– อาคิยามะ เออิชิ –
เดิมทีแล้วในวันนี้ผมมีแผนจะออกไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ของตัวเองสำหรับใส่ไปเดตในวันพรุ่งนี้ รวมถึงหาซื้อของขวัญวันเกิดดีๆ สักชิ้นสำหรับคู่เดตของผม
ของขวัญวันเกิดสำหรับโอโตเมะ
ทว่าแผนนี้เป็นอันต้องปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเมื่อมีสาวน้อยนางหนึ่งล่วงรู้เข้า
– “ที่ฉันล่ะปล่อยทิ้งไว้ทั้งที่สัญญากันก่อนตั้งนมนานแล้ว ชิ” –
คุณอันนะบ่นผมด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เรียกได้ว่างอนกันเต็มขั้น
มันเป็นความจริงที่ผมไปสัญญาเอาไว้ว่าจะไปเที่ยวเล่นกับเธอตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มทำงานพิเศษ
ทว่าพอได้เริ่มงานจริงๆ แล้วผมกลับลืมคำสัญญานี้เสียสนิท มันจึงไม่แปลกเลยที่อันนะจะไม่พอใจเมื่อรู้ว่าผมละเลยสัญญาของเธอไปให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่า
ดังนั้นแล้วเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาทีหลังอย่างเช่นการพาลไม่พอใจกันไปทั่ว วันนี้ผมจึงพาแม่น้องสาวตัวแสบมาเที่ยวเล่นที่ห้างบันโชวโดยมีจุดประสงค์หลักอยู่ 2 อย่าง
หนึ่งคือทำตามสัญญากับอันนะ และสองคือตามหาเสื้อผ้าและของขวัญสำหรับวันพรุ่งนี้
“พี่ชาย วันนี้นอกจากซื้อเสื้อผ้ากับของขวัญแล้ว ที่เหลือต้องตามใจฉันนะ”
อันนะที่เดินคล้องแขนเหมือนกลัวผมจะหายตั้งแต่ลงจากรถไฟพูดขึ้น
แม้จะรู้ว่าสาเหตุที่ผมพาเธอมาห้างไม่ได้มีแค่พาเธอมาเที่ยวเล่น แต่เธอก็ไม่ได้โวยวายแต่อย่างใด กลับกันยังจะช่วยให้งานของผมสำเร็จลุล่วงไปได้เร็วขึ้นด้วย
– “จะได้ไม่เสียเวลาพาฉันเที่ยวเล่นไง” –
จำได้ว่าเธอพูดแบบนี้ตอนก่อนออกมาจากบ้านละน่ะ
ใช้เวลาเดินจากสถานีที่ใกล้ที่สุดไม่กี่นาทีผมกับอันนะก็มาถึงประตูทางเข้าห้างบันโชว ห้างที่ใหญ่และครบครันทันสมัยที่สุดของเมือง
“เพิ่ง 11 โมงเอง เธออยากจะที่ไหนก่อนดี?”
อันนะที่ตอนนี้เบียดเข้ามาชิดผมมากกว่าเก่าเงยหน้าขึ้นมา เพราะว่าตัวเธอเล็กกว่าผมมาก ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมามากเช่นกันเมื่อมายืนชิดกันแบบนี้
“วู้วว… อย่าขยับซิ ขอหลบแดดหน่อย”
“เข้าไปข้างในดีกว่ามั้ยแบบนั้น”
“อืมมม… งั้นไปเลือกชุดของพี่ก่อนแล้วกัน จากนั้นค่อยไปดูของขวัญ หาอะไรกิน เดินย่อยที่โซนเกม ก่อนกลับก็ไประบายอารมณ์ที่คาราโอเกะสักหน่อย”
[‘โปรแกรมแน่นเอียดเลยนะเนี่ย’]
เพราะบอกว่าจะตามใจ ผมเลยให้อันนะคิดมาว่าอยากจะไปที่ไหนหรือทำอะไรก่อนหลัง โดยมีเงื่อนไขแค่ต้องไปซื้อของกับผมด้วย
“งั้นก็ไป”
นี่ไม่ใช่การเดินห้างครั้งแรกกับผู้หญิง และยิ่งไม่ใช่การเดินห้างครั้งแรกกับอันนะ
อันที่จริงเราเคยมาเที่ยวเล่นด้วยกันบ่อยๆ และหลายๆ ครั้งก็จะมีเพื่อนของผมและเพื่อนของเธอมาด้วย แต่หลายครั้งก็มากันเองแค่สองคนแบบนี้
หากถามความรู้สึกในฐานะเด็กผู้ชาย ม.ปลายที่ได้มาเดินเที่ยวในช่วงวันหยุดกับเด็กผู้หญิงอย่างอันนะ ก็คงบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเรื่องที่น่าดีใจอย่างยิ่ง แต่สำหรับความรู้สึกส่วนตัวจริงๆ แล้ว การเดินกับเธอให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการมาเที่ยวกับคนในครอบครัว
เหมือนการมาเที่ยวของพี่ชายกับน้องสาว หรือบางทีคนอื่นอาจจะมองว่าเป็นการมาเที่ยวของพ่อกับลูกสาวก็ได้
“ยินดีต้อนรับค่ะ สนใจสินค้าตัวไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ?”
ทันทีที่อันนะและผมย่างเท้าเข้าสู่ร้าน พนักงานสาวท่าทางคล่องแคล่วคนหนึ่งก็ออกมารับหน้าพวกเราทันที
อันนะบอกเธอว่าขอเลือกดูก่อน จากนั้นก็ลากผมเข้าไปข้างใน เดินดูไปตามราวแขวนที่มีเสื้อผ้ามากมายหลายแบบแขวนโชว์อยู่
พอเจอตัวไหนที่ถูกใจหน่อย เธอก็จะหยิบออกมาทาบกับตัวผม จากนั้นก็จะเก็บแขวนไว้ที่เดิม ไม่ก็ให้ผมถือไว้
ใช้เวลาไม่นานนักก็ได้เสื้อผ้ามาสองชุด อันนะใช้ให้ผมไปลองใส่ให้เธอดู ที่แรกตั้งใจว่าจะเอาทั้งสองชุดเลย แต่อันนะก็ยังบังคับให้ไปลองอยู่ดี
“เอาชุดนี้ค่ะ”
อันนะหันไปบอกพนักงานโดยไม่ถามผมสักคำ แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ เพราะชุดที่เธอเลือกมาก็ดูเข้ากับผมจริงๆ
ใช้เวลาไปราว 40 นาทีเท่านั้นในการเลือกชุด ซึ่งเร็วมาก ผมขอบคุณอันนะที่ช่วยเลือกให้ ส่วนคำตอบที่ได้
“ฉันต้องทำเวลาน่ะ”
อ่ะจ้ะ…
จากนั้นก็เป็นการไปเลือกของขวัญสำหรับโอโตเมะ ซึ่งอันนี้อันนะก็ทำการบ้านมาดี
เธอให้ผมเลือกกำหนดหัวข้อหลักของสิ่งที่อยากได้ จากนั้นก็ค่อยเจาะจงลงไปในรายละเอียด จนในที่สุดเราก็แทบจะได้ยี่ห้อของของขวัญที่ผมอยากได้ เหลือแค่ไปดูของจริง ถ้าถูกใจก็จ่ายเงินเป็นอันจบ
แล้วก็จบจริงๆ เดินกันจนครบทั้งชั้นแต่กลับหาของที่ต้องการไม่ได้
ไม่ใช่ว่าของชิ้นนั้นไม่มีหรอกนะ แต่ว่ามันดันขาดตลาดเลยไม่มีของเข้ามา หากอยากได้จริงๆ ต้องรออีกสามถึงห้าวันซึ่งนั่นก็นานเกินไป
“เอาไงดีพี่ชาย เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นมั้ย?”
อันนะที่เดินไปเดินมาช่วยผมหาของนั่งลงตรงจุดพัก เธอดูเหนื่อยเล็กน้อยจากการเดินไปทั่วผมเลยซื้อน้ำมาให้เธอดื่ม
“นั่นซินะ งั้นเปลี่ยนไปเป็นของที่เล็งไว้เป็นอันดับสองแล้วกัน”
“ก็ไหนว่ามันค่อนข้างเสี่ยงไง”
“ช่วยไม่ได้ละนะ มาขนาดนี้แล้วก็เสี่ยงให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยแล้วกัน”
“ตามใจแล้วกัน อกหักมาก็มาซบอกฉันได้นะ ถึงขนาดจะสู้ไม่ได้ แต่ความนุ่มคงไม่แพ้หรอก”
“ทะลึ่ง”
ผมดีดหน้าผากอันนะที่เอามือดันหน้าออกตัวเองเบาๆ จนเธอหน้าย่นพร้อมกับบ่นผมอุบอิบ
“ปะ”
“ห๊ะ! ฉันเพิ่งพักเองนะ”
“เที่ยงกว่าแล้วนะ ถ้าช้าเดี๋ยวจะกินข้าวช้าไปด้วย”
อันนะที่บ่นเป็นหมีกินผึ้งลุกเดินตามมา เราสองคนใช้เวลาเล็กน้อยเข้าสู่โซนเครื่องประดับ
“ของขวัญชิ้นแรกก็เป็นเครื่องประดับเลยเนี่ย ถ้าผู้หญิงไม่คิดอะไรด้วยเขาจะแหยงเอาได้นะคะพี่”
“ก็ภาวนาอย่าให้เขาแหยงซิ”
ผมพูดโต้ตอบกับอันนะขณะเลือกดูสร้อยข้อมือที่มีลวดลายน่ารักดูเหมาะกับวัยรุ่นในร้านเครื่องประดับแห่งหนึ่ง
“เธอว่าอันนี้เป็นไง?”
“ก็น่ารักดีนะ แต่พี่รู้ความหมายของมันหรือเปล่า?”
“มันมีความหมายด้วยเหรอ?”
“มีซิ ลายนี่มันดอกสแตติส”
“แล้วมันดีหรือไม่ดีล่ะ?”
“ฉันไม่บอกพี่หรอก”
อยู่ดีๆ ก็โดนงอน ผมมองอันนะที่เดินแยกตัวไปดูเครื่องประดับชิ้นอื่นแล้วจึงล้วงเอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมาค้นหาความหมายของดอกไม้ที่อันนะว่า
[‘อ่ออ… แบบนี้นี่เอง’]
“งั้นเอาอันนี้ครับ รบกวนห่อให้ด้วย”
ผมแจ้งพนักงานที่อยู่ตรงนั้นพร้อมกับเก็บโทรศัพท์ของตัวเองใส่กระเป๋าพลางจินตนาการว่าถ้าโอโตเมะเห็นของขวัญนี้แล้วจะทำหน้ายังไง
“ฝันกลางวันอะไรอยู่เหรอคะคุณพี่”
“เอ๊ะ?”
“ไปค่ะ จ่ายเงินแล้วไปกันได้แล้ว”
อันนะกับผมเดินออกมาจากร้านหลังจากรับของและชำระเงินเสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปสู่โซนร้านอาหาร
หลังการเดินสำรวจดูคร่าวๆ รอบหนึ่ง อันนะก็เลือกร้านอาหารสไตล์คาเฟ่ที่ค่อนข้างเป็นที่นิยมของเด็กวัยรุ่น
แน่นอนว่าภายในร้านมีการจัดตกแต่งในโทนสดใสเหมาะกับช่วงวัยของกลุ่มเป้าหมาย มีเมนูหลากหลายไล่ตั้งแต่อาหารจานหลักไปจนถึงของหวานทานเล่นเบาๆ
เราทั้งคู่สั่งอาหาร นั่งคุยเล่นกันเบาๆ ยิ้มให้กันบ้าง เถียงกันบ้าง ผมรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาสบายๆ ที่ตัวเองไม่ต้องคิดอะไรมากมาย สามารถปล่อยตัวปล่อยใจได้อย่างอิสระ
“หลังจากนี้ไปเดินย่อยกันที่โซนเกมนะ ฉันอยากได้ตุ๊กตาใหม่มาประดับห้อง พี่ชายคีบให้หน่อยซิ”
การที่มีเด็กสาวน่ารักมานั่งตรงหน้าพร้อมกับออดอ้อนแบบนี้เป็นอะไรที่ทำให้หัวใจชายหนุ่มเช่นผมอ่อนบางลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ผมเอื้อมมือไปขยี้หัวอันนะที่ยื่นหน้ามาขอตุ๊กตาเบาๆ ด้วยความรู้สึกที่ว่าไม่อยากเห็นใบหน้าของเธอแสดงความเสียใจแม้แต่น้อย
“เอาซิ อยากได้กี่ตัวฉันก็จะคีบให้”
“งั้นเอาหมดตู้”
“เธอจะไปเปิดร้านขายตุ๊กตาหรือไง”
อันนะหัวเราะร่า ผมคิดว่าเธอคงจะอารมณ์ดีขึ้นแล้วเพราะอิ่มท้อง ดังนั้นเมื่อเราคุยกันเสร็จผมจึงพาเธอไปยังเป้าหมายต่อไปทันที
แต่…
“เอส?”
[‘หือ?’]
เสียงที่คุ้นหูและคำเรียกที่เป็นเอกลักษณ์หยุดจังหวะการก้าวเดินของผมลง
อันนะเองก็หยุดเดินเช่นกัน เราสองคนหันหลังกลับไปมองทางต้นเสียงแล้วก็พบว่าตรงนั้นมีนางแบบยืนอยู่
จริงๆ สวยกว่านางแบบอีก
ทาเคโนะอุจิที่อยู่ในชุดเสื้อยืดรัดรูปและแจ็คเก็ต บนศีรษะสวมหมวกแก๊ปสีเดียวกับเสื้อตัวใน
กางเกงยีนขายาวที่มีรอยขาดตรงเหนือเข่าเล็กน้อยช่วยขับเน้นเรียวขายาวของเธอให้ดูยาวขึ้นไปอีก บวกกับออฟชั่นจากรองเท้าส้นสูง ทำให้เธอกลายเป็นสาวมั่นทันสมัย ทั้งสวย ทั้งเท่ในเวลาเดียวกัน
“เอสจริงๆ ด้วย อันนะจังเองก็อยู่ด้วย”
ทาเคโนะอุจิเดินเข้ามาทักทายเราสองคนด้วยท่าทางดีอกดีใจ ต่างจากผมที่ออกจะลำบากใจนิดหน่อย
– “อันนะไม่ชอบยัยนี่” –
รู้สึกได้ทันทีว่าแรงบีบที่แขนเพิ่มขึ้น แต่เมื่อหันไปมองกลับไม่เห็นปฏิกิริยาใดบนใบหน้าของอันนะ
“สวัสดีค่ะรุ่นพี่ มาคนเดียวเหรอคะ?”
อันนะทักทายทาเคโนะอุจิกลับไปเป็นปกติ มองไม่เห็นร่องรอยว่ามีความรู้สึกไม่ดีต่อกัน ยกเว้นว่าเธอกระชับแขนผมที่กอดไว้แน่นขึ้น
“วันนี้มาคนเดียวน่ะ ว่าจะมาหาของขวัญวันเกิดให้อามายะจัง… จริงซิ เอสรู้หรือยังว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของอามายะจังน่ะ”
“รุ…”
“รู้แล้วค่ะ พี่ชายชวนรุ่นพี่โอโตเมะไปเดตเรียบร้อยแล้ว”
สิ้นคำตอบของอันนะ เดดแอร์สั้นๆ พลันเกิดขึ้นระหว่างพวกเราสามคน ก่อนที่ทาเคโนะอุจิจะทำลายมันด้วยรอยยิ้มมาตรฐานสำหรับบุคคลทั่วไป
“งั้นหาของขวัญให้อามายะจังได้แล้วเหรอ?”
“อ่า ได้แล้ว”
ทั้งที่เป็นแค่บทสนทนาปกติธรรมดาของคนเป็นเพื่อนกันแท้ๆ แต่ทำไมผมถึงได้รู้สึกผิดนักก็ไม่รู้
“งั้นเหรอ อุตส่าห์คิดว่าจะได้เพื่อนเดินเลือกของด้วยกันแล้วเชียว”
“โทษทีนะ”
ถึงจะรู้สึกผิดโดยไม่มีเหตุผลที่ต้องปล่อยให้ทาเคโนะอุจิไปเลือกของขวัญเองคนเดียว แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันระหว่างเธอและอันนะ ผมเห็นควรว่าจะต้องแยกพวกเธอออกจากกันก่อน
“ตอนนี้ก็ว่างอยู่ด้วยซิ เราไปช่วยรุ่นพี่เลือกของกันมั้ยพี่ชาย?”
“เอ๊ะ?”
อยู่ดีๆ อันนะก็พูดอะไรเหนือความคาดหมายขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมท่าทางจะไม่ได้พูดเล่นซะด้วย สร้างความประหลาดใจให้ทั้งผมและทาเคโนะอุจิเป็นอย่างมาก
[‘ยัยนี่วางแผนอะไรอีกล่ะเนี่ย?’]
ผมมองอันนะด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่เหมือนเธอจะไม่สนใจและหันไปคุยกับทาเคโนะอุจิแทน
สรุปสุดท้ายแล้วแผนไปเดินย่อยที่ร้านเกมก็ต้องถูกเปลี่ยนเป็นการเดินช่วยทาเคโนะอุจิเลือกซื้อของขวัญแทน
“วางแผนอะไรอีกยัยตัวแสบ”
“ฮิๆ ไม่มีอะไรหรอกน่าพี่ ก็แค่รู้สึกสงสารเฉยๆ”
“สงสาร?”
“ใช่”
จากทีแรกที่สงสัย พอได้ยินคำตอบแบบนี้เข้าไปยิ่งสงสัยหนักกว่าเก่า แล้วอันนะเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมแต่กลับกระซิบบ่นผมแทน
“พี่ชายเนี่ย เป็นพวกที่พอสนใจอะไรแล้วก็จะละเลยสิ่งรอบตัวตลอดเลย”
“ไหงฉันโดนบ่นล่ะ?”
“ก็เพราะฉันไม่ชอบด้านนั้นของพี่ยังไงล่ะ”
“ด้านไหน?”
“ไปคิดเอาเองซิ”
“ไหงงั้น…”
MANGA DISCUSSION