“เฮ้อออ…..”
ให้ตายเถอะ เมื่อวานเหนื่อยเป็นบ้าเลย หลังจากที่คุณไอริสกับคุณคาร์ล่ากลับไป ผมก็อาบน้ำและเข้านอนทันที
จากนั้นในตอนเช้า ผมก็ได้เข้ากิลด์นักผจญภัยไปตามปกติ และนั่งลงที่แผนกต้อนรับพร้อมกับจัดการกับเหล่านักผจญภัยที่เข้ามา
ผมไม่ได้เหนื่อยกาย แต่เหนื่อยใจต่างหากตอนนี้
เหมือนคนรอบๆก็รู้ว่าผมดูเหนื่อยๆ
แล้วจากนั้นก็มีนักผจญภัยหญิงคนนึงส่งเสียงเรียกผม
“เรียวคุง วันนี้ดูไม่ค่อยร่าเริงเลยนะ? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?”
“ถ้ามีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นล่ะก็ เราไปดื่มกันหลังเลิกงานหน่อยมั้ย? เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง!”
“อ๊าาา ขี้โกงนี่! ฉันเองก็อยากจะเลี้ยงเหมือนกันนะรู้มั้ย? เรียวคุงชอบดื่มอะไรเหรอ?”
“ขอบคุณมากครับ ขอรับไว้แค่ความรู้สึกก็พอแล้วครับ ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะครับ”
พวกเธอยิ้มแบบมีเลิศนัย
จะว่าไปแล้ว ผู้หญิงโลกนี้จะยึดติดกับ’ผู้ชาย’ไปมั้ยนะ ถึงขนาดว่าเอาแต่พูดคุยกับผู้ชายบ้านๆอย่างผม
ไม่สิ ถ้าเป็นในโลกเดิมของผมล่ะก็ พวกผู้ชายที่มาหาพนักงานต้อนรับหญิง มันเป็นความรู้สึกประมาณนี้เองสินะ
สรุปก็คือ สามัญสำนึกของผู้หญิงเองก็เปลี่ยนไป
“เห็นความต้องการแอบแฝงชัดเจนเลยไม่ใช่รึไงแบบนี้น่ะ”
“คือว่านะ นี่ไม่คิดจะไม่ซ่อนความต้องการแฝงกันเลยหรอ?”
อาจจะคิดไปเองก็ได้
อ๊ากกกก ถึงอย่างนั้นผมก็ทนไม่ไหวแล้วเฟ้ย! ผมก้มหน้าลงอด้วยความอับอายอย่างมาก มากซะจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้
กิลด์มาสเตอร์กับพนักงานรอบๆผมก็เลยถามผมกันว่า
“กะแล้วเชียว วันนี้รู้สึกไม่ดีอย่างงั้นเหรอ? รีบกลับบ้านจะดีกว่านะ”
ถึงผมจะลังเลนิดหน่อย แต่ผมก็รู้เลยว่าถ้าผมยังคิดแต่เรื่องเมื่อวานอยู่แบบนี้ ผมคงไม่เป็นอันทำงานแน่ๆ
ดังนั้นผมเลยขอบคุณที่ให้ผมกลับบ้านเร็วแบบนี้
ยังเแดดส่องอยู่เลยแท้ๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมออกเร็วขนาดนี้ ถ้าเป็นในโลกเดิมคงไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
ผมหยิบกระเป๋าสะพายของผมแล้วก็ออกไปข้างนอกผ่านทางเข้าของพนักงานกิลด์
“จะว่าไปแล้ว เราก็ยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยนี่นะ แถวนี้มีร้านขายมัน รึเปล่านะ”
เรือนร่างผอมเพรียว ผมสีเงินดั่งแพรไหม และหูแหลมๆ
“คุณไอริส?”
“คุณเรียว เมื่อวานนี้ต้องขอขอบคุณมากเลยนะคะ”
เธอก้มหัวอยู่ข้างหน้าของผม
“วันนี้เสร็จงานเร็วอย่างงั้นเหรอคะ?”
“อะ อ่าา ฉันได้รับอนุญาตให้ออกก่อนเวลาน่ะ”
“อย่างนั้นเหรอคะ ได้ออกมาเร็วแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะค่ะ ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะ”
ดูเหมือนว่าคุณไอริสจะมาหาผม ผมเดาเลยว่า 90%ที่มาหาผมคงมาหาก็เพราะเรื่องเมื่อวานแน่ๆ
ในขณะที่ผมกำลังสงสัยว่าจะเอาไงดี ผมก็สังเกตเห็นสายตาของคนรอบข้างจับจ้องมาที่ผม
ถ้าดูให้ดี มีแต่คนจ้องมองมาที่คุณไอริส แล้วก็ทำหน้าขมวดคิ้วแล้วก็พูดว่า ‘นั่นมันเผ่าเอลฟ์ไม่ใช่เหรอ’ แบบนี้
ยะ แย่แล้ว ถ้ายืนคุยกันอยู่แบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่
“ปะ เปลี่ยนที่คุยกันเถอะ คุณไอริสกินข้าวมาแล้วรึยังครับ?”
“ยังเลยค่ะ”
“ถ้างั้นก็ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
ผมเลือกไปหาอะกินแทนที่จะไปบ้านของผม เป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ทำให้ผมไม่กล้าที่จะชวนคุณไอริสมาที่บ้านอีกเลย
เฮ้อ สุดท้ายแล้ว ผมก็ไม่สามารถทำตัวเป็นยัยร่านแบบโลกเดิมได้เลยสินะ
ผมกับคุณไอริสเข้าไปในร้านอาหารที่หัวมุมถนนสายหลัก โดยร้านจะขายเมนูเส้นเป็นส่วนใหญ่
ถ้าเป็นพาสต้าล่ะก็ น่าจะเป็นเมนูที่แม้แต่คุณไอริสก็กินได้ล่ะนะ
หลังจากนั้นก็ขอให้พนักงานพาไปที่นั่งที่ไม่ค่อยมีคนและก็สั่งอาหาร
ในขณะนั้น พนักงานเสิร์ฟยิ้มให้ผมแล้วก็ลูบหลังผมเบาๆ
คงจะเป็นสถานการณ์ที่น่าทำให้ใจเต้นตึกตักมากที่ถูกผู้หญิงทำแบบนี้
แต่เสียดายที่ผู้หญิงคนนั้นหน้าตายังกับลิซาร์ดแมนเลย
แม้ว่าจะยิ้มแต่ก็เห็นฟันยังกับสัตว์ร้าย เห็นแบบนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเธออาจจะพูดกับผมว่า’จากนี้ไปฉันจะจับนายกินแล้วนะ’ก็ได้
“คุณเรียว เมื่อวานนี้ ต้องขอขอบคุณจริงๆค่ะ”
หลังจากที่พนักงานเสิร์ฟลิซาร์ดแมนออกไป คุณไอริสก็ก้มหน้าลง
“เมื่อวานนี้ เพื่อที่จะไม่ให้ฉันกับคาร์ล่าต้องทะเลาะกันเลยจงใจพูดแบบนั้นออกมาสินะคะ”
“อา…..ว่าแล้วเชียว รู้ด้วยสินะ?”
“ต้องรู้แน่นอนอยู่แล้วสิคะ”
ผมพูดพร้อมกับเกาหัวของตัวเอง แล้วคุณไอริสก็ยิ้มให้ผม
“อืม…แล้วหลังจากนั้น คุณคาร์ล่าเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
“ค่ะ คาร์ล่าตอนนั้นรู้สึกแย่นิดหน่อย แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ใจเย็นลง เมื่อตอนเช้าเราเลยเปิดอกคุยกันทั้งคู่และปรับความเข้าใจกันแล้วค่ะ ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้วนะคะ”
“งั้นหรอ ถ้าอย่างงั้นก็ดีแล้วล่ะ”
ในที่สุดผมก็รู้สึกโล่งใจ
“ยังไงก็ดีจริงๆนะที่ทุกอย่างไม่ได้จบลงด้วยการที่พวกเธอแตกแยกกันน่ะ”
“ทำให้ลำบากไปซะแล้วสิคะเนี่ย…. ถึงตอนนี้จะอึดอัดอยู่นิดหน่อย แต่คิดว่าซักพักคงกลับมาคุยกันได้ตามปกติค่ะ”
แต่ถึงแม้จะพูดแบบนั้น คุณไอริสก็ทำหน้าดูไม่กระตือรือร้นเหมือนเมื่อวานเลย
ยังมีปัญหาอื่นเหลืออยู่หรือเปล่านะ
“เอ่อ หรือว่าตอนนี้คุณคาร์ล่าตอนนี้โกรธผมอยู่เหรอ”
“เอ๊ะ? ไม่ค่ะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ฉันอธิบายให้คาร์ล่าฟังอย่างถูกต้องแล้วล่ะค่ะเพราะงั้นอย่ากังวลไปเลยนะคะ”
“เอ๊ะ อธิบายอย่างงั้นเหรอ?”
“แน่นอนค่ะ!”
ดะ เดี๋ยวนะ ถึงจะบอกว่าแน่นอนค่ะ ก็เถอะ
เอ๊ะ? อธิบายให้คุณคาร์ล่าฟังว่าเมื่อวานนั่นผมแค่แสดงน่ะนะ?
“เอ๊ะ ไม่สิ แต่ว่า ถ้าอธิบายเรื่องเมื่อวานให้คุณคาร์ล่าฟังว่าฉันแค่แสดงออกไปแบบนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างคุณไอริสกับคุณคาร์ล่าจะไม่ยิ่งตึงเครียดไปกว่าเดิมอีกเหรอ?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เด็กคนนั้นน่ะถึงจะมีทั้งด้านที่ดีและไม่ดีก็เถอะ แต่ก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมานะคะ”
เรื่องนั้นก็พอจะเข้าใจอยู่นะ คุณคาร์ล่าน่ะเป็นคนที่ตรงไปตรงมามากๆ
“หลังจากตอนนั้นฉันจะกลับไปที่โรงแรมและพูดคุยกับคาร์ล่าอีกครั้ง และฉันจะอธิบายให้เธอฟังเองค่ะว่าคุณเรียวกำลังคิดถึงความรู้สึกของพวกเราก็เลยตั้งใจทำแบบนั้นใส่ค่ะ”
“อะ อื้ม”
“คาร์ล่ามีความสุขมากที่ได้ยินแบบนั้นแล้วเธอก็พูดว่า ‘เป็นครั้งแรกเลยที่มีผู้ชายที่ทำเพื่อพวกเราถึงขนาดนี้!’ อย่างตื่นเต้นเลยล่ะค่ะ”
เอ๊ะ? ปะ แปลกแฮะ?
เหมือนเรื่องมันจะดำเนินไปได้เหนือความคาดหมายไปไกลเลย
จะว่าไป คุณไอริสอธิบายไปว่าที่ผมทำตัวเลวๆไปเมื่อวานนั่นเป็นแค่การแสดงจริงเหรอเนี่ย ครั้งต่อไปที่เจอคุณคาร์ล่าผมคงอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนีเลย เมื่อวานนี้ก็อุตส่าห์นอนคิดมากทั้งคืนเรื่องที่ทำให้คุณคาร์ล่าต้องเจ็บปวดสรุปแล้วผมเสียเวลากังวลไปทำไมกัน!?
“ทว่า ยังมีอีกปัญหาน่ะสิคะ….”
“อะ โอ้…”
“เพื่อนอีกสองคนเห็นว่าคาร์ล่าที่ออกไปตามหาไอริสทำไมถึงกลับมาทั้งน้ำตาล่ะ พวกเธอเลยคิดว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ”
“อืม เรื่องนั้นมันก็แหงอยู่แล้วล่ะนะ”
จากนั้นพนักงานเสิร์ฟคนก่อนหน้านี้ได้เดินกลับมา คุณไอริสเลยปิดปากเงียบ
ผมกับคุณไอริสนั่งกินพาสต้ามะเขือเทศเหมือนกัน
พนักงานเสิร์ฟวางพาสต้าและแก้วน้ำไว้ข้างหน้าพวกเราอย่างช่ำชอง
ในขณะที่พนักงานเสิร์ฟกำลังเดินกลับไป เธอก็ได้หันมาแล้วกระพริบตาวิ้งๆข้างเดียวให้ผม
เป็นครั้งแรกเลยที่ได้เจออะไรแบบนี้จากลิซาร์ดแมน ไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลยซักนิด
“เอ่อ แล้วอธิบายให้กับข้อสงสัยของพวกพ้องอีก 2 คนไปว่ายังไงล่ะ?”
“……..”
คุณไอริสทำหน้ากระอักกระอ่วน
“คือว่า คาร์ล่าน่ะซื่อสัตย์นะ แต่นั่นก็เป็นทั้งด้านที่ดีและก็ด้านที่ไม่ดีของเธอด้วย เธอเลยพูดตามความจริง”
“…….พูดไปถึงขนาดไหนล่ะ?”
“เอ่อคือ….บอกหมดเลยค่ะ”
“บอกหมดเลยเรอะ!?”
ตกใจซะจนหยุดกินพาสต้าเลย
คุณไอริสไหล่ตกแล้วพูดต่อ
“ทั้งสองคนโกรธฉันกับคาร์ล่ามากเลยล่ะค่ะ ‘คิดอะไรอยู่ถึงไปรบกวนพนักงานกิลด์แบบนั้น? ถ้ามีนักผจญภัยระดับสูงมาชวนละก็ ก็แทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยไม่ใช่รึไง’ ถูกว่ามาแบบนี้น่ะค่ะ”
“อ๊ะ เป็นงั้นเองเหรอ”
นึกว่าพวกเธอจะโดนดุว่า”อย่าไปมอบร่างกายผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้แบบนั้นสิ”ซะอีก แต่กลับกันเลยแฮะ
อ่า แต่ว่าถ้าเป็นที่โลกเดิมของผมนี่มันคงเป็นปัญหาใหญ่เลย
คิดในทางกลับกัน ก็เหมือนมีนักผจญภัยชายจากปาร์ตี้ระดับสูงใช้อำนาจเข้ามาหาหญิงสาว
แต่ในกรณีของผม ผมเต็มใจมอบร่างกายให้ ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา
“ฉันเองก็ไม่ได้คิดว่าจะสร้างปัญหาให้คุณเรียวมากถึงขนาดนี้ ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ”
คุณไอริสก้มหัวลงจนกระแทกโต๊ะ
“ไม่หรอก ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็ตั้งตามคุณคาร์ล่าไปต้อยๆเอง แถมฉันก็เป็นชวนคุณไอริสเข้ามาที่บ้านของฉันเองด้วย เพราะงั้นนี่น่ะมันคือความตั้งใจจริงของฉันเอง”
“เพราะงั้นแล้ว คือว่า…พวกเขาทั้งสองคนเลยต้องการจะขอโทษคุณแทน ในฐานะที่เป็นปาร์ตี้เดียวกันน่ะค่ะ”
“เอ๊ะ? อย่างงั้นเหรอ?”
“เพราะงั้นแล้ว ถ้าคุณเรียวไม่ว่าอะไร ไปเจอกับสองคนนั้นด้วยกันมั้ยคะ?”
“ไม่ล่ะ ไม่เป็นไร ทั้งสองคนไม่จำเป็นต้องขอโทษผมหรอก ก็อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ทุกอย่างล้วนมาจากความตั้งใจจริงของฉันเองทั้งนั้น บอกสองคนนั้นด้วยนะว่าขอบคุณที่เป็นห่วงน่ะ”
ผมปฏิเสธข้อเสนอของคุณไอริสไป
แต่ว่า คุณไอริสก็ทำสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นเรื่อยๆ
“เอ่อคือ…คุณเรียว คือว่า ที่ทั้งสองคนนั้นบอกว่าอยากจะขอโทษน่ะจริงๆแล้วเป็นแค่ข้ออ้างค่ะ”
“ข้ออ้าง?”
ทำไมเหมือนเรื่องมันเปลี่ยนทิศเปลี่ยนทางไปอีกแล้วล่ะ
“ทั้งสองคนบอกว่าอยากเจอคุณเรียวน่ะค่ะ ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าทั้งสองคนต้องได้ไปหาคุณด้วยตัวเองล่ะก็ ฉันคงจะเหลือที่ยืนอีกต่อไปแน่เลยค่ะ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ฉันพยายามจะมาพบและขอโทษคุณค่ะ ถ้าคุณเรียวไม่ว่าอะไร ช่วยไปพบกับทั้งสองคนนั้นหน่อยได้มั้ยคะ?”
“ก็ได้อยู่หรอกนะ แต่ว่าทำไมต้องเป็นฉันล่ะ?”
ผมเอียงคอสงสัย คุณไอริสก็เบิกตากว้างและมองมาที่ผม
“ไปได้จริงๆใช่มั้ยคะ!?”
“หวา…”
“เมื่อวานนี้ฉันได้สาธยายความวิเศษของคุณเรียวให้พวกเขาฟังว่า ‘ฟังนะคะคุณเรียวน่ะ เป็นผู้ชายที่พิเศษมากๆเลยล่ะค่ะ’แต่พวกเขาก็ไม่เข้าใจค่ะ”
จะว่าไปก็จริงนะ จากมุมมองของทั้ง 2 คนฉันก็เป็นแค่คนแปลกหน้า ถึงจะพิเศษจริงก็เถอะแต่มันต้องพูดถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ทั้งความรู้สึกน่ารักและความรู้สึกสวยน่ะ สำหรับผู้หญิงน่าเกลียดอย่างพวกฉันแล้ว ก็ยังมีนิยามอื่นที่เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะอยู่ค่ะ นั่นคือขอแค่มีหน้าตาแบบนี้ ก็ไม่สามารถทำให้ดุ้นของผู้ชายแข็งได้ค่ะ!”
“ครึ่งแรกก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ ทำไมครึ่งหลังถึงเป็นแบบนั้นเล่า!?”
ดีจริงๆที่ในร้านไม่มีลูกค้าคนอื่นนอกจากเรา แต่ว่าผมไม่ขอมาร้านนี้อีกเป็นครั้งที่สองแล้วล่ะ!
พนักงานเสิร์ฟมองมาทางผมด้วยใบหน้าสงสัย
“แต่ถ้าเป็นที่เมืองหลวงน่ะ มันก็น่าจะมีคนที่พูดประมาณว่า ‘ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะหน้าตาเป็นยังไง สิ่งที่ฉันชอบน่ะคือข้างในและความสามารถของเธอต่างหาก’อยู่ซักคนไม่ใช่รึไง นอกจากนี้ก็น่าจะยังมีคนหล่ออยู่อีกตั้งเยอะด้วยนี่”
“ใช่ค่ะ ก็อยู่ตรงนี้แล้วไงคะ”
คุณไอริสยิ้มให้กับคำถามของผม
“คำพูดอย่างเช่น’ผมไม่สนหรอกนะว่าหน้าตาของเธอจะเป็นยังไงหรือเธอจะเป็นเผ่าพันธุ์ไหน แต่ผมรักหัวใจที่บริสุทธิ์ของเธอต่างหาก จะว่าไปฉันมีเมจิคไอเทมสุดเจ๋งมาขายน่ะ สนใจไหม?’ หรือไม่ก็ ‘หน้าตาของคุณน่ะจะเป็นยังไงก็ช่างมันสิ สิ่งที่ผมรักคือตัวคุณที่แข็งแกร่ง จะว่าไปขอผิวหนังของมังกรวายุที่เป็นมอนสเตอร์ระดับAหน่อยสิ’ ฉันได้ยินคำพูดแบบนี้มาเพียบเลยล่ะค่ะ”
“งะ งั้นเหรอ”
คุณไอริสพูดเรื่องน่ากลัวออกมายังกับมาจากประสบการณ์ของตัวเอง
อะไรฟะนั่น? อย่างที่คิด เมืองหลวงนี่น่ากลัวโคตร….
“แต่ถึงแม้พวกคุณไอริสในโลกนี้จะถูกทุกคนหาว่าน่าเกลียดก็เถอะ แต่ถ้าลองหาดูจริงๆ ก็น่าจะมีคนที่ชื่นชมความเข้มแข็งของพวกคุณไอริสจากใจจริงบ้างก็ได้นะ?”
“ผู้ชายน่ะมีน้อยกว่าผู้หญิงไม่ผิดแน่นอน เพราะแบบนั้น จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ผู้ชายจะเลือกพวกผู้หญิงน่าเกลียด ในเมื่อพวกเขาอยู่ท่ามกลางเหล่าสาวสวย ที่มีทั้งอำนาจ ชื่อเสียงและทรัพย์สิน พวกเธอก็เข้าหาโดยที่ผู้ชายไม่ต้องทำอะไรเลย”
“ยะ อย่างงี้นี่เอง”
นั่นคือสามัญสำนึกของคนในโลกนี้สินะ?
มันก็จริงอยู่ที่ไม่ค่อยมีผู้ชายคนไหนเดินผ่านไปมาเลย จำนวนผู้ชายน้อยกว่าผู้หญิงอย่างเห็นได้ชัด
อืม….?
เอ๋ ถ้าเป็นอย่างงั้นมันก็ค่อนข้างแปลกแฮะ
“เอ่อคือ ถ้าไม่ชอบล่ะก็ไม่ต้องตอบก็ได้นะ”
“อะไรเหรอคะ?”
“คือว่านะ ฉันได้ยินมาว่า ทุกคนใน’โรเซนครูเซอร์’ ถูกล้อเลียนว่าแต่งงานช้ากว่าชาวบ้านใช่มั้ย? ถ้ามีผู้ชายน้อยนั่นก็แปลว่าผู้หญิงโสดก็ต้องเยอะไปด้วยน่ะสิ แล้วทำไมถึงถูกคนอื่นเยาะเย้ยแบบนั้นล่ะ?”
“?…นั่นเป็นเรื่องที่แปลกเหรอคะ? อ๊ะ ที่เมืองคาสซานดร้านี่มีจำนวนประชากรแตกต่างจากที่เมืองหลวง เลยไม่ค่อยมีคนที่มีชื่อเล่นน่ารังเกียจแบบนี้สินะคะ”
คุณไอริสดูเหมือนจะสงสัยกับคำถามของผมนิดหน่อย แต่เธอก็ตอบอย่างรวดเร็ว
“อย่างแรกเลย อัตราการเกิดกำลังลดลงค่ะ เนื่องจากอัตราส่วนทางเพศในโลกที่ต่างกันสุดขั้ว เพราะแบบนั้นแหละค่ะ ในหลายๆประเทศผู้ชายจึงสามารถแต่งงานได้ทีละหลายๆคนค่ะ รู้ใช่ไหมคะ?”
“แน่นอนสิ”
แน่นอนว่าผมไม่รู้ครับ แต่ผมก็พยักหน้าทำเป็นรู้ไปงั้นแหละ
เฮะเฮะ จะมีภรรยากี่คนก็ได้นี่เอง
“ที่ประเทศนี้มีชื่อเสียงในด้านระบบการจัดการที่นำสองระบบมารวมกันค่ะ นั่นก็คือระบบการมีภรรยาหลายคน กับระบบแนะนำการตั้งครรภ์สำหรับนักผจญภัยระดับสูงค่ะ”
“อะไรล่ะนั่น?”
“ระบบแนะนำการตั้งครรภ์สำหรับนักผจญภัยระดับสูงก็คือ ถ้าคุณถึงระดับBหรือสูงกว่านั้น คุณก็จะได้รับจดหมายแนะนำตัวจากประเทศอนุญาตให้ไปซ่องชายได้ และถ้าหากมีแรงค์ A หรือสูงกว่านั้น ก็จะสามารถพบกับสุภาพบุรุษที่ลงทะเบียนกับระบบได้ ถ้าบุคคลนั้นชอบคุณ คุณก็จะสามารถเลือกแต่งงานกับเขาได้…..เอ่อ หรือว่าคุณจะไม่รู้เหรอคะ?”
“มะ ไม่ล่ะๆ รู้อยู่แล้วสิ จริงๆก็รู้อยู่แล้วล่ะ แต่แค่คุยเพื่อกระชับความสัมพันธ์กันเฉยๆน่ะ”
“อ๊ะ อย่างงั้นเหรอคะ”
คุณไอริสทำหน้าสงสัยนิดหน่อย แต่เธอก็ยังคงพูดต่อไป
“ก็นะ จริงๆแม้แต่ประเทศเราก็ยังคงต้องการรักษาสายเลือดของนักผจญภัยหญิงระดับสูงเอาไว้ให้ได้มากที่สุดเลย”
“อย่างงี้นี่เอง ถ้างั้นก็แปลว่าคุณไอริสกับคนอื่นไปก็ไปซ่องแล้วก็เลือกคู่แต่งงานอะไรนั่นด้วยเหรอ?”
เอ๋ แต่ทำไมมันแปลกๆนะ
ทั้งปฏิกิริยาของคุณคาร์ล่าและคุณไอริสน่ะ มันสาวบริสุทธิ์ชัดๆเลยนะ
ไม่สิ หรือเธอคือสาวโคตรบริสุทธิ์อะไรแบบนี้เหรอ? (คิดได้ไง งงมากอันนี้55555)
“ถูกปฏิเสธน่ะสิคะ”
“เอ๊ะ?”
“ถูกปฏิเสธมาน่ะค่ะ ตอนที่ฉันเข้าไปในซ่องมีคนบอกฉันว่าให้เลือกได้เลยแล้วพอฉันเลือกโสเภณีมา พวกเขาก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘ยังไงก็ไม่ไหวอะ’ แล้วพอพูดแบบนั้นก็ออกประตูไป”
“นะ นั่นมัน….”
ฮุฮุฮุ คุณไอริสยิ้มพร้อมสายตาอันว่างเปล่า
“นักผจญภัยระดับBขึ้นไปกว่าในเมืองหลวงก็จะไปซ่องโสเภณีชาย แต่นักผจญภัยระดับAและSขึ้นไป จะสามารถเข้าไปอยู่ในฮาเร็มของคุณสุภาพบุรุษและทุกคนก็เป็นภรรยาตามกฎหมายกันไปหมด แต่ยกเว้นกับโรเซนครูเซอร์อย่างพวกฉันเท่านั้นที่ยังคงโสดและบริสุทธิ์ แถมยังไม่สามารถไปเดทกับหนุ่มๆได้อีก”
“…..”
“เพราะอย่างนั้นแหละ ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกฉันถึงถูกเรียกว่าแรงค์ S ที่แต่งงานช้ากว่าเพื่อนน่ะค่ะ ฮุฮุฮุฮุ เข้าใจแล้วใช่มั้ยคะ?”
“ขะ เข้าใจแล้ว…”
ครับ! เข้าใจแจ่มแจ้งเลยครับ! ว่าไม่ควรถามถึงเหตุผลจะดีกว่า
“บะ แบบว่า ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เลยค่ะ แค่นี้ไม่เท่าไหร่เลยค่ะ เพราะว่าเมืองคาสซานดร้าไม่มีนักผจญภัยระดับสูงอยู่เลย แถมยังมีมากสุดแค่ปาร์ตี้ระดับBเท่านั้น ดังนั้นจะไม่คุ้นเคยกับระบบแบบนี้มันก็ไม่แปลกหรอกค่ะ”
“ชะ ใช่แล้วล่ะ เพราะงั้นเลยอยากให้อธิบายให้ฟังยังไงล่ะ อื้ม”
ผมลุกลี้ลุกลนและหลอกคุณไอริสไปแบบนั้น
แต่ว่า ไม่ยักกะรู้ว่ามีไอ้ระบบแบบนั้นด้วยนะเนี่ย ผมคงต้องศึกษาเรื่องของโลกนี้ให้มากกว่านี้ซะแล้วสิ
“แต่พูดก็พูดเถอะ ไอ้เจ้าโสเภณีชายคนนั้นมันแย่ชะมัด แบบนี้น่าจะต้องได้รับโทษบ้างนะเนี่ย”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ! การลงโทษโสเภณีชายนั่นมันเป็นเรื่องที่แย่มากเลยนะคะ พวกเขาคือเหล่านักบวชที่อุทิศร่างกายเพื่อประเทศเลยนะคะ พวกเราควรที่จะเคารพความคิดของพวกเขาค่ะ”
(ไม่ได้เป็นกะหรี่เพื่อขายตัว Butทำเพื่อชาติเพราะงั้นเลยเลือกคนได้)
อ๋าาา เป็นยังงี้นี่เอง พอจะเข้าใจแล้วล่ะ
“มันช่วยไม่ได้หรอกค่ะ ด้วยรูปลักษณ์แบบนี้ แถมฉันยังเป็นเอลฟ์อีก”
คุณไอริสยิ้มแห้งออกมาราวกับตัดใจยอมแพ้
อืม แต่อย่างที่คิด ก็ยังมีบางจุดที่ผมยังไม่เข้าใจ
“แต่ว่าคุณไอริสน่ะ มีความเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนและยังมีความสามารถขนาดนี้แท้ๆ ดูน่ารักสุดๆไปเลยล่ะ ถึงจะดูไม่ค่อยมีความมั่นใจและดูควบคุมตัวเองไม่ค่อยจะได้ แต่นั่นแหละมันสั่นคลอนหัวใจของผู้ชายได้เลย”
“เอ๊ะ…..”
“ก็นะ ถ้าคิดในทางกลับกันแล้ว เธอก็ไม่ต้องไปให้ค่าคนพวกนั้นหรอก ฉันคิดว่าจะต้องมีผู้ชายที่สามารถมองเห็นถึงสิ่งดีๆภายในตัวของคุณไอริสและคนอื่นๆได้แน่นอน ขอแค่มีคนแบบนั้น….”
พูดมาขนาดนี้แล้ว ผมก็รู้ตัวว่าไอ้โรคจิตที่ฉวยโอกาสผู้หญิงอย่างคุณไอริสกับคุณคาร์ล่าแบบผมก็คงพูดอะไรไม่ได้
ใช่แล้ว ผมเองนี่แหละ!
คุณไอริสที่อยู่ตรงหน้าผมหน้าแดงกระสับกระส่าย
แต่เมื่อผมรู้ตัวเองว่าผมมันแค่คนเลวแล้ว ผมจึงไม่พยายามจะฉวยโอกาสอีกต่อไป
MANGA DISCUSSION