ตอนที่ 2 ความขัดแย้งในตัวเอง
โมเสสกับเอสรา
“เธอยัยโง่…”
ฉันพึมพำเบา ๆ พร้อมกัดฟัน เอสรา(Erza)สร้างเรื่องอีกแล้ว ฉันบอกเธอหลายครั้งแล้วว่าอย่าถามคำถามละเอียดอ่อนกับคนที่จะบิดเบือน แล้วเอสราก็กระซิบกับฉัน
“หื้อออ… คุณนักสืบ! คุณนักสืบ! เราจะทำยังไงกันดี?!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ขอโทษด้วยนะเซฟ พอดีหลานสาวของฉันยังไม่รู้ประสีประสา! โอ้หลานรักของฉัน~ นักสืบนั้นเหรอ? หนูเพ้อฝันอีกแล้วใช่ไหม? หลานตัวน้อยของย่า…”
“…เห่อ พวกลูกค้าบ้าบออีกแล้ว ถ้าทำเรื่องโง่ ๆ ขัดเวลาคนเขาทำงานอีกที ฉันจะเรียกยามมาแน่!”
เซฟโว้ยวายออกมา ถึงจะเรียกว่าเซฟ แต่นี้มันก็แค่ร้านโกโรโกโสเล็ก ๆ ใช้คำว่าเซฟคงไม่เหมาะ
“ค่ะ~ ฉันจะสั่งสอนหลานให้ดี~!”
“เป็นบ้ารึไง อยู่ ๆ ก็พูดเสียงดังว่า ‘โอ้ว้าว~ ร้านโคตรสกปรกเลย แถมอาหารก็ห่วยแตก! ใครเป็นคนสอนคุณทำอาหารเนี่ย?’ ในร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ไม่มีคนเข้าห่ะ?”
“แต่รสชาติมันแย่จริง ๆ นี้น่า…”
“คิดว่าเราเดินทัวร์ชิมอาหารอยู่เหรอ? เธอแค่ต้องกินอย่างช้า ๆ แล้วสังเกตเบาะแสรอบข้าง”
“อาหารพวกนั้นต้องเป็นสาเหตุที่คนหายไปแน่ คนที่กินมันเข้าไปต้องเป็นบ้าแล้วหนีไป”
“หักเงินเดือน”
“อะไรนะ?!”
“25%”
“ไม่น่าาาา คุณนักสืบ! ขอร้องล่ะ!”
ฉันหยิบไปป์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม คดีนี้อาจติดขัดไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ดีขึันเอง ฉันสูบไปป์พลางคิดในแง่ดี ฉันคือฟิกเซอร์(Fixer)ในเขต 14 เป็นฟิกเซอร์เกรด 5 ที่พอมีประสบการณ์ ตอนนี้ฉันทำงานให้เซเว่น(Seven) มันเป็นสมาคมที่เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนข้อมูล การไขคดีที่ยังไม่แก้ไขเป็นวิธีหาเลี้ยงชีพของฉัน ถึงคดีที่ฉันรับส่วนมากจะเกี่ยวกับการบิดเบือน เมืองนี้ก็ยังคงไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการบิดเบือน ฉันแค่เข้าทำงานด้านนี้เร็วกว่าคนอื่น ต้องขอบคุณพรสวรรค์เหมือนคำสาปของฉัน การเห็นการบิดเบือนของผู้คน
“แล้วคุณเห็นเซฟเป็นยังไงบ้าง คุณนักสืบ?”
“ส่วนล่างของร่างกายเป็นงู มือติดกับหาง และดูเหมือนว่าจะมีประมาณเจ็ดหาง”
“เอ่~ แล้วท่อนบนล่ะ เป็นคนอยู่หรอ?”
“ใช่ ฉันเห็นมนุษย์ทั่วไปที่ใส่ชุดเซฟมอมแมม”
“แบบนี้หมายความว่าการบิดเบือนถึงครึ่งนึงแล้วสินะ? แสดงว่าเหลือเวลาซักประมาณหนึ่งสัปดาห์ได้…”
“มันอาจเกิดขึ้นในคืนนี้ เมื่อดูจากสถานการณ์ ปากที่หางมีน้ำลายไหลและกระตุกรุนแรง”
“งั้นเราต้องรับมือกับสัตว์เลื้อยคลานสินะ? ขอคิดก่อน ของจากสติกมาเวิร์กช็อป(Stigma Workshop)ต้องใช่ดีแน่!”
“เธอชอบเลือกแต่ของแพงซะจริง”
หลัง ๆ มานี้การบิดเบือนมีรูปแบบเปลี่ยนไป การกลายร่างเกิดเร็วขึ้น ไม่สิ ถ้าให้ชัดเจน การบิดเบือนก็เกิดขึ้นตอนที่ผู้คนไม่ได้สติ ใช่ ตามที่ฉันพบเจอ คนที่บิดเบือนถึงครึ่งจะกลายร่างเมื่อพวกเขาหลับไป สัตว์ประหลาดลวก ๆ แบบนี้ก็ก่อได้แต่ปัญหาลวก ๆ
สมาคมซไว(Zwei)ส่งคำร้องมาที่สำนักงานของฉัน มีแขกหายตัวไปในห้องของโรมแรมตอนกลางคืน ซึ่งอยู่ในพื้นที่การรักษาความปลอดภัยของสมาคม นอกจากนี้การบันทึกภาพเป็นเรื่องต้องห้ามในตรอกหลัง(Backstreets)ของเขต 14 เพราะอย่างนี้จึงไม่มีวิดีโอตอนเกิดเหตุ โรมแรมมีแค่สองทางเข้า ทางประตูหน้าและประตูหลังตรงห้องครัว แขกที่หายตัวไปไม่ถูกพบเจอว่าออกมาประตูหน้า ทางโรงแรมก็ไม่ได้ถูกบุกรุกโดยซินดิเคทหรืออะไร ก็ต้องเป็นอย่างนั้นเพราะนี้เป็นพื้นที่ที่ซไวดูแล
“คุณนักสืบ คุณนักสืบ มันจะเกิดเรื่องในห้องครัวจริงหรอ?”
“เซฟเป็นคนที่มีการบิดเบือนมากที่สุด เพราะนั้นถึงสมเหตุสมผล”
ตะวันตกดินแล้วกลางคืนก็มาถึง เราแอบเข้าไปในห้องอาหารโรงแรม ‘แฟรี่’ที่ฉันเสียเงินไปเยอะมากลอดเข้ารูกุญแจและเปิดประตูให้เรา บางครั้งซิงกูลาริตี้(Singularity)ก็ดูเหมือนสัตว์ประหลาดมากกว่าสัตว์ประหลาดครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่เกิดจากการบิดเบือน
“โว้~ พวกนั้นจัดปาร์ตี้กันหรือยังไง?”
“เจ้าพวกนั้นกำลังกินอะไรกันอยู่?”
ใต้แสงสีแดง มีก้อนเนื้อไร้หนังนั่งอยู่รอบโต๊ะ กำลังกินบางอย่าง มีแค่สิ่งที่เหมือนถุงหนังวางอยู่บนโต๊ะ พวกมันแต่ละตัวหยิบบางสิ่งออกจากถุงแล้วกินมัน กลิ่นเน่าเหม็นกระทบจมูกของฉัน ทำให้ฉันวูบไปเล็กน้อย
“อย่าหันไป! ไม่ต้องไปมองว่าพวกมันกินอะไร อย่าหายใจ!”
“มันทำฉันแทบจะบ้า คุณนักสืบ… แต่ในถุงนอนนั้นมันดูนอนสบายดีนะ”
“เธอจะถูกกินและกลายเป็นของเหลือถ้าไปนอนในถุงนั้น”
“…..”
จิตใจของเอสราถูกครอบงำแล้ว ฉันตบหน้าอกของเธออย่างเงียบที่สุดเท่าที่ทำได้
“แอ้ก”
เมื่อยืนยันว่าดวงตาที่พร่ามัวของเอสรากลับมาใสเหมือนเดิม ฉันก็เอาผ้าเช็ดหน้าออกมาเพื่อปิดจมูกเอสรา
“ตั้งสติไว้ เราจะไปที่ห้องครัว”
ปล่อยงานเลี้ยงไปก่อน ฉันคลานไปที่ห้องครัว เจอคนต่อแถวยาวหน้าห้อง คนพวกนั้นเป็นคนที่ถูกแจ้งว่าหายตัวไป พวกเขาเข้าไปทีละคน แล้วจากนั้นก็มีก้อนเนื้อรูปร่างมนุษย์เดินออกมา แต่ละตัวถือถุงหนังมานั่งที่โต๊ะแล้วกินสิ่งที่อยู่ในถุง
“อาหารพวกนั้นมันสะกดผู้คนสินะ…”
“คุณนักสืบ พวกมันกินอะไรกันอยู่หรอ?”
“ได้เวลาหาคำตอบแล้ว เตรียมพร้อม ผู้ช่วย”
เอสรานำดาบจากสติกมาเวิร์กช็อปออกมาจากกระเป๋า ส่วนฉันก็หยิบไปป์ออกมาจากเสื้อคลุม ประตูไปห้องครัวเปิดอยู่ คนที่ต่อแถวรับถุงไม่สนใจพวกเรา พวกเขากำลังพึมพำกับตัวเอง เราได้เดินผ่านไปช้า ๆ
“…เรากำลังจะเข้าไป”
ฉันได้ยินเสียงคนกำลังทำอาหารในห้องครัว ฉันแอบมองเข้าไป เห็นเซฟกำลังใช้มือที่ติดกับหางถือเครื่องครัวทำอาหาร เขากำลังทำอะไร? เขาให้คนอื่นกินอะไร… ด้วยความสงสัย ฉันจึงโน้มตัวไปเพื่อดูสถานการณ์ในครัวให้ชัดขึ้น เชฟผ่าหัวของคนที่เดินเข้าครัวมายื่นหัวให้… แล้วหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากข้างใน
“คุณนักสืบ นั้นมันอะไรน่ะ…? มันดูไม่เหมือนสมองนะ…”
“เจ้านั้นไม่ได้ดึงสมองออกมา มันดึงอะไรบ้างอย่าง อาจจะเป็นความคิด…?”
“มันจะเป็นได้ยังไง?”
“นั่นแหละการบิดเบือน ทำให้สิ่งที่มองไม่เห็นกลายเป็นรูปธรรม”
“ถ้างั้นหมายความว่าพวกเขาเอาความคิดให้เซฟเพื่อใช้ทำอาหารให้พวกเขา… และ…”
“เซฟก็ลอกหนังของพวกเขาเพื่อใช้เป็นถุง นั้นมันค่อนข้างเลวร้าย”
ฉันสบตากับเซฟหลังหันกลับมามองตอนคุยกับเอสรา ฉันดีดลิ้นเล็กน้อย ตาของเซฟที่สดใสแลัวฮัมเพลงเมื่อกี้ หยุดลงแล้วมองสายตาดุมาที่เรา
“พวกแกมันไอ้พวกลูกค้าบ้าตอนเช้านี่ ถ้าอยากจะกินต้องไปต่อแถว! รสชาติจะไม่เหมือนของที่พวกแกกินก่อนหน้านี้เลย!”
“นายให้อะไรพวกเขากิน”
“ฉันให้สิ่งที่พวกเขาต้องการ ฉันปรุงความคิดให้ ผู้คนสมัยนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ เพราะงั้นต้องมีใครสักคนมาปรุงความคิดและป้อนให้กิน”
ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย ฉันไม่เข้าใจว่าการปรุงความคิดคืออะไร แต่เมื่อมีคนถูกฆ่าไปแล้วก็ไม่มีทางเอากลับมา การบิดเบือนที่สามารถทำการฆาตรกรรมได้ ตามสำนักงานของเรา นี้เป็นการบิดเบือนระดับความอันตรายขั้น 3
“นายฆ่าคนอื่น…”
“ฆ่า? พวกเขาไม่ได้ตาย พวกเขากินเลี้ยงอยู่ อาหารธรรมดาไม่ทำให้คนมีความสุขแล้ว ต้องรู้ว่าตัวเองเป็นใครและมีชีวิตอยู่ในโลกแบบไหนสิถึงจะเพลิดเพลินกับรสชาติได้”
ดูแล้วน่าจะเป็นระดับเรื่องเล่านคร(urban myth)ธรรมดา เมื่อพูดออกไป เสียงฝีเท้าก็ดังมาจากด้านหลังของฉัน และเสียงกรีดของเอสราก็ตามมา ปัญหาสองอย่างเข้ามารุมล้อมทั้งหน้าหลัง มันวุ่นวายมาก ฉันจึงหลับตาลงและสงบสติในความมืด
“ว้าาา คุณนักสืบ! พวกก้อนเนื้อในห้องอาหารกำลังมาทางนี้”
“พวกเธอยังไม่ลองเลยนิ… มาสิฉันจะทำให้กินเองว่าความคิดพวกเธอรสชาติยังไง…”
“เอสรา จัดการ”
เอสราที่พึ่งกรีดร้องตอบรับว่า ค่ะ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดาบจากสติกมาเวิร์กช็อปเปล่งแสงสีแดงเข้ม พร้อมลวดลายบนใบดาบที่แผ่ความร้อนสูง การฟันแต่ละครั้งของเอสรา ตัดก้อนเนื้อขาดโดยทิ้งลวดลายเอกลักษณ์ของสติกมาเวิร์กช็อปบนรอยตัด กลิ่นของเนื้อย่างลอยฟุ้มไปทั่ว ปล่อยให้เอสราจัดการไป แล้วหันกลับไปหาเซฟ
ในกรณีที่การบิดเบือนมีการทำร้ายผู้อื่นโดยเจตนา จำเป็นต้องถูกกำจัดโดยไม่มีเงื่อนไข บางครั้งเราก็พบเจอกับการบิดเบือนที่เราสู้ด้วยไม่ได้ แต่พวกนั้นส่วนมากมีวิธีจัดการอยู่ ซึ่งทำได้ไม่ยาก
“แล้วนายเคยกินอาหารของตัวเองไหม?”
ความขัดแย้งในตัวเอง การบิดเบือนที่ทำร้ายคนอื่นและอ้างว่าทำเพื่อช่วยพวกเขา สุดท้ายยังไงก็เกิดความขัดแย้งในตัวเอง
“…..”
“นายทำอาหารให้คนอื่นกินแต่นายกลับไม่เคยกินอาหารของตัวเอง อะไรทำให้นายมั่นใจว่ามันมีรสชาติที่ดีล่ะ?”
ฉันยิ้มมุมปากขึ้นช้า ๆ และขยับไปป์เล็กน้อย เซฟก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“…อาหารของฉันมันอร่อย! ถึงลูกค้าที่มาจะหน้าเศร้าห่อเหี่ยวเสมอไม่ว่าอาหารจะอร่อยแค่ไหน นั้นเพราะพวกนั้นมันคิดเองไม่เป็น!”
“ดูแค่หน้าแล้วบอกว่าอร่อย? คนที่ไม่เคยชิมอาหารตัวเองไม่สมควรเป็นเซฟหรอกนะ”
“อึก… แกไม่ใช่เซฟ แกจะไปรู้อะไร!”
“อย่างน้อยฉันก็รู้ว่าอาหารของนายมันห่วย หลานสาวของฉันที่บอกว่าห่วยตอนกลางวัน ยังมองคนได้เก่งกว่านายอีก”
ฉันเป็นลูกมือที่ดีว่าไหม? เมื่อได้ยินคำพูดของฉัน เชฟเริ่มเดือดดาลขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอแล้วหยิบมีดทำครัวขนาดใหญ่ขึ้นมาจ้องฉัน มือของเขาสั่นและลังเลเล็กน้อย
“ได้… ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็น เตรียมขอโทษฉันมาเลย!”
“แน่นอน เดี๋ยวฉันคุกเข่ากราบเลย”
มือของเขาสั่นอย่างรุนแรงแล้วเอื้อมไปที่หัว เสียงตัดเหนียวหนืดและเสียงกระทบดังขึ้นอย่างน่าขนลุก ฉันหลับตาลงแล้วหายใจออกช้า ๆ เมื่อลืมตาขึ้น เซฟได้ดึงบางสิ่งที่ส่องแสงไปมาออกจากหัว
และเมื่อเซฟได้ดึง’ความคิด’ออกมา เขาก็ล้มลงไป
เซฟตายแล้ว โดยที่ไม่ได้ชิมรสชาติของตัวเอง
“คุณนักสืบ ฉันจัดการพวกมันเสร็จแล้ว!”
“ทางฝั่งฉันก็เสร็จแล็วเหมือนกัน”
“เราควรติดต่อกับสมาคมซไวเลยไหม?”
“เอาเลย แต่ไม่ต้องเขียนรายละเอียดเยอะ พวกเขาคงไม่เชื่อเรื่องที่มีคนเอาความคิดมาทำอาหาร ส่วนฉันจะไปนอนแล้ว”
“ค่ะ~”
“อรุณสวัสดิ์ คุณนักสืบโมเสส! วันนี้คุณมาสายนะ ใช่ไหม?”
“ก็ใช่ พอดีวันนี้แถวร้านแฮมแฮมปังปัง(HamHamPangPang)ยาวน่ะ ดูเหมือนคนอื่นอยากจะมาลองสาขาใหม่ในเขตเหนือของเมือง”
“โอ้… แฮมแฮมปังปัง… มีของฝากให้ฉันสักชิ้นด้วยไหม?”
“มี สำหรับเธอเลย ชอบรสมัสตาร์ดใช่ไหม?”
“อิอิอิ มัสตาร์ดนี่แหละดีที่สุดแล้ว! อ่าใช่ ซไวส่งเงินค่าจ้างมาให้เราแล้วเมื่อกี้”
“ไวนะนั่น? ส่งเงินมาให้เราในวันเดียว พวกเขาคงทำรายงานลวกแน่”
“เห็นว่าคดีนี้สรุปว่ามีเซฟฝีมือไม่ค่อยมีคนยอมรับ พยายามมอบความสุขให้คนอื่นด้วยวิธีวิกลจริต!”
“เป็นการสรุปที่หยาบมาก ช่วงนี้เราทำคดีเกี่ยวกับการบิดเบือนบ่อยขึ้นมากเลยนะ”
“ทำไมปีก(Wings)หรือพวกสมาคมถึงไม่ทำอะไรเลยล่ะ? มีพวกสัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ เลยนะ!”
“เพราะมันไม่มีการบิดเบือนไหนถึงระดับโรคระบาดนคร(Urban Plague) ก็เว้น’นักเปียโน’ไว้”
“แต่ไม่มีใครทำอะไรเลยหรอ?! มันเหมือนกับระเบิดเวลาเลยนะ!”
“ก็เพราะมีคนตายจากซินดิเคทมากกว่าการบิดเบือน”
“แล้ว คุณจะไม่ตัดเงินเดือนฉันใช่ไหม? อาหารห่วย ๆ ของเซฟเป็นสาเหตุเหมือนที่ฉันบอกเลยนะ!”
“หึ ความจำดีแต่ก็ดีแค่นั้น”
“ฉันได้ยินนะ!”
-สิ่งที่จะเกิดขึ้นในตอนต่อไป…
ห้องนี้กำลังหายใจ ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจ หัวใจกำลังเต้นอยู่ ไม่รู้ว่าห้องนี้มันกินไปกี่คนแล้ว มีชายชราใกล้ตายอยู่ข้างหน้า ชายชราผู้โดดเดี่ยวลมหายใจของเขาเบากว่าลมหายใจของห้องนี้ เขาชักนำผู้คนเข้ามาและเก็บไว้ เมื่อเขาถูกลืมเลือนไป คนอื่น ๆ ก็จะลืมหายไปตาม
Chapters
Comments
- ตอนที่ 11 คลื่น 3 วัน ago
- ตอนที่ 10 สิ่งกีดขวาง 3 วัน ago
- ตอนที่ 9.2 [รายงาน] ฮัน ฮีจุน 3 วัน ago
- ตอนที่ 9.1 คลื่น 3 วัน ago
- ตอนที่ 9 จุดแดงฉาน 3 วัน ago
- ตอนที่ 8 บริษัทแทยองโปรดิวซ์ 3 วัน ago
- ตอนที่ 7 ยูเรีย อเทลิเยร์ 3 วัน ago
- ตอนที่ 6.1 [รายงาน] โมเสส(Moses) & เอสรา(Ezra) 3 วัน ago
- ตอนที่ 6 ไปป์ 3 วัน ago
- ตอนที่ 5 การสอบจำลอง 3 วัน ago
- ตอนที่ 4 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ 3 วัน ago
- ตอนที่ 3 ช่างภาพ 3 วัน ago
- ตอนที่ 2 ความขัดแย้งในตัวเอง 3 วัน ago
- ตอนที่ 1 ฉันมองเห็นการบิดเบือน 3 วัน ago
MANGA DISCUSSION