…การบิดเบือนเทียมที่ถูกสร้างขึ้นโดยเจตนาของใครบางคน
“ยูเรีย เธอพอจะสามารถทำให้ลิฟต์ตัวนี้ใช้งานได้ไหม?”
“…ได้ค่ะ”
“ช่วยจัดการให้เร็วด้วยนะ ฉันจะไปดูแลเอสราสักพัก”
“ฮิฮิ้ ไม่เป็นไรน่า คุณนักสืบ หนักกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว”
มีไม่มากนักที่ทำให้เอสราบาดเจ็บหนักขนาดนี้ ถึงบาดแผลระดับนี้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเธอ แต่สิ่งที่เราเจอในคราวนี้คือการบิดเบือน ยังไงเราก็ระวังเอาไว้ ฉันเข้าไปใกล้เอสราที่กำลังนั่งพักบนพื้น แล้วหยิบชุดปฐมพยาบาลออกมาจากกระเป๋ามิติของเธอ
“มันก็นานแล้วที่ฉันไม่ได้ทำแผลให้เธอ”
“เอ่ฮิฮิ จริงด้วยค่ะ”
ลิ่มที่แทงเอสราสลายกลายเป็นควันเมื่อยักษ์กระดูกถูกโค่นลง ฉันใช้ผ้าพันแผลแรงกดของฟานาร์เวิร์คช็อปปิดบาดแผล ยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา แต่ดูแล้วไม่มีสัญญาณของการติดเชื้อหรืออะไร
“คุณนักสืบ ไอ้การบิดเบือนครั้งนี้มันอะไรกัน? นับวันนับวันไอ้พวกนี้มันยิ่งรับมือยากขึ้น ครั้งนี้มันจะเป็นระดับเดียวกันกับตอนการสอบจำลองไหม?”
“ฉันไม่รู้… เอาล่ะ ที่เหลือจัดการตัวเธอเอง”
ฉันยืนขึ้นและเดินไปที่แท่งพิธีรูปร่างเป็นกล่องสีดำที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้อง การบิดเบือนของพนักงานบริษัทถูกดูดเข้าไปในกล่องนี้ แล้วก็ปล่อยไอขาวออกมาที่ควบแน่นเป็นการบิดเบือนขนาดใหญ่ มันไม่ใช่การบิดเบือนหมู่เหมือนที่เราเจอในคดีการสอบจำลอง
…การบิดเบือนเทียมที่ถูกสร้างขึ้นโดยเจตนาของใครบางคน
“เอสรา! ถ้าพันแผลเสร็จแล้วมาจัดการของประหลาดนี้ด้วย”
“ค่ะ หัวหน้า~”
เอสราหยิบกระเป๋า ปัดฝุ่นและลุกขึ้นมา
“คุณนักสืบโมเสสค่ะ ลิฟต์ใช้งานได้แล้วค่ะ เราสามารถไปชั้นอื่นได้แล้ว”
บริษัทนี้จงใจให้พนักงานหลับในห้องนอนใต้ดิน และจ้างฟิกเซอร์มาต่อสู้กับการบิดเบือนประดิษฐ์ พวกเขาวางแผนอะไรกัน? เพื่อพัฒนาอาวุธ? ถ้าพวกเขาสามารถควบคุมการบิดเบือนได้ด้วยวิธีการบางอย่าง สมดุลของอำนาจจะสั่นคลองอย่างแน่นอน แต่ทำได้อย่างไร? อุปกรณ์อะไรกันที่สามารถคำนวณและควบคุมจิตใจของมนุษย์ได้? เทคโนโลยีที่สามารถทำแบบนั้นได้ คงไม่แปลกใจที่มันจะเป็นซิงกูลาริตี้ แต่สิ่งนี้มันเกินระดับของบริษัทในตรอกหลังไปมาก ต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังอย่างแน่นอน
“…เราจะไปที่ชั่น 8”
“เข้าใจแล้วค่ะ เราจะไปกันแล้วนะคะ”
เอสรารีบเข้ามาในลิฟต์ โชคดีที่เจ้ากล่องประหลาดนั้นสามารถยัดเข้าใส่กระเป๋ามิติได้
“…รุ่นพี่คะ ร่างกายเป็นยังไงบ้าง?”
เงียบ
“…รุ่นพี่เอสราคะ!”
“ห๊ะ…? ฉันเนี่ยนะ? รุ่นพี่เธอ?!”
เอสราโพล่งขึ้นมาด้วยความแปลกใจ
“ก็เราสองคนเป็นผู้ช่วยของคุณนักสืบโมเสส และคุณก็อยู่มาก่อนฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะเรียกคุณว่ารุ่นพี่นับแต่ตอนนี้เป็นต้นไป”
ดูเหมือนยูเรียจะยอมรับเอสราแล้ว
“โอ้มะพร้าวร่วง คุณนักสืบ! ยัยนี่ต้องบิดเบือนไปแล้วแน่ ๆ !”
“เรื่องคุยเล่นไว้คุยกันที่สำนักงาน เรากำลังถึงชั้นที่ 8 แล้ว”
ดิ้ง-ด่อง
เราประสบกับกลิ่นคาวเลือดรุนแรงเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เป็นกลิ่นเลือดสดใหม่พร้อมไปด้วยเถาวัลย์สีเขียวปกคลุมไปทั่วออฟฟิศ และมีผลไม้ลูกแดงห้อยลงมาจากเพดานนับไม่ถ้วน ฉันจับจ้องไปตามกิ่งก้านของเถาวัลย์ มันยื่นออกมาจากปากของพนักงานบริษัทและไปสิ้นสุดบนเพดาน ไม่มีใครมีชีวิต
“นี้มัน…”
ตรงกลางของออฟฟิศมีกล่องที่เหมือนกับอันที่ตั้งในห้องนอน การบิดเบือนอีกแล้วสินะ
“คุณนักสืบ! นี่มันหมายความว่ามีไอ้ตัวที่เหมือนกับตัวที่สู้ไปก่อนหน้าอีกหรอ…”
เอสราถามด้วยความกังวล ฉันเอามือแตะหน้าผาก พวกเราไม่ไหวแล้ว ทั้งฉันและเอสราต่างถึงขีดจำกัดแล้ว พวกเราตายแน่ถ้าเจอกับการบิดเบือนระดับเดียวกับที่เราสู้ไปก่อนหน้า
“เอสรา! ยูเรีย! เป้าหมายของเราในตอนนี้คือมีชีวิตรอด จงปฎิบัติตามคำสั่งทุกคำที่ฉันสั่ง”
ทั้งคู่พยักหน้าตอบรับ
หวี~~~วู~~~
เสียงหวอดังขึ้น ตามด้วยเสียงประกาศ
‘ล็อคดาวน์ฉุกเฉิน ล็อคดาวน์ฉุกเฉิน บริษัทแทยองโปรดิวซ์จะปิดกิจการนับแต่นี้ ขอย้ำอีกครั้ง บริษัทแทยองโปรดิวซ์จะปิดกิจการนับแต่นี้ พนักงานทุกท่าน ตามที่สัญญาว่าจ้างกำหนดไว้ คุณไม่สามารถออกจากตึกของบริษัทได้ ขอย้ำอีกครั้ง…’
แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก
ม่านกั้นพับลงมาปิดหน้าต่างออฟฟิศแต่ละบาน
“เอสรา! ทำลายหน้าต่างด้วยแรงทั้งหมดเดี๋ยวนี้!”
“ค่ะ หัวหน้า!”
เอสราสวมใส่ถุงมือนามีร์เวิร์กช็อปกับอัลลาสเวิร์กช็อป และพุ่งเข้าใส่หน้าต่างด้วยหมัดที่ทรงพลัง น้ำหนักมหาศาลของหมัดส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วออฟฟิศ แต่หน้าต่างมีเพียงรอยบุบ นั้นไม่ใช่เหล็กธรรมดา เราถูกขังอยู่ที่นี้โดยสมบูรณ์ ฉันหยิบไปป์ออกมาแล้วสูบมัน
“คุณนักสืบโมเสสคะ ลิฟต์ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว ระบบหลักของอาคารหยุดโดยสมบูรณ์เลยค่ะ”
ยูเรียบอกข่าวร้ายกับฉัน
แกร๊ก ๆ โครม! แกร๊ก ๆ โครม!
ฉันได้ยินเสียงบางอย่างแตก หน้าต่างพวกนั้นยอมแตกให้เราแล้วใช่ไหม?
…ใช่ที่ไหนกัน ฉันมันโง่และก็โง่เลยที่ไปรีบคิดอะไรอย่างนั้น
“เอสรา! เตรียมสติกมาเวิร์กช็อปให้พร้อม! และเธอยูเรีย! ตอนนี้เธอสามารถสร้างอุปกรณ์ที่มันจุดไฟได้ไหม?”
“ไม่มีอะไรที่ฉันสร้างได้ในขณะนี้ค่ะ แต่ฉันสามารถลองใช้บางอย่างที่เตรียมมาเพื่อใช้กับไปป์ของคุณนักสืบโมเสสได้ค่ะ…”
กรี๊ดดดดดดด~!
มีบางอย่างสีแดงห้อยลงมาจากเพดาน มันไม่ใช่ผลไม้แต่มันคือไข่ เรากำลังอยู่ในโรงเพาะพันธุ์ของบางสิ่ง แรงกระแทกจากหมัดของเอสราทำให้ไข่พวกนั้นฟักออก ยุงขนาดมหึมาที่มีหน้าเป็นมนุษย์คลานออกมาจากรอยแตกของไข่อย่างช้า ๆ
“คุณนักสืบ! พวกมันมาแล้ว!”
เอสราตะโกนอย่างเร่งรีบ
“ยูเรีย ไม่ว่าจะเป็นอะไร ทำมันเลย”
ฉันยื่นไปป์ให้ยูเรีย เอสราจับดาบพร้อมจะต่อสู้ ยุงพวกนั้นลอยนิ่งบนอากาศสักพักก่อนจะพุ่งเข้ามาหาเรา ดาบเพลิงของเอสราตัดร่างยุงไปหลายตัว แต่มันก็ไม่พอจะหยุดพวกมันทั้งหมดได้ แมลงพวกนั้นกัดเอสราและดูดเลือดของเธอ
“ทำให้เร็ว ยูเรีย”
“เสร็จแล้วค่ะ! ลองจินตนาการถึงไฟดูสิคะ เหมือนตอนที่คุณเปลี่ยนไปป์กลายเป็นดาบสีแดง!”
ฉันได้ไปป์คืนมา ที่ตอนนี้มันถูกผูกด้วยริบบิ้นสีแดง ฉันสูดลมหายใจสีแดง เปลวไฟลุกโชติจากปากไปป์ เปลวไฟในรูปลักษณ์ของนก เหล่านกเพลิงบินพุ่งเข้าแมลงที่ดูดเลือดเอสราแล้วเผาพวกมันเป็นเถ้า
“ขอบคุณ คุณนักสืบ…”
เสียงของเอสราอ่อนแรง ร่างกายของฉันเย็นลงอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าความอบอุ่นภายในร่างกายถูกดึงออกไป ทุกอย่างก็คงมีราคาของมัน
“ไปทางบรรไดกันเถอะค่ะ โชคดีที่ประตูไม่ได้ล็อค”
ยูเรียบอกข่าวดีกับฉันในขณะที่กำลังเปิดประตู นกเพลิงยังคงลุกไหม้เผาพวกแมลง ถ่วงเวลาให้เราไปที่ประตู
“พระเจ้า…”
ยูเรียพูดเบา ๆ เมื่อเดินเข้าไป
สายธารแห่งผู้คนไหลลงตามบันได เป็นเหมือนแม่น้ำมนุษย์ แขนขาของพวกเขาพันกันยุ่งเหยิง ไหลลงมาตามบันได
“คุณนักสืบ… นี้พวกเราจบเห่แล้วสินะ?”
เอสราพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแอ
“ไม่ใช่วันนี้…”
ฉันตอบด้วยความมั่นใจ
MANGA DISCUSSION