“สกปรกจังนะ”
นั่นคือเสียงแรกที่หลุดจากปากของอาสุมิเมื่อก้าวเข้ามาในห้องของอิโอริ
เธอแค่บอกตรง ๆ ว่ารู้สึกอย่างไรกับความรกในห้องเขา
แม้ขยะและเสื้อผ้าจะถูกจัดเก็บแล้ว แต่เอกสารและหนังสืออ้างอิงสำหรับภาพประกอบยังกองพะเนิน และบนโต๊ะมีฟิกเกอร์และโมเดลวางเรียงรายแบบไม่เป็นระเบียบ
ทางเดินอยู่ไปรอบๆห้องถูกดูแลอย่างดี มีทางเดินไปยังห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น แต่กลับสะท้อนถึงความรกแบบสุด ๆ
หันไปหาอาสุมิเพราะสงสัยว่ามันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่เธอกลับมีสีหน้าผิดหวัง เลยไม่ได้ถามออกไป
ดูเหมือนว่าจะอยู่ในสภาพที่แย่มาก
“นี่ล่ะห้องของนักวาด”
“ขอโทษนักวาดทุกคนในประเทศเลยนะ!”
โดนเธอว่านิดหน่อย แต่เพราะมันค่อนข้างจะเป็นความจริง ก็เลยตอบกลับไปว่า “ก็มันเรื่องจริงนี่นา” แล้วก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ
“แล้วดูหุ่นยนต์ถูพื้นตรงมุมโน้นสิ ดูโซมขนาดนี้ขอโทษมันด้วยเลยนะ”
“อืม มันใช้ไม่ได้แล้วล่ะ”
“ก็เพราะมันอยู่ในสภาพแบบนี้ไง อย่างน้อยก็ลองทำให้มันทำงานได้หน่อยเถอะ”
อาสุมิถอนหายใจอย่างหมดอาลัย มองอิโอริด้วยสายตาเหมือนประชดประชัน
อิโอริมักโชว์ทำกับข้าวแล้วโพสต์ลงโซเชียล คนเลยคิดว่าเขาทำงานบ้านได้สารพัด
อาสุมิคงก็คิดเช่นนั้น
แต่ในความจริง เขาเป็นคนไม่ค่อยเป็นระเบียบ ถึงจะเคยเก็บกวาด แต่อีกแปปเดียวก็รกใหม่ และก็แทบไม่มีเวลาทำความสะอาดจริงจัง
“เซนเซย์ คุณทำอาหารได้ แต่ทำไม..”
“ครอบครัวฉันบอกให้ฉันทานข้าวให้เป็นเวลา แล้วคุณปู่คุณย่าก็เปิดร้านอาหาร เลยสอนฉันตั้งแต่เด็ก และเป็นเงื่อนไขที่ฉันต้องทำได้ถ้าอยากอยู่คนเดียว”
“งี้เองสินะ”
“ฉันซักผ้าได้ด้วยนะ”
“โทกิซากะซังอยู่คนเดียวไม่ใช่เหรอ ก็ต้องทำได้อยู่แล้วสิ”
คำพูดของอิโอริเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แต่กลับโดนอาสุมิซัดกลับแบบไม่ปราณี
จากมุมของเธอที่อยู่ตัวคนเดียวก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับนักเรียนมัธยมและนักวาดภาพประกอบนั้นเป็นเรื่องยากเลยหล่ะ
“ถึงจะไม่ได้เก็บกวาด แต่ฉันก็ทำความสะอาดนะ ไม่เห็นฝุ่นเลยนะ”
“ไม่ได้สิ… เดี๋ยวมันจะกลายเป็นเรื่องยากเอานะ ลองสตรีมเก็บกวาดห้องดีมั้ย?”
“ขอผ่านดีกว่า เพราะแฟนๆ คิดว่าฉันเป็นคนทำงานบ้านเก่งอยู่แล้ว”
“ข้ออ้างโง่ๆ เลยนะแบบนั้น”
“อย่าเพูดแบบนั้นสิ”
ถ้าไม่สตรีมเก็บห้องตามที่เธอบอก ก็คงไม่มีวันจัดห้องนี่จนเสร็จหรอก
แม้เขาจะไม่อยากเสียภาพลักษณ์ “คนทำงานบ้านเก่ง” อิโอริก็รู้ว่าควรทำอะไรสักอย่างกับมัน
ข้ออ้างที่พูดไปนั้นก็แค่เพราะว่าไม่อยากทำเฉยๆ
อาสุมิจ้องเขาด้วยสายตาว่างเปล่า แล้วพึมพำเบา ๆ “ช่างน่าสงสาร”
“อ่า ตรงนี้เซฟโซนหล่ะ”
ถึงห้องจะรกขนาดไหน ส่วนโต๊ะกินข้าวก็สะอาดเอี่ยม
อาสุมิดูจะประทับใจเล็กน้อย แต่ก็เพราะเธอเทียบมันกับส่วนอื่นๆของห้อง
คำว่าประทับใจก็เลยไม่ได้ดูดีมากนักแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ อิโอริก็เลยไม่ได้สนใจ
หลังจากเตรียมชาให้อาสุมิและนำไปเสิร์ฟที่โต๊ะแล้ว อิโอริก็เดินกลับไปที่ห้องครัว
อาสุมิพูดขอบคุณพร้อมโค้งคำนับ แต่เธอเอียงคอเหมือนจะพูดว่า “ทำไมล่ะ?”
ดูเหมือนว่าเธอคิดว่าจะต้องนั่งเผชิญหน้ากันที่โต๊ะ
“เรามีประชุมกัน แต่จะคุยกันที่โต๊ะก็คงอึดอัดแย่ เพราะงั้นฉันจะทำกับข้าวไปด้วย ระหว่างคุย คงไม่ว่าอะไรใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นไรค่ะ แบบนี้ฉันก็น่าจะพูดได้สบายใจกว่าเหมือนกัน”
การคุยกับเพื่อนบ้านที่เคยเย็นชา แล้วกลับมาพบว่าพวกเขาสนิทกันในโลกออนไลน์นั้นน่าอายหน่อย
แม้แต่ อากิซึมิที่ดูเหมือนจะนั่งเงียบๆ ก็ยังดูรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ถ้าทำอาหารไปด้วยก็อาจจะช่วยคลายความอึดอัดได้
“งั้นเริ่มละนะ”
“ทำเมนูอะไรงั้นเหรอ?”
หลังจากได้รับอนุญาตจากอาสุมิแล้ว อิโอริก็เริ่มเตรียมอาหารเย็นทันที
และอาสุมิก็ถามฉันด้วยความสนใจ
“แฮมเบิร์กกับซุปข้าวโพดพร้อมสลัดหน่ะ”
“เมนูคลาสสิกเลยสินะ”
“ทั้งอร่อยและทำง่ายล่ะนะ ที่ต้องใช้เวลาจริงๆก็มีแค่แฮมเบิร์กสเต็ก”
“แล้วก็ทำเมนูอื่นรอได้สินะ”
“จะว่าไป มินาเสะเธอก็ทำอาหารเองบ่อยใช่ไหม? เห็นลงรูปในทวิตเตอร์เยอะเลย”
“แต่ช่วงนี้ยุ่งมากก็เลยแทบไม่มีเวลาเข้าครัวเลย”
อาสุมิพึมพำพร้อมกับมองไปทางอื่น ดูเหมือนงานเธอจะยุ่งมาก
มีอีเว้นและโปรเจ็กต์ต่างๆ มากมายที่วางแผนไว้สำหรับช่วงปีใหม่
เลยไม่น่าแปลกใจที่เธอแทบไม่ว่างเข้าครัว
เขารู้สึกสงสารเธอขึ้นมาเล็กน้อย
“เกิดอะไรหรือเปล่า? อาจจะมีปัญหาเรื่องอาหารหรอ?”
“มันค่อนข้างน่าอาย… แต่ช่วงวันหยุดยาวฉันยุ่งมาก แล้วก็มีสอบปลายสัปดาห์นี้ด้วย ก็เลย…”
ในสตรีม เธอได้ชื่อว่าเป็นแม่บ้านตัวอย่าง ทั้งทำกับข้าว ทำความสะอาด ห้องเรียบร้อย จนเพื่อนร่วมงานยังชมไม่ขาดปาก
ถึงจะมีภาพลักษณ์ว่าจะจัดการกับอะไรก็ได้ แต่เธอกลับไม่สามารถรับมือกับเวลาได้
อิโอริเองก็เหมือนกัน เวลางานด่วนเขาก็มักจะละเลยงานบ้านอยู่บ่อย ๆ จึงเข้าใจความรู้สึกของเธอดี
“มันลำบากเลยแหละ พอมีเรื่องให้ทำเยอะขนาดนี้ พอใกล้ช่วงเดดไลน์ฉันก็มักสั่งอาหารนอกบ้านไม่ก็เดลิเวอรี่หน่ะ”
“ฉันทำโอนิกิริกินบ้าง แต่ก็ดูแล้วไม่ค่อยครบโภชนาการเท่าไร”
อากิซึมิเล่าสถานการณ์ปัจจุบันให้ฟังด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
สำหรับอิโอริ ผู้ชินกับการกินไอศกรีม ขนม และอาหารเสริมแทนข้าวทั้งมื้อ เมื่อข้าวปั้นยังถือว่าน่าประทับใจแล้ว
แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ยิ่งเป็นห่วงเธอเข้าไปอีก
“งั้นอยากกินแฮมเบิร์กมั้ย?”
“เอ๋?”
คำถามนั้นผุดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจพร้อ่มความเป็นห่วง
อิโอริหยุดทำซุป หันไปมองอาสุมิ เธอตาเบิกกว้าง
“เธอคงไม่ได้กินอะไรดี ๆ มาสักพักเลยใช่มั้ย?”
“เอ่อ ก็… ค่ะ”
“ถ้างั้น เดี๋ยวฉันทำให้ จะทำสำหรับหนึ่งหรือสองคนก็ไม่ค่อยต่างกันอยู่แล้ว”
“ฉันแค่คิดว่า จะไม่ลำบากหรอคะ?”
อิโอริที่ทำกับข้าวเป็นประจำ รู้ดีว่าการได้กินอาหารดี ๆ ช่วยให้ร่างกายพร้อมสู้กับงานและการสอบ
อาสุมิพยายามปฏิเสธ แต่เขาก็อยากให้เธอได้กินอะไรดีๆ
“ยังไม่ได้ขอบคุณเรื่องถุงขยะเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจหรอก แต่ถ้าไม่ชอบก็บอกฉันได้นะ”
“ไม่มีทางค่ะ จริงๆแล้วฉันก็อยากลองฝีมือคังคิทสึเซนเซย์มานานแล้วด้วย”
“งั้นก็ตามนั้น”
ดึงดันเธอไปหรือป่าว? แต่เธอก็ส่ายหัวอย่างแรงพร้อมปฏิเสธอย่างกะทันหัน
ดูเหมือนเธอแค่ลังเลนิดหน่อย
อิโอริเลยหยิบวัตถุดิบสำหรับเพิ่มอีกหนึ่งจานออกจากตู้เย็นทันที
MANGA DISCUSSION