ตอนที่ 9 จุดแดงฉาน
ทุกช่วงเวลาอันโหดร้ายจากอดีตตลอดชีวิตกำลังวงเวียนอยู่รอบตัวฉัน
“อื้อออ… คุณนักสืบ… ฉันไม่ถูกกับเรื่องแบบนี้เลย…”
เอสราหลบอยู่ด้านหลังฉัน พูดด้วยเสียงแผ่วเบา
“ฉันว่าเธอคงช่วยอะไรเราไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเราลองหาทางออกกันไหมคะ คุณนักสืบ?”
“อื้กกกกกกก!”
ในเวลาอย่างนี้เธอยังมีอารมณ์มาแซะเอสราอีก เธอจะขยันอะไรขนาดนั้น
“มีแว่นมองกลางคืนหรืออะไรคล้ายกันไหม”
“อ๋อ มีค่ะ! มีอยู่สองสามอันในกระเป๋ามิติของฉัน!”
“พวกนั้นฉันเป็นคนสร้างเองค่ะ”
“แต่ฉันเป็นคนวางแผนให้พวกมันมีความสามารถแบบนั้น!”
“ฉันจะชมพวกเธอสองคนเลย ดังนั้นส่งไอ้แว่นบ้านั่นให้ฉันซะที”
เอสราค้นกระเป๋ามิติของเธอและหยิบแว่นออกมาสามอันส่งให้พวกเรา ขาแว่นประดับด้วยริบบิ้นตามสไตล์ทั่วไปของเวิร์กช็อปทางภาคเหนือ… มันจำเป็นด้วยเหรอที่ต้องประดับประดาของด้วยกุ๊กกิ๊กอย่างนี้ เมื่อสวมแว่น ฉันมองเห็นในห้องได้อย่างชัดเจนราวกับมีแสงจากดวงอาทิตย์ แม้ว่าหลอดไฟบนเพดานจะกระพริบอย่างบ้าคลั่ง แต่แว่นก็จะปรับความสว่างให้คงที่โดยอัตโนมัติ ทำให้การมองเห็นเสถียร น่าประทับใจมาก ถ้าเป็นก่อนหน้าฉันกับเอสราคงต้องพึ่งไฟแช็กเพื่อจะมองเห็นแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่กี่ก้าว การมีปรมาจารย์มาทำงานในสำนักงานของเราสะดวกมากจริง ๆ
“คุณนักสืบ ถ้าพวกนั่นกระโดดใส่เรา จะทำอย่างไรดี”
เอสราถามด้วยความกังวล
“ฉันก็กำลังคิดเรื่องนั้นอยู่พอดี”
เมื่อมองไปรอบ ๆ ฉันนับได้ว่ามีพนักงานทั้งหมด 108 คน พวกเขากระพริบตาและพึมพำพร้อมกัน นี่มันหมายความว่าอย่างไร? เพื่อจุดประสงค์อะใร? บางทีอาจเพราะ…
“…ดูเหมือนจิตใจของคนเหล่านี้จะเชื่อมโยงกัน”
“คุณนักสืบ! ตรงนั้น…!”
เอสราชี้ไปที่กองเนื้อบดซึ่งตั้งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องนอน จริง ๆ แล้วมีพวกมันอีกหลายกองรอบห้อง ฉันเห็นพวกมันอย่างต่ำแปดกอง ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นในเวลาต่างกัน เราเดินไปที่กองเนื้อที่ดูเหมือนจะเป็นกองล่าสุด
เป็นศพอย่างที่ฉันคาดไว้… ศพที่ถูกบดละเอียดอย่างโหดร้าย มีบางอย่างในห้องนี้ทุบพวกเขา
“พวกเขาถูกเหวี่ยงด้วยแรงมหาศาล จากสภาพของเลือดอย่างน้อยก็นานมาแล้วสามสิบสามชั่วโมงค่ะ ร่างกายก็เหมือนได้รับความเสียหายจากภายนอกอย่างหนัก”
ยูเรียพูดขณะที่เธอกำลังสังเกตกองเนื้อด้วยแว่นขยาย
“…คาโอรุ”
ดาบเล่มนี้เป็นของคาโอรุ นั่นหมายความว่าคู่ต่อสู้ของเรามีพละกำลังมากพอที่จะทุบฟิกเซอร์เกรด 4 จนแหลกเป็นชิ้น ก้อนเนื้อที่เหลือในบริเวณนี้น่าจะเป็นฟิกเซอร์คนอื่นจากสำนักงานอาเมะ แต่ที่เราเห็นอยู่นี้ไม่มีสิ่งใดที่เหมือนจะเป็นตัวการเลย ในที่แห่งนี้มีเพียงพนักงานของบริษัทที่หลับในชุดสูท 108 คนและพวกเราสามคน
“คุณนักสืบ! พนักงานพวกนั้นดูเป็นยังไงบ้างในสายตาคุณ”
เอสราถาม
“ก็ตามปกติ… พวกเขามีรูปแบบการบิดเบือนที่แตกต่างกัน…”
ไม่ มีบางอย่างที่แตกต่างออกไป พนักงานมีการบิดเเบือนเป็นของตัวเอง ไม่มีลักษณะใด ๆ ร่วมกัน เหมือนที่เห็นตามท้องถนน อย่างไรก็ตาม การบิดเบือนของพวกเขาก็เริ่มหายไป คนที่ใบหน้าหายได้ใบหน้าคืนมา คนที่แขนขวาถูกไฟไหม้ฟื้นสภาพกลับมา ทรงกระบอกบางอย่างหลุดออกจากร่างกายของอีกคนทีละชิ้น การบิดเบือนทั้งหมดกำลังรวมกันที่จุดเดียว
ฉันมองไปจุดที่การบิดเบือนทั้งหมดมาบรรจบกัน
ควันพวยพุ่งออกมาจากสิ่งที่ดูเหมือนเป็นแท่นบูชา
การพึมพำของพวกเขาคงเป็นรหัสหรือพิธีเพื่อเรียกบางสิ่งออกมา ควันค่อย ๆ ควบร่วมเป็นรูปร่างบางอย่าง เราควรฆ่าพนักงานที่หลับอยู่ทั้งหมดเลยไหม เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรจะเกิดขึ้นจากควันนั้น มันเป็นเรื่องยากที่เราจะตัดสินในสิ่งที่เราไม่รู้ เจ้าสิ่งนี้ฉันไม่รู้สึกดีเลย มันอาจเป็นปรากฏการณ์ที่ดีสำหรับเรา มันอาจเป็นโอกาส แต่มันก็อาจเป็นสิ่งที่จะฆ่าเราทุกคน ฉันไม่อาจตัดสินใจได้แน่ชัดในสิ่งที่ฉันเจอเป็นครั้งแรก ฉันควรฆ่าคนทั้งหนึ่งร้อยแปดคนตามการตัดสินใจของฉันที่มาจากความเป็นไปได้ที่คลุมเครือหรือไม่ ชีวิตของเอสราและยูเรียขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฉัน ความคิดมากมายถาโถม เอสราและยูเรียกำลังพูดบางอย่างกับฉัน บ้าเอ้ย ฉันรู้ ฉันต้องหาทางออกให้เจอ ถ้าฉันใช้ลมหายใจสีขาว ฉันจะควบคุมคนมากถึงหนึ่งร้อยกว่าคนในคราวเดียวได้ไหม ฉันยังไม่เคยลองใช้ในระดับนี้ แต่สุดท้ายในกรณีที่เลวร้ายที่สุด จะเป็นแค่ฉันที่พังทลายในตัวเอง ใช่ นี้คือทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุดที่ฉันมี เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฉันลืมตาขึ้น
พื้นใต้พนักงานแต่ละคนเปิดออกและเก็บพวกเขาไว้ในพื้นที่ด้านล่าง ราวกับพวกเขาจะถูกใช้เป็นแบตเตอรี่
…มันสายไปแล้ว
เหลือเพียงพวกเราสามคนที่คงอยู่ในพื้นที่ 100 พยอง¹
และเราสังเกตเห็นบางสิ่งยืนอยู่ตรงหน้าเรา
ร่างกายสูงอย่างน้อย 3 เมตร แขนหกข้าง กล้ามเนื้อใหญ่แน่นเหมือนจะระเบิด ส่วนหัวเป็นกะโหลก เปลวไฟสีฟ้าพุ่งออกมาจากปากที่อ้ากว้าง ดวงตาสีแดงจ้องมาที่ฉัน เมื่อรูปร่างเสร็จสมบูรณ์ เจ้าสิ่งนั้นอยู่ในท่าทางที่แปลกประหลาด
มันไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน
ความกลัวครอบงำเราตามสัญชาตญาณ ยูเรียจับแขนเสื้อฉันแน่น ดวงตาของเอสราเปลี่ยนไป
“เอสรา… สิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้มันแตกต่างจากอะไรสิ่งที่เราเคยเจอมาก่อนอย่างสิ้นเชิง”
“ค่ะ คุณนักสืบ!”
เอสราวางกระเป๋ามิติของเธอลงบนพื้น
“ยูเรีย มองหัวใจฉันได้ตามต้องการ”
“แน่นอนค่ะ ฉันทำแน่นอน~”
ฉันคาบไปป์ไว้ในปาก
หลับตาลงแล้วหายใจเข้าลึก ๆ
…การบิดเบือนนี้มีกลิ่นอายเดียวกับ ‘นักเปียโน’
การบิดเบือนที่มุ่งหวังการฆ่าผู้คน…
ความประมาทเพียงชั่วขณะหมายถึงความตาย
แต่ฉันกลับเริ่มรู้สึกตื่นเต้น
…นิสัยเก่า ๆ คงจะเลิกได้ยาก
“รูปแบบจู่โจมสุดขีด มาร์ก 3!”
กระเป๋ามิติของเอสราเปล่งแสงสีส้มเมื่อเธอตะโกนออกมา เอ็กโซสเกเลตันหลายประเภทติดตั้งทั่วร่างกายของเธอ ร่างกายที่ใหญ่อยู่แล้วก็ใหญ่ขึ้นอีก ขนาดของเธอในตอนนี้เทียบได้กับสัตว์ประหลาดที่เรากำลังเผชิญอยู่ ฉันสังเกตเห็นว่าเอ็กโซสเกเลตันที่เธอสวมอยู่ดูไม่เหมือนชุดที่ฉันเคยเห็นก่อนหน้า ชุดนี้ต้องเป็นผลงานของยูเรียแน่ และดูเหมือนว่าเอสราจะหาเวลามาติดสติกเกอร์บนชุดเหมือนที่เธอทำกับของสิ่งอื่น ๆ ของเธอ
“นี่เธอไปเอาสติกเกอร์งี่เง่าแบบนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่!”
ยูเรียอารมณ์เสียอย่างที่คาดไว้
“…ถ้าเหมือนเราจะไปไม่รอด อย่าหันหลังกลับและวิ่งไปให้ไกล ฉันมั่นใจว่าเธอซ่อมลิฟต์นั่นได้แน่ ฉันจะถ่วงเวลาให้เอง”
เอสราพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ
“ห่ะ… เธอเป็นอะไรไป!”
ยูเรียเสียความสุขุมตามปกติ
เฮ้อ… ฉันเอามือแตะหน้าผากตัวเอง
“หยุดคิดในแง่ลบไปซะ เราทุกคนจะรอดกลับไปทุกคน”
ตู้ม!
เสียงถีบพื้นดังสนั่น ยักษ์นั้นพุ่งตัวมาหาฉัน หัวกะโหลกของมันโผล่มาตรงหน้าฉันในพริบตา แขนข้างหนึ่งของมันยกขึ้นเพื่อจะต่อย ถ้าฉันโดนหมัดนี้เข้าไปคงระเบิดเละแน่ ฉันยืนนิ่งและหลับตาลง
ปัง!
เอสราเข้ามาแทรกทันทีเมื่อมันโผล่มาหน้าฉัน เจ้ากระดูกยักษ์นั้นก็ถูกซัดกระเด็นไปไกล
“ฉันไม่ยอมให้คุณแตะต้องคุณนักสืบแม้แต่ปลายนิ้ว!”
ฟิ้ว
เจ้ายักษ์นั่นหลุดจากำแพง แล้วกระโดดพุ่งชกใส่เอสรา
ปั-ง!
เอสราตั้งแขนขึ้นแล้วใช้โล่เสริมแกร่งป้องกันการโจมตี ด้วยแรงกระแทกรุนแรงปลิวมาตามอากาศทำให้ผมและเสื้อคลุมของฉันพัดไปตาม
เจ้ายักษ์กระดูกตัวนี้เป็นตัวตนทางกายภาพ การโจมตีทางจิตใจคงไม่มีผลกับมันมาก ฉันอาจสามารถช่วยเอสราได้โดยการจำกัดการเคลื่อนไหวของมัน แต่ถึงฉันจะทำได้ เธอจะสามารจัดการสัตว์ประหลาดตัวนั้นให้จบได้หรือไม่ เรื่องนั้นฉันก็ไม่แน่ใจ
“เอสรา! ปกป้องฉันด้วยพลังทั้งหมดของเธอ”
“ค่ะ หัวหน้า!”
เอสราตอบเสียงฟังชัด
ฉันสูดลมหายใจสีแดง
“สว่านหมุนสไตล์ยูเรีย”
ตรงแขนขวาของเอสรามีสว่างสามอันพุ่งออกมาจากชุด แทงเข้าไปที่ร่างกายยักษ์กระดูกนั้น ผิวของมันมีความแข็งมากยากที่จะเจาะจนเกิดสะเก็ดไฟกระจายไปทั่ว ยักษ์นั้นใช้แขนสองข้างจับแขนขวาของเอสราแล้วดันออกไป ในขณะที่อีกสี่ข้างกำลังง้างมือ เอสราใช้แขนซ้ายกระหน่ำต่อยที่ลำตัวของมัน
ตู้มมมม
หมัดตรงทั้งสี่ต่อยเข้าที่เอสรา แรงหมัดอันทรงพลังส่งเอสราข้ามห้องไปติดกำแพง
ฉันสูดลมหายใจสีแดง
“ยัยเซ่อ! ใช้ขวานสิ!”
ยูเรียตะโกนอย่างรีบร้อน
“ขวานสไตล์ยูเรีย”
เอสราดึงด้ามไม้ยาวออกมาจากหลัง และมันก็กลายเป็นขวานศึกสองมือขนาดใหญ่ในทันใด
“ฉันไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าจะมีโอกาสได้ใช้เจ้าขวานใหญ่โง่นั่น”
ยูเรียพึมพำ
ฉันสูดลมหายใจสีแดง
เอสราพุ่งเข้าใส่ยักษ์พร้อมขวานในมือ
ส่วนยักษ์นั้นก็ง้างแขนและเข้าชนกับเอสรา
ฉั-บ
แขนสามข้างของยักษ์ลอยขึ้นไปในอากาศ ด้วยขวานฟันตัดขาด
“นั้นเป็นขวานที่เหล่าหมีของฉันในเวิร์กช็อปของฉันลับคมถึงสี่วันเลย มันคมกว่าใบมีดสั่นความถี่สูงอีกใช่ไหมล่ะ?”
“ใช่ตามนั้นเลย!”
ดวงตาของเอสราเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น
ฉันสูดลมหายใจสีแดง
“ระวัง!”
ยูเรียเตือนเอสรา
ซว-วบ
แขนขวาที่ถูกตัดเปลี่ยนเป็นลิ่มแหลมแทงเข้าใส่เอสรา เอสราแกว่งขวานขึ้นแล้วสับแขนที่ติดตัวเธอ ถึงจะยังมีติดอยู่ข้างใน จากนั้นเอสราก็เตะยักษ์ออกไปและเหวี่ยงขวานเข้าลำตัวยักษ์
แคร๊ง
“เอสรา! ใบขวานเสื่อมสภาพแล้ว…!”
“ชิ…”
เอสราโยนขวานทิ้งไป
ฉันสูดลมหายใจสีแดง
เอสรากับยักษ์ปะทะกันอย่างดุเดือด แขนซ้ายทั้งสามข้างกับขาของมันกระหน่ำเตะต่อยเอสราอย่างไร้ปราณี ชุดของเธอเริ่มพังทีละน้อย เลือดไหลพุ่งผ่านลิ่มที่ฝังในร่างของเธอ
“คุณนักสืบโมเสสคะ!”
ยูเรียร้องตะโกนออกมา
ฉันสูดลมหายใจสีแดง
ฉันไม่หยุดสูดลมหายใจ
ฉันหลับตาและจมลงสู่โลกภายในตัวของฉัน
ทุกช่วงเวลาอันโหดร้ายจากอดีตตลอดชีวิตกำลังวงเวียนอยู่รอบตัวฉัน
ความทรงจำของความรุนแรงที่ฉันไม่อยากจดจำ เลือด บาดแผล ซากศพ ความเจ็บปวด สงคราม การฆ่าล้าง
ฉันจดจ่อความทารุณทั้งหมดรวมเป็นจุดเดียว
“พยายามได้ดีมาก เอสรา”
ภายในมือของฉัน ไปป์กลายเป็นทรงกระบอกหยาบสีแดงสด
ฉันหันทรงกระบอกเล็งไปทางเจ้ายักษ์นั้น
“จุดแดงฉาน”
ฉันแทงทรงกระบอกเข้าไปที่ยักษ์
ทรงกระบอกขยายออกเป็นประมาณ 5 เมตร ลบครึ่งตัวบนของเจ้าสิ่งนั้นออกไป
รูที่ทะลุร่างกายขอวยักษ์ เป็นรูที่เกิดจากแรงทางกายภาพ แต่ที่มาของแรงไม่ได้มาจากภายนอกหรือภายใน
สิ่งที่เคยมีอยู่ตรงนั้น มันก็แค่หายไป
ร่างกายของฉันสั่นเทา ดวงตาแดงก่ำ จิตใจของฉันเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นการทำลายล้าง ฉันต้องคงสติเอาไว้
“แค่ก”
ฉันกระอักออกมาเป็นเลือดข้น
มีใครบ้างคนโอบกอดฉันไว้
“ไม่เป็นไรแล้ว คุณนักสืบ… มันจบแล้ว”
เอสรากอดฉัน ร่างกายของเธอชุ่มไปด้วยเลือด
ยูเรียทรุดตัวนั่งข้าง ๆ ในขณะที่ร้องไห้ออกมา
แล้วฉันก็ตั้งตัวตัวฉันได้
“พวกเธอทำได้เยี่ยมมาก”
ฉันลุกขึ้นและปรับเสื้อคลุมของฉัน
“มันได้เวลาที่เราจะไปหาคำตอบแล้ว ว่าไอ้บริษัทบัดซบนี่มันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”
ฉันคาบไปป์ไว้ในปาก
¹พยอง: หน่วยวัดพื้นที่ของเกาหลี; 100 พยองเท่ากับประมาณ 330 ตร.ม.
Chapters
Comments
- ตอนที่ 11 คลื่น 3 วัน ago
- ตอนที่ 10 สิ่งกีดขวาง 3 วัน ago
- ตอนที่ 9.2 [รายงาน] ฮัน ฮีจุน 3 วัน ago
- ตอนที่ 9.1 คลื่น 3 วัน ago
- ตอนที่ 9 จุดแดงฉาน 3 วัน ago
- ตอนที่ 8 บริษัทแทยองโปรดิวซ์ 3 วัน ago
- ตอนที่ 7 ยูเรีย อเทลิเยร์ 3 วัน ago
- ตอนที่ 6.1 [รายงาน] โมเสส(Moses) & เอสรา(Ezra) 3 วัน ago
- ตอนที่ 6 ไปป์ 3 วัน ago
- ตอนที่ 5 การสอบจำลอง 3 วัน ago
- ตอนที่ 4 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ 3 วัน ago
- ตอนที่ 3 ช่างภาพ 3 วัน ago
- ตอนที่ 2 ความขัดแย้งในตัวเอง 3 วัน ago
- ตอนที่ 1 ฉันมองเห็นการบิดเบือน 3 วัน ago
MANGA DISCUSSION