี่น่าจะเป็นผู้นำมากกว่าผมไม่ใช่เหรอ……
“แต่แม้แต่ลิลี่ก็มีขีดจำกัดของเธอ ครั้งต่อไปที่อัศวินเพกาซัสโจมตี พวกเขาจะเข้ามาใกล้กิลด์แน่”
หลังจากที่ศัตรูล่าถอยไป ลิลี่ก็มาหาผมและกล่าวคำขอโทษ
“ขอโทษนะคุโรโนะ ฉันคนเดียวไม่สามารถทำลายล้างกองพันอัศวินเพกาซัสทั้งหน่วยได้ ฉันทำได้แค่เอาชนะพวกมันบางส่วนด้วยร่างนี้ก่อนที่จะถึงขีดจำกัดเวลา วันนี้ฉันใช้พลังคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์เพิ่มเวลาต่อสู้แล้ว แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ได้ผลเสมอไป ครั้งต่อไป ฉันสงสัยว่าฉันจะสามารถหยุดพวกเขาทั้งหมดได้รึเปล่า”
พูดจบ ลิลี่ก็เปลี่ยนกลับเป็นร่างเด็กหญิงตัวเล็ก และอาจเป็นเพราะเธอใช้พลังมากเกินไป เธอจึงผล็อยหลับไปกะทันหัน
ผมรีบพาเธอไปที่กิลด์และวางเธอลงบนเตียง เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ตอนนี้เธอกำลังฟื้นฟูพลังกายอยู่
“ถอนหายใจ อย่าหักโหมตัวเองนักสิ ลิลี่”
แม้ว่าผมจะแสร้งทำเป็นใจเย็น แต่ความจริงแล้วหัวใจผมเจ็บปวดราวกับนรกตอนที่ต้องปล่อยให้ลิลี่ต่อสู้เพียงลำพังกับเหล่าอัศวินเพกาซัส
หรือว่า ลิลี่ตั้งใจจะทำลายล้างพวกนั้นจริงๆ กัน? ผมจำได้ว่าบอกแค่ให้หยุดยั้งพวกมันก็พอแล้วนี่……
“ไม่ดีเลย ไม่ควรจะใส่ใจแต่เฉพาะคนที่อยู่ใกล้ตัวมากเกินไปในตอนนี้……แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี”
ในตอนนี้ ถึงแม้อัศวินเพกาซัสจะปรากฏตัวขึ้นมาอีก ถ้ามีลิลี่อยู่ เราก็สามารถหยุดพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์เป็นเวลาอย่างมากที่สุด 30 นาที
วันนี้เธอเอาชนะไปได้ 7 คน และคนอื่นๆ ก็ได้รับบาดเจ็บหนักบ้างเบาบ้าง ครั้งต่อไปก็คงจะอยู่ในระดับเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เราจะสามารถลดศักยภาพการรบของอัศวินเพกาซัสได้ต้องขอบคุณลิลี่ เราอาจจะต้องเสียสละบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายล้างพวกเขาเช่นกัน
“ถ้าเราสามารถหยุดอัศวินเพกาซัสได้ ปัญหาที่เหลือก็คือกองกำลังภาคพื้นดิน”
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพยายามทำให้สำเร็จให้ได้ โดยไม่มีความหวังว่าจะได้รับกำลังเสริม หรือไม่มีแผนการที่จะพลิกสถานการณ์กับพวกเขาเลย
ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปได้ที่จะสังหารทหารจำนวนมากต้องขอบคุณการซุ่มยิงจากประตูหน้ากิลด์และการยิงคุ้มกันจากภายในกิลด์
จำนวนของพวกเขามีมาก ดังนั้นการยิงธนูติดสายฟ้าใส่พวกเขาก็เป็นแผนที่ดี
แม้ว่าลูกธนูจะไม่โดน พวกเขาก็จะโดนไฟฟ้าช็อตเนื่องจากน้ำ ผมเห็นทหารที่โดนช็อตจมน้ำจากตรงประตูได้เลย จากบนดาดฟ้ากิลด์คงเห็นได้ชัดเจนกว่านี้อีก
“วันนี้ไซม่อนก็ทำงานหนักเหมือนกัน”
ไซม่อน ลดจำนวนจอมเวทที่ถูกส่งมาประจำการที่ฝั่งตรงข้ามลงไปได้มาก
เธอรับคำแนะนำจากผมเพียงเล็กน้อยและสร้างสไนเปอร์ไรเฟิลขึ้นมา เธอเป็นเด็กสาวที่น่ากลัวจริงๆ ด้วยความแม่นยำในการซุ่มยิงที่ไม่มีใครเทียบได้
คู่หูของไซม่อนและคุณซูซูให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าที่ผมคาดไว้
ในช่วงเวลาเตรียมการ การได้เห็นพวกเขาฝึกซุ่มยิงทำให้รู้สึกว่าเป็นคู่หูที่ดีจริงๆ ไม่มีทางเลือกที่ผิดเลยในการเลือกคุณซูซูมาเป็นผู้ชี้เป้า
ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ในช่วงเวลาที่ผมกำลังต่อสู้อยู่ หัวของศัตรูรอบตัวผมก็ระเบิดกระจุยไปหลายคน มันต้องเป็นฝีมือของสองคนนั้นแน่ๆ
ผมยังพอเข้าใจเรื่องไซม่อนได้ แต่สไตล์การต่อสู้ของคุณซูซูที่ตัดหัวศัตรูขณะซ่อนตัวตนนั้นน่ากลัวกว่า ตามที่วัลแคนบอก มันคือพลังแห่งพลังคุ้มครองศักดิ์สิทธิ์ของเธอ…… นักผจญภัยแรงค์ 4 นี่สุดยอดจริงๆ
“พวกนักผจญภัยแข็งแกร่งกว่าที่ผมคิดไว้มาก เราสามารถปกป้องหมู่บ้านในวันนี้ได้เพราะทุกคนต่อสู้อย่างสุดกำลัง”
ผมไม่มีคำพูดใดจะขอบคุณพวกเขา แต่การคิดว่าเลือดของพวกเขาจะต้องไหลนองในสนามรบจากนี้ไป ผมก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงความวิตกกังวลอันมืดมนในใจ
คนต่อไปที่จะตายอาจจะเป็นผม หรือคนใกล้ตัวผมก็ได้
ความจริงที่สูญเสียทุกคนในหมู่บ้านไอร์ซไปให้ความรู้สึกเหมือนเป็นอดีตอันไกลโพ้นแล้ว แต่ความโกรธ ความเศร้า และความรู้สึกสูญเสียอันมิอาจบรรยายได้ในตอนนั้น ยังคงคุกรุ่นอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจ
ผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ไม่สิ บางทีผมแค่อยากจะวิ่งหนีไปจากทุกสิ่งโดยการลืมทุกคนและทุกสิ่งเกี่ยวกับที่นี่ไปเสีย
“……ไม่ดีเลย อย่าคิดแบบนั้นสิตัวเรา ตอนนี้ผมมีความรับผิดชอบต่อชีวิตของคนอื่นอยู่ในมือแล้ว”
ใช่แล้ว ตอนนี้ไม่มีที่ให้หนีอีกแล้ว การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วจริงๆ
Translater : Eidolonwww.nekopost.net/editor/78229
MANGA DISCUSSION